๔ มิถุนายน ๒๕๖๕ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวถึงกรณีเหตุวัยรุ่นทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายกันในสถานบันเทิง คลับ 99 อ.เมือง นครศรีธรรมราช เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ๑ ราย บาดเจ็บสาหัส ๑ ราย
ต่อมากลุ่มวัยรุ่นคู่อริยังตามกันไป พยายามจะก่อเหตุวิวาทต่อที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช แต่ตำรวจใช้ยุทธวิธีป้องกันเหตุไว้ได้
กรณีนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ชมเชยการปฏิบัติของตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช จว.นครศรีธรรมราช ที่รอบคอบในการปฏิบัติป้องกันการก่อเหตุซ้ำที่โรงพยาบาล
โดยหลังเกิดเหตุวิวาทที่สถานบันเทิง พ.ต.ท.ธีระพล พุ่มชัย รอง ผกก.ป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้วิทยุขอกำลังสนับสนุนจากตำรวจสายตรวจทั้ง ๗ เขตและตำรวจจราจรกว่า 1๑๐ นาย มาเฝ้าระวังป้องกันการเกิดเหตุซ้ำที่โรงพยาบาล จนเหตุการณ์ปกติ เจ้าหน้าที่คุมสถานการณ์เอาไว้ได้
อย่างไรก็ตาม เหตุแห่งการทะเลาะวิวาท จนนำมาซึ่งการเข้าทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายนี้ ส่วนหนึ่งมาจากเหตุเมาสุรา ในสถานบริการ ผบ.ตร. ขอให้ทุกพื้นที่กำชับเรื่องการป้องกันเหตุในสถานบันเทิง รวมทั้งในพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ เช่นพื้นที่จัดงานมหรสพ งานประจำปี ฯลฯ โดยขอให้ทบทวนมาตรการให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ และสถานการณ์ โดยเฉพาะช่วงที่สถานบริการกลับมาเปิดให้บริการแล้ว
โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์นี้ ผบ.ตร. ยังฝากให้ทุกพื้นที่ และหน่วยสนับสนุนการปฏิบัติ ทุกหน่วย ทบทวนการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และพื้นที่ รวมทั้งกำหนดเวลา สถานที่ในการตรวจวัดแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันเหตุให้เหมาะสม มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ซึ่งแต่ละพื้นที่จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบคน สถานที่ สิ่งแวดล้อม ที่เห็นบ่อย ๆ ก็ช่วงที่สถานบริการใกล้เลิกหรือหลังเลิก ตลอดจนกรณีมีงานบุญ งานสังสรรค์ คอนเสิร์ต หรือกิจกรรมรื่นเริงในพื้นที่
“ผบ.ตร. ย้ำตำรวจทั่วประเทศ เรื่องการป้องกันเหตุกรณีประทุษร้ายต่อร่างกายชีวิตทรัพย์สินในพื้นที่สาธารณะ ที่มีสาเหตุมาจากการเมาสุรา จากสถานบริการ จากงานเลี้ยงรื่นเริงจากงานต่าง ๆ ต้องทบทวนมาตรการก่อนและหลังกิจกรรมที่มีความเสี่ยง พิจารณาการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด วางระบบกล้องวงจรปิด กำหนดพื้นที่เป็นเซฟตี้โซนให้เหมาะสม” โฆษก ตร.กล่าว
พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ กล่าวด้วยว่า การใช้ยุทธวิธีระงับเหตุ ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช สามารถป้องกัน ระงับการเกิดเหตุวิวาทต่อเนื่องที่โรงพยาบาลได้ เป็นผลจากการปรับยุทธวิธี การเข้าระงับเหตุ ในสถานที่สำคัญ เช่น โรงพยาบาล สถานบริการ ฯลฯ และตำรวจได้ฝึกทบทวนการปฏิบัติ ทุกระยะ อย่างเป็นระบบ โดย ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะดูแลงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม เป็นแม่งานใหญ่ ในการฝึก และปรับยุทธวิธีให้เท่าทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
“ผบ.ตร. ห่วงใยและเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ถึงยุทธวิธีในการเข้าระงับเหตุ ยุทธวิธีในการหยุดรถต้องสงสัย ยุทธวิธีในการขับรถไล่ติดตาม ยุทธวิธีในการเข้าตรวจค้นจับกุม การใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งที่เป็น Non lethal weapon หรืออาวุธไม่ร้ายแรง เช่น ไม้ง่าม กระบอง โล่ ปืนไฟฟ้า กระสุนยาง และทั้งที่เป็นอาวุธปืน ย้ำว่าต้องเป็นยุทธวิธีที่เจ้าหน้าที่ปลอดภัยยุทธวิธีที่มีประสิทธิภาพ สามารถระงับเหตุได้จริง สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้ทันท่วงที
โดยเรื่องนี้ได้กำชับสั่งการมาโดยตลอด ให้ทำการฝึกทบทวนเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สายตรวจ สายสืบ ของสถานีตำรวจ ซึ่งล่าสุดสั่งการให้ บช.น. และ ภ.๑-๙ ขับเคลื่อนการฝึกอบรมถ่ายทอดความรู้ให้แก่กำลังพลในสังกัด ให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๕” โฆษก ตร. กล่าว
