บทเรียน นอก-ใน คุก-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

อีกซีกโลกกำลังเกิดสงคราม

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ตัดสินใจเปิดปฏิบัติการทางทหาร อ้างเหตุผลว่าต้องการทำให้ยูเครน “ปลอดการทหาร” แต่ไม่คิดยึดครอง

ให้หลังครึ่งชั่วโมง เสียงระเบิดดังขึ้นในกรุงเคียฟ เมืองหลวงยูเครน

สงครามจะขยายวงไปมากแค่ไหน ยังไม่มีใครตอบได้

เช่นกัน อเมริกาและนาโต จะเปิดฉากทำสงครามกับรัสเซียหรือไม่ ก็ยังเดายาก แม้โอกาสเกิดจะไม่มากนักก็ตาม

แต่ขึ้นชื่อว่าสงคราม ผลกระทบหลังจากนี้จะขยายตัวออกไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะเศรษฐกิจ

ที่จะกระทบมาถึงคนไทยเป็นลำดับต้นๆ คือ ราคาน้ำมัน

นั่นคือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยุโรปตะวันออก ที่คนไทยต้องรับแรงกระแทก

ครับ…เทียบกับแผ่นดินไทย ไม่มีศึกต้องรบราฆ่าฟันกับชาติใด ประชาชนไม่ต้องลงหลุมหลบภัย ไม่ต้องวิ่งหนีห่ากระสุน

แต่เพราะความสงบหรือเปล่า ถึงมีบางคนพยายามจะเปิดสงครามภายในประเทศระหว่างคนไทยด้วยกันให้ได้

เครือข่ายต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ พยายามฟื้นคืนมาอีกครั้ง หลังพิสูจน์มาแล้วในช่วงกว่า ๒  ปีที่ผ่านมาว่า ต่อให้เคลื่อนไหวรุนแรงแค่ไหน ไม่มีทางประสบความสำเร็จได้

แกนนำม็อบสามนิ้วที่ต้องคดี ม.๑๒๒ เกือบทั้งหมดได้รับการประกันตัว ศาลกำหนดเงื่อนไขคล้ายๆ กัน

อาทิ ห้ามทํากิจกรรมหรือกระทําการใดๆ อาจกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และศาลในทุกด้าน

ห้ามกระทําการใดๆ อันเป็นการขัดขวางกระบวนพิจารณาคดีของศาล

ห้ามเข้าร่วมชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เป็นต้น

จะเห็นว่าศาลไม่ได้ลิดรอนสิทธิเสรีภาพใดๆ ยกเว้นห้ามทำในสิ่งที่ทำผิดมาก่อนเท่านั้น แต่ก็มีการไปขยายความว่า ศาลมัดตราสังพวกที่ปล่อยออกมา จนขยับจะทำอะไรไม่ได้

มวลชนสามนิ้วเอาไปจับแพะชนแกะ โจมตีไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ เหมือนมีความพยายามฟื้นการชุมนุมขึ้นมาใหม่

พุ่งเป้าไปที่สถาบันพระมหากษัตริย์อีกครั้ง

และดูเหมือนว่า การที่ศาลยังไม่ให้ประกันตัว ๒ แกนนำคนสำคัญ คือ อานนท์ นำภา กับ เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ นั้นกำลังถูกจุดเป็นเชื้อไฟให้ลุกบนท้องถนนในกรุงเทพมหานครอีกครั้ง

ตอนมีม็อบอาจารย์หลบอยู่ข้างหลัง

พอลูกศิษย์เข้าห้องขัง อาจารย์ปลุกให้ลูกศิษย์ชุมนุม

และมันก็เกิดซ้ำอีก

๒ วันที่แล้ว มีความเคลื่อนไหวอาจารย์ และอดีตอาจารย์ธรรมศาสตร์ เมื่อศาลอาญากรุงเทพใต้ไม่ให้ประกันตัว “อานนท์-เพนกวิน” คดี ม.๑๑๒

“อนุสรณ์ อุณโณ” อาจารย์ประจำสาขามานุษยวิทยา คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา เล่นกับโซเชียลโพสต์รูปภาพตัวเองและคณะยืนชู ๓ นิ้ว พร้อมระบุข้อความว่า

“ถึงศาลจะไม่ให้ประกัน พวกเราก็ยังยืนยันว่าเพื่อนเราต้องได้สิทธินี้ #ยืนหยุดทรราช #ปล่อยเพื่อนเรา”

จำอาจารย์คนนี้ไดมั้ยครับ

คือคนที่นำรายชื่อ ๑,๑๑๘ นักวิชาการ ยื่นหนังสือให้นายกฯ จี้ให้ลาออกใน ๗ วัน และยื่นข้อเรียกร้องรัฐบาล ๓ ข้อ ๑ในนั้นคือประณามการสลายม็อบ ๓ นิ้ว

พร้อมขู่เสร็จสรรพหากยังดื้อ เตรียมขอความร่วมมือกลุ่มนักวิชาการนัดหยุดสอนทั่วประเทศ

