เปลว สีเงิน
พอเปิดหีบ…….
เสียงขานแต่เบอร์ ๓ “นายสุรชาติ เทียนทอง” เพื่อไทย
นานที-ปีหน จะได้ยินขานเบอร์ ๗ “สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ” พลังประชารัฐ
แบบนี้ก็ “จบ!”
๑ ชั่วโมงผ่านไป ดูข่าวโทรทัศน์ สุรชาติ คะแนนไปกว่า ๒ หมื่น แต่เมียสิระยังแค่ ๖ พันกว่า เป็นอันสรุปรายการนี้ได้ว่า
“สุรชาติ เทียนทอง” ชนะเลือกตั้งซ่อม เขต ๙ “หลักสี่-จตุจักร” ชิงตำแหน่งสส.คืนกลับมาได้ ชนิดทิ้งขาดคู่แข่งทุกพรรค
พรรคที่คะแนนตามมาที่ ๒ น่าสนใจนะ
คือ “ก้าวไกล” นายกรุณพล ด้วยคะแนนใกล้หลัก ๒ หมื่น ในขณะที่ “พรรคกล้า” นายอรรถวิชช์ ตามมาที่ ๓ ด้วยคะแนนไล่เลี่ยกัน
ส่วนที่ ๔ ก็ภรรยานายสิระ ที่คะแนนยังไม่ถึงหมื่น!
ส่วน “ไทยภักดี” พันธุ์เทพ ก็คงเป็นที่ ๕ ในจำนวนผู้สมัครทั้งหมด ๘ คน
นี่แค่คะแนนตอนทุ่มกว่า ผมเพียงยกมาเป็นต้นร่างในการคุยเท่านั้น อย่าเพิ่งสรุปตามผม รอเป็นทางการซัก ๓-๔ ทุ่ม เขาคงประกาศ
แต่คนชนะ “ไม่พลิก” ไปจากสส.เก่าคือ นายสุรชาติ แน่นอน ซึ่งคราวที่แล้ว แพ้นายสิระไปแค่ ๔ พันกว่าคะแนนเท่านั้น
ด้วยฐานเสียง-ฐานพรรคที่แน่น โดยเฉพาะในเขตหลักสี่ เมื่อเลือกซ่อมในภาวะกระแสนายกฯ ไม่หนุน เพราะคนเอือมกับปัญหาและตัวบุคคลในพลังประชารัฐ
จึงไม่มีอะไรเหนือคาดหมาย…..
เพราะเกือบทุกคนก็ไม่คาดหมายอยู่แล้วว่า นายสิระที่เอาเมียมาลงแข่งสส.แทน “จะชนะ” นายสุรชาติ
และที่นายสุรชาติชนะ ก็ไม่ถือเป็นการพลิกล็อก หรือเซอร์ไพรส์อะไร
ตรงกันข้าม ถ้านายสุรชาติ “เจ้าถิ่นเดิม” แพ้เลือกซ่อมครั้งนี้
นั่นตะหากที่ “พลิกล็อก” และจะสะเทือนไปถึงเลือกตั้งใหญ่ในกทม.ครั้งหน้าแน่นอน
ที่เซอร์ไพรส์ ก็คือพรรคก้าวไกล “แฝดแดง-ส้ม” กับเพื่อไทย แบ่งคะแนนเพื่อไทยกันเองขึ้นมาระดับเฉียด ๒ หมื่น หรืออาจถึง ๒ หมื่น ก็แพ้เลือกตั้ง
แต่แพ้ด้วยคะแนนระดับนี้ ถือว่า “ชนะในการเมือง” ที่ปลุกความหวังในการเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไปได้มาก
เพราะนี่คือ “ฐานคะแนน” คนศรัทธาพรรคก้าวไกล ๘๐-๙๐% คะแนนจากตัวนายกรุณพล คงไม่ถึง ๑๐%
แพ้เพื่อไทย มันรู้อยู่แล้ว แต่คะแนนทิ้งห่างพลังประชารัฐชนิดมองไม่เห็นฝุ่น นั่น…ก้าวไกลคุยว่าชนะได้เต็มปาก-เต็มคำ
