“กฎหมาย-กฎสังคม” – เปลว สีเงิน

www.plewseengern.com

เปลว สีเงิน

การต่อย “พี่ศรี” ออกกล้องโชว์
ไม่ใช่ “เรื่องใหม่”
เพียงเป็น “รูปแบบใหม่” ที่ทำแล้วดังเหมือนกัน!
อย่าว่าแต่พี่ศรีเลย ขนาด “ป๋าเปรม” สมัยเป็นนายกฯ ท่านยังถูกบุกต่อยบนอัฒจันทร์ที่รามคำแหง
“นายอุทัย พิมพ์ใจชน” ตอนเป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ ยังถูกบุกปาถุงอุจจาระใส่จนเปรอะเปื้อนมาแล้วเช่นกัน

ก็เป็นข่าวดัง….
แต่ดังในด้านลบต่อตัวผู้กระทำ ยุคนั้น มีแต่คนตำหนิ ไม่มีใครสนับสนุน หรือเห็นดี-เห็นงามด้วย

จึงไม่เกิด “สังคมเลียนแบบ” ด้วยเหตุ ๒ ประการ
ประการแรก คนยังพอมีศีล-ธรรมประจำใจ
ประการที่สอง ยังไม่มีเฟซบุ๊ก ไม่มีทวิตเตอร์!

แต่เหตุการณ์วานซืนกับพี่ศรี “ผู้กระทำ” ทำแบบเจตนาจงใจ มีการเตรียมการและวางแผนเป็นขั้นตอน มีคณะตามบันทึกภาพ และคอยตะโกน …

อย่าทำร้ายคนแก่…อย่าทำร้ายคนแก่ เป็นซาวด์แทร็ก

คือ “จัดฉาก” ให้มีเสียงประกอบภาพ ตอนมีคนเข้าไปห้ามและล็อกคอ ลากตัวผู้ทำร้ายพี่ศรีออกไป
ทั้งที่ตัวเองนั่นแหละ บุกไปทำร้ายเขา!

นี่คือรูปแบบกลวิธีที่ม็อบใช้ประจำ ดังเห็นตอนม็อบ ๓ นิ้ว ถูกตำรวจจับกุม แม้กระทั่งตอนแกนนำ เช่น รุ้ง เพนกวิน ถูกจับ

พอถูกคุมตัว…..
จะทิ้งตัว ด้วยน้ำหนักระดับ ๑๐๐ กิโลกรัมขึ้น ให้ตำรวจลากหรือหามลงไป เพื่อให้พรรคพวกบันทึกภาพ แล้วนำไปบิดเบือนสร้างจิตวิทยามวลชน “ตำรวจปราบปรามประชาชน”

ความแตกต่าง “เก่า” กับ “ใหม่” อยู่ตรงนี้!

“เก่า” เป็นอารมณ์เฉพาะบุคคล ไม่มีเป้าหมายเชื่อมโยงทางลึก จบ…ก็จบแค่นั้น ไม่มีสื่อโซเชียลสร้างกระแส

แต่ “ใหม่” มีเป้าหมายเชื่อมโยงทางลึก ดังที่ทราบ “มีการกระทำกันเป็นขบวนการ”

ดังที่ผู้ก่อเหตุประกาศตัวเองว่า ร่วมม็อบเสื้อแดงมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ จนถึงม็อบสามนิ้ว “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน”
ส่งเสริมแนวทางยกเลิกมาตรา ๑๑๒!

นี่คือ “ความแตกต่างทางเจตนาและเหตุผลของการใช้ความรุนแรงต่อบุคคลเห็นต่าง”

รายต่อยพี่ศรีนี้ ต่อยแล้ว ไม่จบแค่นั้น
หากแต่มันพัฒนารูปแบบไปตามยุค “รุ่นใหม่” ที่ไม่รู้จักคำว่าศีลและธรรม

ต่อยแล้ว “แปะเบอร์บัญชี”!
จึงดังด้วย ได้ตังค์ด้วย ไม่ใช่แค่ร้อย-แค่พัน แต่ได้ระดับล้านๆ บาท ขนาดนั้นเลย

ตรงนี้ บ่งบอก “จริตสังคม” ปัจจุบันได้อย่างดีว่า คนไทยวันนี้ ระหว่าง “จิต” กับ “วัตถุ” เป็นสัดส่วนคละเคล้า “สังคมไทย”

ยุคก่อน ไม่มีคนเลียนแบบ
แต่ยุคนี้ แน่นอน… “ต่อยโชว์” แล้ว “แปะเบอร์บัญชี” ได้เป็นล้านๆ ต้องมีคนเลียนแบบแน่

หรือไม่เลียนแบบ ก็จะมีการ “จัดฉาก” ต่อยโชว์ ด้วยจุดประสงค์เสริม
ดัง แถมได้ตังค์เอามาแบ่งกัน!

