เปลว สีเงิน
พูดไปก็ “น่าสงสาร” เพื่อไทยเขาเนอะ
อุตส่าห์ปลุกกระแส “แลนด์สไลด์” จนฮิตติดชาร์ตมาเป็นเดือน
เจอลูกเล่น “นายกฯโง่” เข้าหน่อยเดียว
ยุบ-ไม่ยุบ, ย้าย-ไม่ย้าย,ไปต่อ หรือพอแค่นี้ เท่านั้นแหละ
กระแสประยุทธ์อยู่ต่อ กลบกระแสแลนด์สไลด์ จน “มุกแป๊ก” ไปเลย!
กลายเป็นไอ้งั่งยืนเซ่อ เมื่อเจอมุกแสร้งโง่ของนายกฯ งงเป็นไก่ตาแตก คงนึกในใจ “๓ ป.มันเล่นอะไรของมันวะ กูจับทางไม่ถูก”
เมื่อจับไม่ถูก จึง ชกลม-เตะลม วืดไป-วืดมา จนตัวหัวหน้า ที่เจ้านายไม่เคยให้ราคา ปากเขียว-หน้าซีด หมดแรง
เจอลูกเล่นลุงป้อมเข้าไปอีกดอก “พลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ” พรรคเดียวกันเข้าไปอีก
หงายท้อง สี่ตีนชี้โด่เลย!
ถึงบอกว่าชักสงสาร เพราะเจ้าของคอกเอง ทุ่มอาหารเม็ดไปหลายสิบกระสอบ กับการตีปี๊บ “รีแบรนดิ้ง” พรรคเพื่อไทย….
หมายมั่น-ปั้นมือ เชิดลูกสาวเป็น “หัวหน้าครอบครัวใหญ่” นำทัพแลนด์สไลด์ คราวนี้ “พาพ่อกลับบ้าน” สำเร็จแน่
แห่เหนือ แห่อีสาน แห่ใต้ พักเดียว
พ่อยังไม่ทันได้กลับบ้าน หัวหน้าครอบครัวใหญ่ ต้องไปให้ “กำเนิดกุมาร” ซะแล้ว!
นี่แหละเขาว่า “การตลาด” ถึงดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่ถูกไทมิ่ง ด้วยเดาทางนายกฯ ผิด แทนที่จะได้ผล กลายเป็นสะเหร่อดกไปเลย
เหมือนคนจะตั้งท้องนั่นแหละ….
ใช่ว่าทับปุ๊บ-ติดปั๊บซะเมื่อไหร่ มันต้องได้ไทมิ่งระหว่างน้ำเชื้อกับตัวไข่ ถึงจะเกิดการปฎิสนธิ
นายใหญ่คงเคลิ้มกับการตีปีบกันเอง แล้วเคลิ้มเองตอนกลางปี ว่า “นายกฯ กระแสตก” แล้ว
เลยตีรุก ด้วยการตลาด “แลนด์สไลด์”!
กระหนาบด้วยอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาและการปั่นทวีต ติดแฮชแท็ก “ประยุทธ์ออกไป”
สมทบด้วยสามนิ้วกับกากรุ่นเก่า ลากหางกลางถนน
โทนาฟบอก “เอา รปภ.มาขับเครื่องบิน อยู่ไม่ถึงได้จัดเอเปกหรอก”!
เมื่อการแก้รัฐธรรมนูญผ่าน ก็โหมกันอีก ยุบสภา…ยุบสภา นักเลือกตั้งก็หมายมั่นปั้นมือ “ยุบแน่” พากันแต่งหน้าทาปาก เร่ขาย
นายกฯ ก็ยังเฉย…
จนจบเอเปก ทั้งกูรูมหา’ลัย ทั้งหัวหน้าคอกหมา ทั้งโหราผีบอก ที่ฟันธงล่วงหน้า “นายกฯ ไปแน่” พากันหน้าแหกถึงตูดไปตามๆ กัน
นายกฯ ยังอยู่ดี-กินได้-ถ่ายคล่อง ไม่ยุบ ไม่ออก จนถึงขณะนี้
เมื่อคาดการณ์ผิดพลาด ทุกอย่างที่โหมฟืน-โหมไฟล่วงหน้า จึงเสียฟืน เสียเวลา เสียหน้า และเสียเงินเปล่า
ทั้งในคลับเฮาส์และหน้าคลับเฮาส์ก็ “เสียหมา” ไปด้วยกันหมดเลย!