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี พรรคกล้า เป็นอดีตสส.เขต ๙ อีกคนหนึ่ง คะแนนสูสีกับก้าวไกล ในฐานเฉียด ๒ หมื่น
จะว่าไป นายอรรถวิชช์คงรู้สึกผิดหวัง ในฐานะเจ้าถิ่นเก่าเหมือนกัน
แต่ต้องยอมรับความพร้อม-ความแข็ง-ความเกาะติดพื้นที่ โดยเฉพาะหลักสี่ของนายสุรชาติเขา
เขต ๙ นี้ ชี้ขาดกันที่หลักสี่ เพราะผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเฉียดแสน
คราวที่แล้ว เขต ๙ แบ่งพื้นที่ใหม่ นายอรรถวิชเจ้าถิ่นจตุจักร ต้องย้ายไปลงเขตอื่น เมื่อมีการเลือกซ่อม เขต ๙ จากเดิมประชาธิปัตย์ แยกมาเป็นพรรคกล้าลงสมัคร
มาเป็นอันดับ ๓ เผลอๆ มีสิทธิ์แซงก้าวไกลขึ้นมาเป็นอันดับ ๒ ได้ด้วยซ้ำ ก็นับว่าน่าพอใจทีเดียว
อย่างน้อยก็เป็นการสร้างฐานและประกันฐานคะแนนพรรคใหม่ให้พรรคกล้าในอนาคต
พรรคไทยภักดี ของหมอวรงค์ ซึ่งนายพันธ์เทพมาที่ ๕ ด้วยคะแนนกว่า ๕ พัน อาจดูน้อยไปหน่อย
แต่ก็นั่นแหละ เลือกตั้งซ่อม เป็น “เวทีภาคบังคับ” เมื่อต้องการลง ก็ต้องเข้าใจคำว่า Put the right man on the right job
ใหม่ทุกอย่าง…….
หมอวรงค์ ก็ใหม่ในพื้นที่กทม.พรรคไทยภักดีก็ใหม่ ตัวผู้สมัครก็ใหม่ เรียกว่าทั้งพรรค ทั้งผู้สมัคร ทั้งคนเลือก “เป็นคนแปลกหน้า” ซึ่งกันและกันแทบทั้งนั้น
แต่ผลออกมา คะแนนไล่เลี่ยพลังประชารัฐ “แชมป์เดิม” นั่นนับเป็น “คะแนนเจิมพรรค” ที่ไม่น่าผิดหวัง มีผม ๑ คะแนนอยู่ในนั้นด้วย
เรียกว่า เป็นการหยั่งทิศทางสังคม จะเป็นประสบการณ์จาก “สถานการณ์จริง” เพื่อการประเมินสู่ทางอนาคต ได้รู้จุดด้อย-จุดเด่น รู้รสนิยมคนกรุง เพื่อการปรับรูปแบบ
ลมน่ะ จะไม่พัดไปตามใบเรือ
มีแต่ใบเรือเท่านั้น ที่ต้องปรับทิศทางไปตามลม
ผมมันลูกทะเล ขี้เกียจพายเรือจากดอนหอยหลอดกลับบ้าน ก็คอยดูทิศทางลม แล้วเอาผ้าขะม้าขึงเป็นใบเรือ ช่วยให้เบาแรงพายไปได้เยอะ
สรุปก็คือ การเลือกซ่อม เขต ๙ หลักสี่-จตุจักร เมื่อวาน (๓๐ มค.๖๕) เพื่อไทย-นายสุรชาติ กับ พลังประชารัฐ-นางสรัลรัศมิ์ เป็นมวยคู่เอก ที่ทุกคนมุ่งดูว่า ใครจะชนะ
ส่วนพรรคอื่นๆ คนส่วนใหญ่ ไม่หวังว่าจะแซงผู้สมัครจาก ๒ พรรคนี้ ขึ้นไปชนะได้
เมื่อผลออกมา พลังประชารัฐแพ้หลุดลุ่ยให้เพื่อไทย ก็เป็นความสะใจของทั้งคนเพื่อไทยและคนพลังประชารัฐ
โดยเฉพาะ “แฟนลุงตู่”!
อ้าว…แฟนลุงตู่ แล้วไหงสะใจที่พลังประชารัฐแพ้ล่ะ?
