1 ธันวาคม 2565 – กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ ไปรษณีย์ไทย เร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล เปิดตัวดิจิทัลโพสต์ไอดี (Digital Post ID) ทางเลือกใหม่ที่พัฒนาขึ้นจากการใช้ชื่อ ที่อยู่ ให้เกิดการระบุตำแหน่ง สถานที่ และการขนส่งแบบ Easy Privacy Security และ Digital Economy อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยงไปสู่กิจกรรมอื่นๆ ได้ เช่น การพัฒนาเส้นทางขนส่ง การป้องกันการปลอมแปลงตัวตน การเงินและการธนาคาร ฯลฯ
โดยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า โครงการ Digital Post ID คือ รหัสไปรษณีย์แบบดิจิทัล ซึ่งในเดิมเราใช้มันจะบอกเป็นอําเภอหรือเป็นตัวพื้นที่ไปรษณีย์กว้างๆ วันนี้เราจะขยายให้เป็นถึงการส่งถึงที่บ้าน การบอกรหัสต่อไปจะเป็นถึงบ้านเป็น location based Digital ID จะทําให้การขนส่ง การส่งสินค้า มีความแม่นยํามากขึ้น
การแจ้งที่อยู่ระหว่างผู้ซื้อผู้ขาย อีคอมเมิร์ซก็จะสะดวกสบายขึ้น ไม่ต้องแจ้งที่อยู่ยาวๆ ทั้งคนส่งก็ไม่ต้องมานั่งเขียนที่อยู่แจ้งเป็นโพสต์ อย่างเดียว และอาจจะทําเป็น QR code ซึ่งจะมีความปลอดภัยเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้รั่วไหลและที่สําคัญการแจ้งเปลี่ยนที่อยู่ก็ทําได้สะดวกผ่านระบบ ผ่านแอปพลิเคชัน
ซึ่งการใช้ Digital Post ID เวลาเราแจ้งที่อยู่ในการส่งสินค้า เราจะแจ้งแค่เป็น Post ID แล้วก็ปริ้นออกมาเป็นคิวอาร์โค้ด เราจะไม่แจ้งที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์จริงให้กับผู้ขายสินค้าหรือคนที่จะส่งมาเพราะฉะนั้นมิจฉาชีพก็จะไม่รู้ข้อมูลเหล่านี้ของเราข้อมูลส่วนตัว เขาจะใช้ข้อมูลเหล่านั้นมาหลอกลวงเป็นสแกม เป็นคอลเซ็นเตอร์อะไรไม่ได้ ซึ่งก็ทําให้ระบบต่างๆก็จะมีความมั่นคงปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ประชาชนก็จะปลอดภัยจากมิจฉาชีพมากยิ่งขึ้นเพราะข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่รั่วไหลแล้ว แค่คิวอาร์โค้ดหรือเป็น Post ID ซึ่งจะเป็นชื่อเล่น ชื่อต่างๆที่เราตั้งขึ้นมาจะเป็นเหมือนเราเซตอีเมลก็จะเป็น Post ID ขึ้นมา
ส่วนปัญหา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งกระทรวงดิจิทัลดําเนินการอยู่ แต่ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบนี้ ต่อไปเวลาเราแจ้งชื่อที่อยู่ เราก็ไม่ต้องแจ้งข้อมูลทั้งหมดแจ้งแค่ Post ID ซึ่งก็อาจจะเป็นรหัสเป็นอะไรบางอย่างอยู่ที่เราดีไซน์ตอนหลังหรือจะเป็นชื่อก็ได้ ชื่อย่อ ชื่อเล่นเป็นรหัสเหมือนอีเมล เราก็ไปตั้งอีเมลของเราเอง พูดง่ายๆ แต่ที่สําคัญคือว่าข้อมูลเหล่านี้เก็บที่ไปรษณีย์ และให้ทุกหน่วยงานมาใช้ร่วมกัน ข้อมูลก็จะไม่รั่วไหลแน่นอน
แต่ว่าส่วนเรื่องการป้องกันมิจฉาชีพ ก็มีเรื่องอื่นด้วยอาจจะเรื่องเกี่ยวกับการโอนเงินซึ่งวันนี้ก็ยังมีการหลอกลวง ซื้อของไม่ได้ของ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ไปรษณีย์ก็หาทางทําอยู่เหมือนกันเราก็คุยกันอยู่ว่าต้องมีเรื่องนี้บัญชีที่ฝากเงินไว้ก่อน จะจ่ายเงินต่อเมื่อได้รับสินค้าแล้วซึ่งปีนี้ก็ทําอยู่แล้วเหมือนกัน แต่ว่าจะพัฒนาต่อไปอีกเรื่องหนึ่งเพื่อป้องกันการซื้อของไม่ได้ของซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของการซื้อของออนไลน์ตอนนี้มีคนร้องเรียนหลายหมื่นคดีในแต่ละปี อันนี้เราต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วย