เสียถึงขั้นถูกจับได้ว่า ไอ้ตัวหัวหน้าคอก “ขี้เรื้อนกิน”
เพราะมันเกาปนหอน……
ลุงตู่เลียนแบบมัน ที่อยู่ครบ ๔ ปี!?
อพิโถ ต้องไปเลียนแบบหมู หมา กา ไก่ ที่ไหน ในเมื่อรัฐธรรมนูญบอกโต้งๆ และชาวบ้านเขารู้กันตั้งนานแล้ว ว่าเทอมรัฐบาล มี ๔ ปี
นอนละเมอ ลุกขึ้นรำไปเองเหมือนคนบ้า แล้วเที่ยวทึกทัก ไม่มีรัฐบาลไหนอยู่ได้ครบเทอม ต้องยุบสภาก่อน
ที่จริง ปลายเทอมแบบนี้ นายกฯ เขาจะยุบ ก็ยุบได้
แต่คงเพราะหมั่นไส้สมุนหมานั่นแหละ
เห่าเร้าใต้ถุนดีนัก
ในเมื่อเห่าเก่ง ก็ปล่อยให้เห่าจนหงายท้องหลังกระแทกฝา หมดแรงไปเอง
หยุดเห่า คลานหงิงๆ มาเลียมือ-เลียเท้าเมื่อไหร่ อาจรับพิจารณา “ทำบุญปล่อยสัตว์” ให้สักครั้ง
ความจริง นายกฯ อยู่-ไม่อยู่พรรคไหน มันไม่เกี่ยวอะไรกับการหาเสียงของพรรคไหนเลย
เพราะนายกฯ ก็ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคไหนอยู่แล้ว
เพียงแต่ปี ๖๒ “รับเชิญ” เป็นนายกฯ ตามบัญชีเลือกตั้งให้พรรคพลังประชารัฐเท่านั้น
เมื่อรัฐบาลยังอยู่ ก็ยังเป็นนายกฯ “รับเชิญ” ของพรรคพลังประชารัฐอยู่ ยุบสภาหรือครบเทอมรัฐบาลวันไหน
ก็จบกันไปตอนนั้น!
จะเป็นว่าที่นายกฯ ในบัญชีพรรคพลังประชารัฐในครั้งต่อไปหรือไม่ มันไม่ได้อยู่ที่นายกฯ
หากแต่ อยู่ที่ “พลังประชารัฐ” เขาจะเชิญหรือไม่ตะหาก!
เที่ยวนี้ เห็นบอกกันว่า “ลุงป้อม” ราศีนายกฯ จับเจิดจ้า ในเมื่อลุงป้อมพร้อม ทั้งเป็นหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว มันเหมาะสม ยิ่งกว่า “เทพอุ้มสม” ซะอีก!
ดังนั้น พรรคไหน อยากจะหาเสียงกันแบบไหน อย่างไร จะต้องเป็น “โรคชักระตุก” เพราะลุงตู่จะอยู่ไหนด้วยเหตุผลอันใด?
ไม่เห็นจำเป็นต้องเคี่ยวเข็นให้นายกฯ ตอบ จะอยู่พรรคไหน จะรับเป็นว่าที่นายกฯ ต่ออีกหรือไม่ ตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันโห่
โดยเฉพาะฝ่ายค้าน……..
คนละขั้วโลกกันเลย แดงจะแลนด์สไลด์ ส้มจะครองใจคนรุ่นใหม่ มั่นใจอย่างนั้น ก็ลุยไฟกันไปได้เลย
ไม่ต้องเหลียวหน้า-แลหลัง ล่อกแล่ก ว่า “ประยุทธ์จะอยู่พรรคไหน” หรอก
ถ้าจะให้ตอบประเด็นนี้ ก็ตอบตามภาษาคนรุ่นใหม่ว่า
เพราะ “บารมีนายกฯ” กดทับใจ
จนเกิดภาวะ “ปากกล้า-ขาสั่น” นั่นน่ะซี้!
เห็นว่ารอฟัง “ศาลรัฐธรรมนูญ” คำวินิจฉัยประเด็นหาร ๑๐๐ หาร ๕๐๐ วันนี้ (๓๐ พย.๖๕)
และจากคำวินิจฉัยนั้น จะเป็นตัวกำหนดอนาคตพรรคเล็ก-พรรคใหญ่ ว่าด้วย “การย้าย-การยุบพรรค”
แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับลุงตู่อีกนั่นแหละ!