ก็สะใจ เพราะต้องการ “ให้บทเรียน” พลังประชารัฐ ที่ใหญ่แล้วหลงตัว-ลืมตีน ไม่เห็นหัวนายกฯ ถึงขั้นจะโหวตคว่ำนายกฯ ในสภา
พูดกันชัดๆ เป็นตะกอนอารมณ์ตกค้างมาจากบทบาทธรรมนัสกับลุงป้อมในพรรค ยิ่งมาเจอ “ช่วยไล่ผมออก” แล้วยกก๊วนไปตั้งพรรคหอกข้างแคร่อย่างที่เห็น
คนหมดศรัทธาในพรรคที่ยังหา “จุดยืน-จุดลงตัว” ชัดเจนไม่ได้ แฟนๆ ลุงตู่จึงไม่เฮละโลออกมาเลือกเหมือนครั้งที่แล้ว
ไม่ใช่คน “ไม่เอาลุงตู่”
หากแต่แฟนลุงตู่ ต้องการ “ลงโทษพรรค” ให้สำนึกเท่านั้น!
พูดกันตามแต้มที่หงาย คะแนนที่นายสุรชาติได้มา ก็คะแนนฐานเดิม “หลักสี่” ซึ่งต้องยอมรับว่านายสุรชาติ รับใช้พ่อแม่พี่น้องเสมอต้น-เสมอปลาย ประทับจิต-ประทับใจคนหลักสี่มาก
แต่เท่าที่ดูคร่าวๆ ถึงชนะ แต่คะแนนจะเท่าหรือมากกว่าที่ได้ครั้งที่แล้วหรือไม่ ก็ยังไม่แน่ใจ?
นั่นคือ จะเป็นชนะที่คะแนนอาจน้อยกว่าคะแนนตอนแพ้ครั้งที่แล้วด้วยซ้ำ ถ้าคะแนนทางการออกมา ไม่เลยหลัก ๓๕,๐๐๐ ขึ้นไป
เพื่อไทย-นายสุรชาติ “อย่าคุยเกินตัว” เชียว เดี๋ยวจะอายตอน “เลือกตั้งจริง” ในครั้งหน้า!
เพราะดูคะแนนแล้ว เหมือนปะการังในน้ำมลพิษ ยังไม่ตาย แต่ไม่แตกกิ่งก้านงอกแล้ว
ตรงข้ามคะแนนอรรถวิชช์ “พรรคกล้า” และ “ก้าวไกล” เขาแพ้ในทางมีวิวัฒนาการเหมือนปะการังน้ำใหม่ งอกได้อีก
สำหรับ “พลังประชารัฐ” แพ้หนนี้ คนเจ็บคือลุงป้อม ส่วนลุงตู่ “ไม่ได้-ไม่เสีย”
ถามว่า แล้วพลังประชารัฐจะกลับมาในเขตนี้ได้มั้ย?
คำตอบอยู่ที่ “พลังประชารัฐ” จะลงตัวเมื่อไหร่
คือไม่ทำให้แฟนๆ มึนหัวกับเกม “ลุงป้อม-น้องธรรมนัส” ได้ตอนไหน
พลังประชารัฐจะ “ตกผลึก” กับลุงตู่ในความเป็นพรรคได้เมื่อไหร่?
ก็เมื่อนั้นแหละ “พลังประชารัฐ” ที่สมาชิกพรรคขานชื่อลุงตู่ในฐานะผู้นำ “เต็มปาก-เต็มคำ” ก็มีสิทธิ์กลับมา
เพราะอะไรน่ะหรือ?
ก็ดูง่ายๆ เขต ๙ หลักสี่-จตุจักร เลือกตั้งเมื่อวาน ผู้สิทธิลงคะแนน ๑๖๗,๑๔๙ คน แต่ออกมาใช้สิทธิแค่ ๘๒,๑๗๙ คน
คิดเป็นร้อยละ ๔๙.๑๒!
ต่างกับเลือกครั้งที่พลังประชารัฐชนะ คนออกมาใช้สิทธิถึงร้อยละกว่า ๗๐%
ก็ชัดเจน คะแนน “เพื่อไทย-ก้าวไกล” มาจาก “ฐานเสียง-ฐานคะแนน” โดยตรง
อีกร่วม ๓๐% ที่ออกมาใช้สิทธิ์ครั้งที่แล้ว “หายต๋อม”!
ก็เป็นหายจาก “แฟนคลับลุงตู่” ชัดๆ
ส่วนฐานคะแนนพรรคประชาธิปัตย์ กระจายไปพรรคกล้า พรรคไทยภักดี เลือดเนื้อเชื้อไขประชาธิปัตยเก่านั่นแหละ
สรุปอีกที…….
ผมคุยล่วงหน้าบน “ฐานคะแนนดิบ” อย่าเพิ่งทึกทักตัวเลขแพ้ชนะ เรียกว่าหนังเพิ่งฉาย แต่ผมลุยถั่วพากย์จบไปก่อน ประมาณนั้น!