ขู่เอาไว้ตั้งแต่วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๓

เลย ๗ วันมาจะปีครึ่งแล้ว

ก็ยังสอนหนังสือกันปกติ

อีกคือ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความ

“ดีใจได้เดี๋ยวเดียว แล้วก้อต้องช้ำใจ แต่เราคงถอยไปไหนไม่ได้แล้ว เช่นกัน ครับ หน้าเดิน หน้าเดิน เผชิญโชคชัย เกรียงไกร ในไชย ไชโย”

ข้อความแบบนี้ตีความอย่างไร

ยุเด็กชุมนุม ตัวเองหลบข้างหลัง

ลูกศิษย์ติดคุก ก็ยุกันใหม่ วนไปแบบนี้

วานนี้ (๒๔ กุมภาพันธ์) ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ให้ประกันตัว “เพนกวิน” ก็ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเฒ่าสามนิ้วยุให้เด็กออกมาชุมนุมนะครับ ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

“เพนกวิน” ยังเป็นนักศึกษา ใช้การเตรียมสอบยื่นเป็นเงื่อนไขขอประกันตัว ศาลท่านก็อนุญาตให้ประกันตัวไปเตรียมสอบ

ออกไปแล้วจะเตรียมสอบจริงหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของ “เพนกวิน”

ถ้าไม่ใช่…แทนที่จะไปอ่านหนังสือสอบ กลับไปยืนบนเวทีชุมนุม โจมตี ด้อยค่า สถาบันพระมหากษัตริย์และสถาบันศาล  ก็เตรียมตัวกลับเข้าคุกใหม่

จะมาอ้างเรื่องเรียน เรื่องสอบ ไม่ได้อีก

“ชาญวิทย์ เกษตรศิริ” บอกว่า ถอยไปไหนไม่ได้แล้ว หน้าเดิน เผชิญโชคชัย เกรียงไกร ในไชย ไชโย ก็รอดูว่า เด็กพวกนี้จะหลงเชื่อเดินนำหน้าเฒ่าสามนิ้วอีกครั้งหรือไม่

ครับ…อยากให้ขบวนการสามนิ้ว เงยหน้าดูประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศด้วยว่า เขามีอารมณ์ร่วมกับการชุมนุมสร้างความปั่นป่วนในเมืองกรุงหรือไม่

ย้อนกลับไปช่วงปลายปีที่ผ่านมา มีการประกาศบนเวทีชุมนุมสามนิ้วว่า ให้มวลชนรอฟังสัญญาณการนัดหมายการชุมนุมใหม่ หลังจากเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ๒๕๖๕  ไปแล้ว

ขณะนี้เวลาล่วงเลยมาใกล้ ๒ เดือน สัญญาณที่เห็นคือ ขาลงของม็อบสามนิ้วตั้งแต่ปลายปีจนมาถึงวันนี้

และมีแนวโน้ม จะสลายไปตามธรรมชาติ คล้ายๆ ม็อบชังชาติที่ฮ่องกง

เว้นเสียว่าฝ่ายการเมืองมาผสมโรงและสร้างเงื่อนไขใหม่ขึ้นมา

ย้ำนะครับว่าศาลไม่ได้ลิดรอนเสรีภาพของแกนนำสามนิ้ว  แต่เป็นการห้ามทำผิดซ้ำในคดีเก่า กรณีของ “เพนกวิน” ศาลกำหนดเงื่อนไขไว้ ๖ ข้อ

๑.ห้ามทำกิจกรรมหรือกระทำการใดๆ อันจะทำให้เกิดความเสื่อมเสียหรือด้อยค่า ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และสถาบันศาลในทุกด้าน

๒.ห้ามกระทําการใดๆ อันเป็นการขัดขวางกระบวนพิจารณาคดีของศาล

๓.ห้ามโพสต์ข้อความปลุกปั่นในสื่อโซเชียลมีเดีย หรือเข้าร่วมชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

๔.ห้ามออกนอกเคหสถานในช่วงเวลา ๑๘.๐๐ น. ถึงเวลา ๐๖.๐๐ น.ของวันใหม่ เว้นแต่มีเหตุจำเป็นเพื่อการรักษาพยาบาลหรือได้รับอนุญาตจากศาล

๕.ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล

๖.ให้ติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ EM เพื่อจำกัดระยะเวลาเดินทาง

“เพนกวิน” ไปมหาวิทยาลัย ไปเรียน ไปสอบได้ ไปเที่ยวห้าง ไปกิน ไปดูหนัง ไปหางานเสริมทำ ไปใช้ชีวิตตามปกติเหมือนชาวบ้านชาวช่องได้

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า ปิยบุตร-ธนาธร ไปพูดเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็อย่าไปผสมโรง

นักการเมืองเขาฉลาดพอที่ไม่ให้ตัวเองเสี่ยงติดคุก คล้ายๆ กับอาจารย์สามนิ้วที่แอบหลังเด็กๆ เป็นบ่างช่างยุ ไม่มีความรับผิดชอบ

ฉะนั้นการออกจากคุกของแกนนำสามนิ้วเที่ยวนี้ น่าจะได้รับบทเรียน

อย่าไปติดคุกแทนคนอื่น


0 replies on “บทเรียน นอก-ใน คุก-ผักกาดหอม”