พูดกันตรงๆ ถึงตอนนี้ ซึ่งปลายเทอมรัฐบาล “ยุบ-ไม่ยุบ” เป็นไปได้ทั้งนั้น
เดือนธันวา.เห็นว่านายกฯ จะไปประชุมที่ยุโรปมิใช่หรือ?
นี่ก็เป็นข้อมูลประกอบการพิเคราะห์อย่างหนึ่ง ว่าช่วงนี้ อาบน้ำ ประแป้ง นอนให้สบาย ไม่ต้องห่วงเรื่องยุบสภา
รอนายกฯ กลับมาก่อน แล้วค่อยลุ้นไปทีละเสต็ป
ลุ้นเรื่องยุบตอนไหนนะ…
ไม่ต้องลุ้นว่าพรรษาหน้า ลุงตู่จะจำพรรษาวัดไหน ระหว่าง “พลังประชารัฐ” กับ “รวมไทยสร้างชาติ” หรอก
และไม่ต้องไปจับจ้องเจ้าอาวาส ดูความเคลื่อนไหวของศิษย์ก้นกุฎิอย่าง “รัฐมนตรีสุชาติ ชมกลิ่น” ก็เห็น
“ขนข้าว-ขนของ” ล่วงหน้าจากพลังประชารัฐแบบนี้ ยังจะต้องไปจี้ถามหรือตีความหาวิมานอะไรอีกล่ะ?
ลุงป้อมก็บอกโต้งๆ วานซืน ไม่แตกเพียงแยกไปทำงาน!
ภาษิตนักเลงเขามีว่า…….
โต๊ดๆ เต็งๆ เป็นนักเลงได้นาน กั๊กๆ อ๋อๆ เหลือแต่กระ…กลับบ้าน!
การเมืองก็เหมือนกัน อย่างรัฐมนตรีสุชาติและอีกบางคน ไม่เพียงกับนายกฯ ประยุทธ์วันนี้
ต่อไปในวันข้างหน้า ถึงพลเอกประยุทธ์ไม่อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะตกกระป๋อง
เพราะใครที่ขึ้นมาเป็นใหญ่ สิ่งแรกที่เขามองหาและต้องการไปร่วมงาน คือคนที่ “จริงใจ” ต่อกัน
เพราะคนแบบนี้ เมื่อเป็นพี่-เป็นน้อง-เป็นนายกันแล้ว
อยู่เป็นอยู่,ไปเป็นไป,ตายเป็นตาย
เพราะอะไรล่ะ จะมีค่าเท่า “สัจจะ-ดวงใจซื่อ” ของมิตรสหายด้วยกัน
พวกการเมืองรุ่นเก๋า ทำเป็นเป็นเซียนเหนือเมฆ กั๊กๆ อ๋อๆ รอเลือกข้าง
ฝ่ายไหนชนะ “ไม่เลือกพระ-เลือกโจร” ก็พร้อมเข้าด้วยช่วยกระพือ, แต่เห็นฝ่ายไหนท่าจะแพ้ ก็ถีบหัว เอาตัวรอด
นักการเมืองสัมภเวสีพวกนี้….
มันหมดสมัยแล้ว ยุคต่อไปนี้ ไอ้ที่จะหอบมุ้งไปแลกเก้าอี้รัฐมนตรี ชนิดไม่เลือกขาว เลือกแดง เลือกส้ม นั่นน่ะ
รัฐมนตรีแรงงาน “สุชาติ ชมกลิ่น” ถือว่านักเลงการเมืองคนหนึ่ง
คำว่านักเลง ไม่มี “รุ่นใหม่-รุ่นเก่า”
นักเลงเขาแปลว่า “เพื่อนเป็น-เพื่อนตาย” เมื่อเทใจให้กันแล้ว ถึงไหน-ถึงกัน
ผมนี่ก็พิลึก….
เรื่องที่ตั้งใจจะคุยวันนี้ ไม่ได้คุย ดันดุ่ยๆ ไปเรื่อยเปื่อย
แบบนี้ “แก่เก่า” หรือ “แก่ใหม่” ก็ไม่รู้เหมือนกัน!
เปลว สีเงิน
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