“ศักดิ์สยาม” เชิญ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นประธานเปิดท่าเรือราชินี และท่าเรือบางโพ เป็นของขวัญปีใหม่ 2566

“ศักดิ์สยาม” เชิญ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นประธานเปิดท่าเรือราชินี และท่าเรือบางโพ เป็นของขวัญปีใหม่ 2566 พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยสู่อนาคต

กระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่า (จท.) พร้อมเปิดให้บริการท่าเรือราชินีและท่าเรือบางโพ กรุงเทพมหานคร ท่าเรือที่มีระบบการให้บริการที่ทันสมัย และมีรูปลักษณ์สวยงามเป็นจุดหมายตา (Landmark) ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ ตามนโยบายของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งทั้งทางบก น้ำ ราง และอากาศ ให้มีความเชื่อมโยง สะดวก ปลอดภัย สร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ตามยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี พ.ศ. 2561 – 2580 ของรัฐบาล

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดท่าเรือราชินีและท่าเรือบางโพ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2566 พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยสู่อนาคต โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมเจ้าท่า นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารกระทรวงคมนาคม หัวหน้าส่วนราชการ และภาคเอกชน เข้าร่วมพิธี ในวันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 ณ ท่าเรือราชินี แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร และท่าเรือบางโพ แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พ.ศ. 2561 – 2580 รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ ทั้งทางถนน ทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในระดับนานาชาติ ตลอดจนการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้มีความสะดวก ปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ตามที่กระทรวงคมนาคม โดย จท. มีแผนพัฒนายกระดับท่าเรือโดยสาร (Smart Pier) ในแม่น้ำเจ้าพระยาให้เป็นสถานีเรือที่มีความทันสมัย สะดวก ปลอดภัย เชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะต่าง ๆ

ทั้งทางถนนและทางราง ภายใต้แผนงานดังกล่าว จท. ได้ก่อสร้าง ปรับปรุงท่าเรือราชินีและท่าเรือบางโพแล้วเสร็จ โดยมีระบบการให้บริการที่ทันสมัย รูปลักษณ์สวยงาม เป็นอารยสถาปัตย์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ทำให้พี่น้องประชาชน ผู้รับบริการ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมากได้รับความสะดวกสบายในการเดินทาง พร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยวทางน้ำที่จะสร้างรายได้ให้กับประเทศ การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางทางน้ำ เป็นทางเลือกที่ดีของการเดินทางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เนื่องจากค่าโดยสารมีราคาประหยัด สามารถกำหนดระยะเวลาการเดินทางได้แน่นอน บรรยากาศในการเดินทางมีความผ่อนคลาย ทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำมีความสวยงาม รวมทั้งการนำเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้ามาใช้งานตามนโยบายของรัฐบาลจะทำให้เกิดความยั่งยืนในการลดภาวะก๊าซเรือนกระจก ลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ลดปริมาณการใช้น้ำมัน ลดมลพิษ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องดังกล่าว และจะทำให้การสนับสนุนแผนพัฒนายกระดับท่าเรือโดยสาร (Smart Pier) ในแม่น้ำเจ้าพระยาบรรลุเป้าหมายสำเร็วลุล่วงเป็นรูปธรรม เพื่อประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนและส่วนรวมต่อไป

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้มุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศให้มีความเชื่อมโยงที่ไร้รอยต่อ สะดวก ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อที่จะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย โดย จท. หน่วยงานที่มีภารกิจในการพัฒนาการขนส่งทางน้ำ ได้กำหนดแผนพัฒนายกระดับท่าเรือโดยสาร (Smart Pier) ในแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ปี 2562 – 2568 ที่จะพัฒนาท่าเรือ จำนวน 29 แห่ง ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ดังนี้

ดำเนินการแล้วเสร็จ (ระหว่างปี 2562 – 2564) เปิดใช้งานแล้ว จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือกรมเจ้าท่า ท่าเรือสะพานพุทธ ท่าเรือนนทบุรี ท่าเรือท่าช้าง ท่าเรือสาทร และท่าเรือพายัพ ดำเนินการแล้วเสร็จเพิ่มในปี 2565 จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือราชินี และท่าเรือบางโพอยู่ระหว่างดำเนินการและจะแล้วเสร็จในปี 2566 จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือท่าเตียน ท่าเรือพระราม 7 และท่าเรือเกียกกาย

แผนดำเนินการในปีงบประมาณ 2566 – 2568 จำนวน 18 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือพระราม 5 ท่าเรือพระปิ่นเกล้า ท่าเรือปากเกร็ด ท่าเรือสี่พระยา ท่าเรือเขียวไข่กา ท่าเรือสะพานกรุงธน (ซังฮี้) ท่าเรือพรานนก ท่าเรือเทเวศร์ ท่าเรือโอเรียนเต็ล ท่าเรือราชวงศ์ ท่าเรือพิบูลสงคราม 2 (นนทบุรี) ท่าเรือวัดตึก ท่าเรือพิบูลสงคราม 1 ท่าเรือวัดเขมา ท่าเรือวัดสร้อยทอง ท่าเรือวัดเทพากร ท่าเรือวัดเทพนารี และท่าเรือรถไฟ

ทั้งนี้ ท่าเรือดังกล่าวจะมีการพัฒนาให้มีรูปลักษณ์สวยงามตามหลัก (Universal Design) มีระบบการให้บริการที่ทันสมัย เชื่อมต่อระบบการขนส่งสาธารณะ ล้อ ราง เรือ ได้อย่างสมบูรณ์ รวมทั้งส่งเสริมให้มีเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าที่สามารถประหยัดพลังงาน ลดมลพิษ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน มีส่วนในการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ และสร้างรายได้ให้กับประเทศ เมื่อการก่อสร้างปรับปรุงท่าเรือแล้วเสร็จตามแผนจะทำให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 53,000 คนต่อวัน ในปี 2570

สำหรับท่าเรือราชินีและท่าเรือบางโพที่เปิดให้บริการในวันนี้ ถือเป็นท่าเรือที่มีความสำคัญและเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อของระบบล้อ ราง เรือ โดยท่าเรือราชินีจะเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้า MRT สนามไชย เป็นจุดเชื่อมการเดินทางเข้าสู่เมืองและแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์รอบเกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญและมีความเก่าแก่เชิงประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน

ทั้งวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร โบสถ์ซางตาครู้ส กุฎีจีน ป้อมวิไชยประสิทธิ์ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร มิวเซียมสยาม และปากคลองตลาด สำหรับท่าเรือบางโพจะเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้า MRT บางโพ และอยู่ใกล้กับทางด่วนศรีรัช เป็นจุดเชื่อมการเดินทางเข้าสู่เมืองและสถานที่สำคัญที่มีความเก่าแก่ คือ ย่านค้าไม้ ซึ่งเป็นแหล่ง ซื้อ – ขายเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยตั้งแต่อดีต และสถานที่ท่องเที่ยวตามวิถีชีวิตที่ทันสมัย เช่น ห้างสรรพสินค้าเกตเวย์ บางซื่อ (Gateway Bangsue) ศูนย์กลางชอปปิ้งพร้อมรับอนาคตชุมชนเมืองใหญ่ เป็นต้น

Written By
More from pp
รมว.กห. หารือข้อราชการ กับ รองนายกฯ อนุทิน และ มท.1
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า
Read More
0 replies on ““ศักดิ์สยาม” เชิญ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นประธานเปิดท่าเรือราชินี และท่าเรือบางโพ เป็นของขวัญปีใหม่ 2566”