ได้เป็นพระเอกหน้าเฟซ มีคนทั้งโพสต์-ทั้งแชร์, ทั้งชื่นชม-ทั้งแช่งชัก เผลอๆ รายการโทรทัศน์แย่งตัวไปสัมภาษณ์ออกจอ

ที่จะ “ซวยประเทศชาติ” หนักหน่อย ก็ตรง….
อาจมี “บางพรรค-บางนักการเมือง” ไปชวนสมัครสส.นั่นแหละ!

สมัยก่อน มีสุภาษิตว่า “ทำดี-ได้ดี, ทำชั่วได้ชั่ว” แล้วก็มีการนำมาพูดเล่นเชิงล้อเลียนกันว่า “ทำดี-ได้ดีมีที่ไหน, ทำชั่วได้ดีมีถมไป”

มาถึงยุคนี้ เออ..จริงแฮะ ทำดี-เจ็บตัว ทำชั่วแล้วเด่น-ดัง มีสตางค์ไหลมา-เทมาอีกตะหาก!

ยุคนี้ ดี กับ ชั่ว นิยามมันซับซ้อนนะ ว่าแค่ไหน จึงว่าดี และแค่ไหน จึงว่าไม่ดี?

ผมอ่านข่าว MGR ONLONE เมื่อวาน เขารายงานข่าวตอนหนึ่งว่า…

“วันนี้ (19 ต.ค.) ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ที่มีแนวคิดสนับสนุนกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มราษฎร แชร์ภาพอินโฟกราฟฟิกระบุว่า

ขอบคุณทุกกำลังใจยอดบริจาค 6,589,841.12 บาท ปิดรับบริจาคแล้ว พร้อมใบหน้านายวีรวิชญ์ กำลังถ่ายทอดสด ระบุว่า

“ทุกคน ลุงฝากแจ้งว่า ให้หยุดโอนได้แล้ว ตอนนี้ปิดรับบริจาคแล้ว ที่น้ำตาซึม คือลุงบอกว่า ไม่ได้เอาไปใช้ในคดีที่ต่อยศรีสุวรรณ ถ้าติดคุกก็ติดไป

แต่ว่าจะเอาไปช่วยเหลือเด็กๆ เยาวชนที่โดน 112 อยู่ในคุกตอนนี้อะมึง ฟังในไลฟ์ตะกี้ จะร้องไห้เลยนะ ลุงโคตรสุดจริงๆ ขอบคุณนะคะ #ศรีสุวรรณจรรยา”

โอ้โห…..
ต่อยทีเดียว-วันเดียว ได้ ๖ ล้านกว่า เอาเงินไปสนับสนุนเยาวชน ที่เรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา ๑๑๒!

อย่างนี้ ใครมันจะทำงานให้โง่ ทำแทบตายได้ระดับพัน-ระดับหมื่น/เดือน

ไปเป็นฝ่ายประชาธิปไตยล้มเจ้า คอยดักต่อย-ดักตีฝ่ายเผด็จการพิทักษ์สถาบัน ไม่รวยกว่าหรือ?

ต่อยเปรี้ยง แปะเบอร์บัญชี เงินไหลมา-เทมา เป็นแสน-เป็นล้าน

แต่ฝากให้คุณอะไรล่ะ… “คุณวีรวิชญ์” ที่ต่อยพี่ศรี อ่านนี่หน่อยก็แล้วกัน
เป็นข่าวจากหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันพฤหัสบดี ที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เขาลงข่าวไว้ดังนี้
………………………….

