“สามารถ” ปราม “รังสิมันต์” คิดก่อนพูด มั่วอีกเดี๋ยวจะโดนอีก!​

“สามารถ” ปราม “รังสิมันต์” คิดก่อนพูด มั่วอีกเดี๋ยวจะโดนอีก!​ เป็น​ ส.ส.ต้องพูดความจริง​ ไม่ต้องร้องให้ชาวบ้าน​ช่วย​ ถ้าพูดเป็นประโยชน์​ได้รับการคุ้มครอง​ตาม​ ๓๒๙ อยู่​แล้ว​

18 มีนาคม 2565-หลังนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล เข้าพบพนักงานสอบสวน หลังถูกออกหมายจับในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เมื่อต้นปี 2563 โดยตั้งข้อสังเกตุถึงความผิดปกติการดำเนินคดีที่อาจมีเกมการเมืองเข้ามาเกี่ยวด้วยนั้น

นายสามารถ​ เจน​ชัย​จิตร​ว​นิช​ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้แสดงความเห็นเรื่องนี้ว่า ทั้งนายรังสิมันต์ และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มักชอบปล่อยข้อมูลเท็จให้สังคม

เพราะคดีความที่นายรังสิมันต์ ถูกดำเนินคดีอยู่นั้น คู่กรณีคือมูลนิธิป่ารอยต่อ ซึ่งถูกจัดตั้งบุคคลอื่น เป็นนิติบุคคล​ตามประมวลกฏหมาย​แพ่ง​และ​พาณิชย์​ โดยไม่เกี่ยวข้องกับ พล.อ.ประวิตร โดยตรง

แต่มีความพยายามบิดเบือนใส่ร้าย​ เพื่อให้​พ่อแม่​พี่น้อง​ประชาชน​เข้าใจผิดในตัวพลเอกประวิตร​ วงษ์​สุวรรณ​ เพื่อหวังผลทางการเมือง​

โดยปกติ​คนทั่วไปเมื่อถูกดำเนินดคีทุกอย่างก็เป็นไปตามข้อกฎหมาย​ ระบบกระบวนการ​ยุติธรรม​เป็นระบบกล่าวหา​ คนใดตกเป็นผู้ต้องหา​มีสิทธิ์​ยื่นหลักฐาน​ต่อพนักงานสอบสวน​เพื่อชี้แจง​ได้​

ซึ่ง นายรังสิมันต์เอง ก็มีสิทธิ์นำข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง​ว่าสิ่งที่อภิปราย​นั้นเป็​นประโยชน์​สาธารณะมาให้กับตำรวจ แล้วจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องออกมาโวยวายให้ประชาชนออกมาช่วยเหลือเลย

แต่สิ่งที่นายรังสิมัน​ต์​อภิปรายนั้นขัดข้อบังคับ​ของรัฐสภา​ ข้อที่​ 45 คือต้อง​ไม่อภิปรายใส่ร้าย​ ป้ายสี​ บุคคลอื่น​ ซึ่ง​ มูลนิธิ​ป่ารอยต่อ​ฯ​ ก็คือบุคคลภายนอก​

ดังนั้น​ในเมื่อมูลนิธิรู้สึกว่า​เสียหาย​ ก็มีสิทธิ์​ตามรัฐธรรมนูญ​ที่ให้อำนาจ​ ฟ้องร้องได้​ แต่จะผิดจะถูกก็อยู่ที่ศาลเป็นผู้ตัดสิน​

โดย “มูลนิธินี้ จัดตั้งโดยคนที่เหนือและใหญ่โต​กว่า พล.อ.ประวิตร มาก ในเมื่อเขาเสียหายก็ต้องฟ้องร้อง​ สาเหตุที่ไปแจ้งที่ สน.บางขุนนนท์ อาจเป็นเพราะอยู่ในพื้นที่บ้านของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ซึ่งคนแจ้งเค้าอาจเห็นว่านายรังสิมันต์ชอบไปปรึกษาข้อกฏหมาย​อยู่​บ่อยๆ​ น่าจะสะดวกเพราะเดินทางใกล้

