รัฐบาลห่วงใยเด็กและเยาวชน จากภัยมิจฉาชีพในโซเชียลมีเดีย หลอกทำงาน ชวนลงทุน เตือนระมัดระวังการพูดคุยคนแปลกหน้า อย่าหลงเชื่อโอนเงินโดยง่าย แนะผู้ปกครองดูแลใกล้ชิด

รัฐบาลห่วงใยเด็กและเยาวชน จากภัยมิจฉาชีพในโซเชียลมีเดีย หลอกทำงาน ชวนลงทุน เตือนระมัดระวังการพูดคุยคนแปลกหน้า อย่าหลงเชื่อโอนเงินโดยง่าย แนะผู้ปกครองดูแลใกล้ชิด โรงเรียนให้ความรู้สร้างภูมิคุ้มกัน หน่วยงานเกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายเด็ดขาด

14 มกราคม 2566 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่ปัจจุบันประชาชนโดยเฉพาะเยาวชนได้ใช้เวลาอยู่กับเครื่องมือสื่อสารและโลกออนไลน์มากขึ้นและมีความสนใจหารายได้รูปแบบต่าง ๆ ผ่านโซเชียลมีเดีย จึงเพิ่มโอกาสเผชิญกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ ถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพที่แฝงตัวอยู่ในโลกออนไลน์มากขึ้นตามไปด้วย

ซึ่งรัฐบาลมีความห่วงใยและขอย้ำเตือนให้ประชาชนระมัดระวังภัยที่มาในรูปแบบต่าง ๆ อาจนำไปสู่ความสูญเสียทั้งทรัพย์สินและชีวิต เช่นกรณีเหตุเศร้าที่เกิดกับนักเรียนชั้น ม.3 ในพื้นที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อไม่นานมานี้

ทั้งนี้ รัฐบาลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมประชาสัมพันธ์ ได้เร่งประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่าง ๆ ให้ความรู้ประชาชนให้รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของมิจฉาชีพในโซเชียลมีเดียโดยต่อเนื่อง แต่ด้วยการใช้โซเชียลมีเดียที่กว้างขวางของประชาชนหลายกลุ่มและช่วงวัย อาจทำให้ยังมีประชาชนบางส่วนที่ยังไม่รู้ ไม่เท่าทัน และตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รัฐบาลจึงขอให้พ่อแม่ ผู้ปกครองดูแลสอดส่องการใช้โซเชียลมีเดียของบุตรหลาน เตือนให้ระมัดระวังมิจฉาชีพ การหลอกลวง กลโกงที่มาในรูปแบบต่าง ๆ โรงเรียน สถานศึกษามีการสอดแทรกความรู้ผ่านสื่อการสอน หรือช่องทางประชาสัมพันธ์ของสถานศึกษาให้เยาวชนรู้ถึงภัยที่มากับโลกออนไลน์และสามารถป้องกันตนเองได้ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด

โดยพฤติการณ์ของมิจฉาชีพในโซเชียลมีเดียถือเป็นความผิดทางอาญาที่มีโทษสูงหลายฐาน อาทิ ฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท ความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ฐานโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน โทษจำคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท

“ปัจจุบันมิจฉาชีพได้แฝงมาในโลกออนไลน์จำนวนมากและหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการชักชวนลงทุน หรือชักชวนให้ทำงาน เช่น ให้ดูยูทูป โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อปั่นยอดวิว ก่อนโน้มน้าวชักชวนลงทุนและนำไปสู่การหลอกลวงทำให้เสียทรัพย์ จึงขอให้ประชาชนและเยาวชนระมัดระวัง ตรวจสอบบุคคลที่มาชักชวนทำงานหรือลงทุนอย่างรอบคอบ อย่าโอนเงินให้ใครโดยง่ายโดยเฉพาะคนแปลกหน้า” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

Written By
More from pp
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบหนุ่มเปิดบัญชีม้า ขบวนการตุ๋นผ่านแพลตฟอร์มช็อปปิ้งออนไลน์ มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2566 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง(บก.ทล.) ร่วมกันจับกุม นายกำธรฯ กระทำความผิดฐาน “พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน,...
Read More
0 replies on “รัฐบาลห่วงใยเด็กและเยาวชน จากภัยมิจฉาชีพในโซเชียลมีเดีย หลอกทำงาน ชวนลงทุน เตือนระมัดระวังการพูดคุยคนแปลกหน้า อย่าหลงเชื่อโอนเงินโดยง่าย แนะผู้ปกครองดูแลใกล้ชิด”