‘แกนนำนปช.’ โวยลั่น ‘เสียรู้เพื่อน’ โดนฟ้องล้มละลาย ‘ฉิบหายทั้งตระกูล’

3 ตุลาคม 2562 นายสมหวัง อัสราษี หนึ่งในแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว มีเนื้อหาว่า
…………………………

สมหวัง อัสราษี-เฮียหวัง
“ใครไม่โดนกับตัวเองจะไม่รู้ ว่าหนักแค่ไหนแบบเดียวกับผม ผมอยู่ นปช.มีแต่ใจเกินร้อยกับพี่น้อง แต่หารู้ไม่ว่า ตัวเองกำลังมีชะตากรรมที่ต้องแบกรับแทนคนอื่น

สามเกลอใช้ผมไปเปิดบัญชี เพื่อรับเงินบริจาค และกิจกรรมอื่นๆ โดยที่พวกเขาไม่ยอมใช้ชื่อตัวเองไปเปิดบัญชีรองรับเงิน

เพราะเขารู้ว่า จะถูกสรรพากรประเมินเสียภาษี
ทั้งหมดนี้ ผมโดนสรรพากรเรียกเก็บภาษีจากเงินเหล่านี้ เป็นเงิน 572 ล้าน
ผมจะเอาที่ไหนไปจ่าย ก็เลยโดนฟ้องล้มละลาย

และตอนนี้ โดนอายัดทรัพย์ และอายัดบัญชีทั้งหมด เหลือแต่ตัวแล้วครับ แถมเป็นบุคคลล้มละลายด้วย ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

นี่คือ สมหวัง อัสราษี ผมมันโง่เอง รักพวกจนไม่คิดถึงชีวิต และอนาคตตัวเอง บทเรียนที่แสนแพงในชีวิต
ฉิบหายทั้งตระกูล

เพียงเพราะคำว่าเพื่อน”
………………………….

คุณวีรวิชญ์ นึกถึงประเด็น “ภาษี” ไว้ด้วย รวมถึงคนโอนด้วย บางทีสรรพากรเขาอาจอยากรู้
ว่า ๖ ล้านกว่านั่นน่ะ มีที่มาจากไหน-ใครบ้าง จำนวนเงินตรงกับจำนวนที่โอนตามหลักฐานการโอนจากแบงก์มั้ย
และเอาไปทำอะไรบ้าง เอาไปใช้จ่ายส่วนตัวหรือเปล่า?

เหล่านี้ ต้องมีหลักฐานและยอดให้ตรงกัน ไม่อย่างนั้น จะถูกประเมินภาษี
ถ้าเบี้ยว ก็จะเจออย่างที่เฮียหวังเจอ จนร้องว่า “ฉิบหายทั้งตระกูล” นั่นแหละ!

ก็อยากเตือนพวก “ชั่ว” แล้ว “แปะเบอร์บัญชี” ให้ทราบไว้ วันนี้ไม่ถูก วันหน้า…ไม่แน่
คือถูกสรรพากรเรียกเคลียร์ภาษี

ก็ต้องจ่ายเขานะ ให้สมกับที่ชอบตะโกนกันนักว่า “ภาษีกู..ภาษีกู” นั่นน่ะ

คงเท่านี้ละมัง วันนี้ ก็ไม่คิดว่าจะคุยเรื่องนี้ แต่เห็นเขาสนใจกันเหลือเกิน ผมกลัวจะตกเทรนด์ ก็เลยเอาซะหน่อย

ตาม “กฎหมาย” เรื่องนี้ บอกได้ “ใครผิด-ใครถูก”
แต่ตามกฎสังคม บอกไม่ได้ “ใครคิดผิด-ใครคิดถูก”
เพราะ “ความคิด” อยู่บนฐาน “ศีลและธรรม” ในแต่ละ “จิต” มนุษย์แท้!

เปลว สีเงิน
๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๕

 


Written By
More from plew
แกะรอยกรรมตาม “สินบน”
  เปลว สีเงิน ก็แค่นี้แหละ……. ถ้าแถลงซะตั้งแต่แรกก็จะไม่ถูกชาวบ้านนินทาจนท้องขึ้นเรื้อรังอย่างที่เป็น ในเรื่องที่สงสัยกัน ว่าทำไมอัยการจึงนิ่งสนิทเป็นกบจำศีล กรณี “นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานบริษัทเรียลแอสเสท ดิวิลอปเม้นท์...
Read More
0 replies on ““กฎหมาย-กฎสังคม” – เปลว สีเงิน”