โดยถ้าคนจะกลั่นแกล้งจริง คงไปแจ้งที่ไกลๆ อย่างภาคใต้ หรือเหนือสุดไม่ดีกว่าเหรอเพราะคดีเป็นข้อหาหมิ่นประมาท​โดย​การ​โฆษณา​จะแจ้งความ​ร้องทุกข์​ที่ไหนก็ได้ที่พบความผิดเกิดขึ้น​

ดังนั้น​การเป็นผู้แทน​ของ​ประชาชน​ไม่เห็นต้องออกโวยวายให้ชาวบ้านมาช่วย ว่าโดนรังแก​ เพราะการเป็นผู้แทน ต้องคอยปกป้องประชาชน ไม่ใช่พอถูกคดีกลับเรียกให้ชาวบ้านมาช่วย”

ยิ่งนายพิธา​ ลิ้มเจริ​ญรัตน์​ หัวหน้าพรรค​ก้าวไกล​ ออกมาพูดว่า​ ขนาดเป็น​ สส.​ ยังโดนขนาดนี้​ ประชาช​นจะโดนขนาดไหน​ ผมละผิดหวังมากว่าคำนี้ออกมาจากปากของคนที่เป็นหัวหน้า​พรรคการเมือง​ แทนที่จะตำหนิรังสิมันต์​ ว่าตำรวจเค้าเรียกให้ไปพบ​ ควรเอาข้อมูล​ไปชี้แจง​ ไม่ใช่​อ้างนู่นอ้างนี่ ไม่ให้ความสำคัญ​ แถวบ้านเรียกด่าฟรี​ แล้วไม่รับผิดชอบ​

ซึ่งข้อบังคับ​สภา​ ก็ระบุชัดอยู่แล้วว่าห้ามทำ​ ดัง​นั้น​ นายพิธา​ ควรจะตัดสินใจ​ลงโทษนายรังสิมันต์​ ถึงจะถูกไม่ใช่ยกหางกันอยู่แบบนี้​ ชาวบ้านไม่ได้​ประโยชน์​อะไร​เลย​

ผมได้รับคำบอกเล่าจากชาวบ้าน​ ว่า ทุกวันนี้สถาบัน​พระ​มหา​กษัตริย์​ถูกคนใส่ร้ายป้ายสี​ โจมตีด้อยค่า​ อยู่​ทุกวัน​ แต่บุคคลทั้งสองกลับไม่เคยออกมาปกป้องแม้แต่​ครั้งเดียว​ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่​ พ่อแม่​พี่น้อง​ประชาชน​ฝากผมมาให้ช่วยถาม

ทั้งนี้ นายสามารถ ยังฝากไปถึงนายรังสิมันต์ ด้วยว่า “หากจะให้ข้อมูลใด ต้องคิดให้ดี และข้อกฎหมายให้แม่นอย่างใส่ร้ายป้ายสี หากคำพูดเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ก็ไม่จำเป็นต้องกลัว เพราะจะได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฏหมาย​อาญามาตรา 329 อยู่แล้ว

ฉะนั้น ภายใต้รัฐธรรมนูญทุกคนได้สิทธิ์ในการแสดงออก แต่ต้องไม่ละเมิดผู้อื่น หากมีการใส่ร้าย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อีก ก็อาจถูกดำเนินคดีอีกคดีก็เป็นได้ ด้วยความเป็​นห่วงจึงเตือน​ ถ้าฟังผมบ้างมั่นใจได้เลย​ ไม่ติดคุก​แน่นอน”



Written By
More from pp
‘ชลน่าน’ เปิดเวทีฝ่ายค้าน ปลุก ‘ทวงคืนอำนาจประชาชน’ ชี้ 8 ปีประยุทธ์ ‘ประชาธิปไตยเสื่อม ประเทศโทรม แรงงานสิ้นหวัง’
‘ชลน่าน’ เปิดเวทีฝ่ายค้าน ปลุก ‘ทวงคืนอำนาจประชาชน’ ชี้ 8 ปีประยุทธ์ ‘ประชาธิปไตยเสื่อม ประเทศโทรม แรงงานสิ้นหวัง’ ซัด ‘รัฐธรรมนูญ’...
Read More
0 replies on ““สามารถ” ปราม “รังสิมันต์” คิดก่อนพูด มั่วอีกเดี๋ยวจะโดนอีก!​”