มีสติกับ ‘โอไมครอน’-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ตามคาด…

“โอไมครอน” ที่นักไวรัสวิทยาบางคน คุณหมอบางท่านอยากให้เรียกว่า “โอมิครอน”

เพราะ Omicron คำอ่านที่ถูกต้อง คือ “Om-e-cron” หรือ โอม-อี-ครอน ควบออกมาง่ายๆ ว่า โอ-มี-ครอน ไม่ใช่ “โอ-ไม-ครอน”

แต่ไม่ว่าจะอ่านออกเสียงยังไง ตอนนี้ มาถึงเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว

เป็นประเทศที่ ๔๗ ของโลก

ผู้ป่วยเป็นชาวอเมริกัน แต่เดินทางมาจากสเปน

เก็บตัวอย่างครั้งที่หนึ่ง วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พบว่า โอกาสเป็นสายพันธุ์โอไมครอนสูงมาก ๙๙.๙๒% ตรวจเชื้อซ้ำเมื่อ ๓ ธันวาคม  เป็นสายพันธุ์โอไมครอน รายแรกของประเทศไทย

แต่อย่าเพิ่งตกใจไป ทั่วโลกกำลังจับตา “โอไมครอน” อย่างใกล้ชิด

ฉะนั้นข้อมูลที่ออกมาจากแพทย์ จากภาครัฐ คือข้อมูลที่เชื่อถือได้  เพราะเป็นข้อมูลเดียวกันกับข้อมูลที่โลกกำลังติดตามอยู่นั่นเอง

คุณหมอหลายท่านพยายามนำความคืบหน้าของ “โอไมครอน” มาอธิบาย ข้อมูลส่วนใหญ่ ณ เวลานี้ ฟังแล้ว ใจชื้นขึ้นครับ

เช่นคุณหมอโอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค สรุปให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้ครับ

แพร่ระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์ที่ผ่านมา ๒-๕ เท่า

ผู้ติดเชื้อโอไมครอนส่วนใหญ่ไม่มีอาการ หรืออาการน้อย คล้ายโรคไข้หวัด

ส่วนใหญ่ไม่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต เพราะ โอไมครอน

รูปแบบการระบาดของโควิดจะใกล้เคียงไข้หวัดใหญ่ในอดีต ที่เมื่อระบาดเยอะๆ จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ความรุนแรงดูลดน้อยลง

มาตรการป้องกันที่องค์การอนามัยโลก (WHO) รวมถึงศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐอเมริกา แนะนำ คือ ฉีดวัคซีนโควิดให้ครอบคลุมมากที่สุด

ใช้มาตรการป้องกันส่วนบุคคลที่เข้มงวด เช่น สวมหน้ากาก ล้างมือ  เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล และ VUCA

ยกระดับการเฝ้าระวัง ณ ช่องทางเข้าออกประเทศ และสถานที่ท่องเที่ยว

“ขอเน้นย้ำให้พี่น้องประชาชนได้มั่นใจว่า กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายความมั่นคง การเดินทางเข้าประเทศ เรามีมาตรการที่สามารถรองรับกับสายพันธุ์โอมิครอนได้

ประการต่อไปคือ สายพันธุ์โอมิครอนในข้อมูลขณะนี้ทั่วโลกเห็นตรงกันว่าความรุนแรงของโรคค่อนข้างน้อย               

แต่อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ที่ข้อมูลข่าวสารของเรื่องไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การรับฟังข้อมูลต่างๆ ก็คงจะต้องมีการวิเคราะห์ไตร่ตรองเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบที่ตามมามากมาย”

ใช่ครับการเสพข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญ เพราะทันทีที่พบ ผู้ป่วยโอไมครอนรายแรก ปีศาจสามนิ้วออกมาเขย่าทันที

รัฐบาลต้องรับผิดชอบ!

ราวกับว่าหากสามนิ้วมีรัฐบาลเป็นของตัวเอง ไทยจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่ปลอดจากโควิดสายพันธุ์ “โอไมครอน”

น่ากังวลครับ ความเกลียดชังทางการเมือง บดบังความจริงทุกอย่างไปจากสามนิ้ว

ในขณะที่โลกยอมรับว่า “โอไมครอน” จะมาแทนที่ “เดลตา” ในไม่ช้านี้ แต่กลับมีมวลชนการเมืองในไทย กำลังใช้ “โอไมครอน” เป็นเครื่องมือในการเคลื่อนไหว เพื่อให้บรรลุผลทางการเมือง

ฝั่งอเมริกาเขาตามติด “โอไมครอน” อย่างมีสติ และพบว่าขณะนี้พบผู้ติดเชื้อแล้วอย่างน้อยใน ๑๖ รัฐ

คิดเป็นพื้นที่ ๑ ใน ๓ ของประเทศ

แต่ในจำนวนผู้ติดเชื้อ มีผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้วรวมอยู่ด้วยหลายคน  และมีอาการเล็กน้อย

ดร.แอนโทนี เฟาซี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ พูดถึงข้อมูลที่ได้เก็บมาเบื้องต้น สายพันธุ์โอไมครอนน่าจะไม่รุนแรงมากนัก

แต่ขณะเดียวกัน เราก็ยังต้องรอผลการศึกษาเพิ่มเติมต่อไปก่อนที่จะสรุปอะไรออกมาชัดเจน

 “แม้จะเร็วไปที่จะออกมาฟันธงจริงๆ แต่จนถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้มีระดับความรุนแรงที่มากนัก” ถึงแม้น “ดร.แอนโทนี” จะเตือนว่า “อย่าเพิ่งตัดสินจนกว่าเราจะได้ข้อมูลเพิ่มเติม” แต่ผู้เชี่ยวชาญของหลายประเทศในยุโรป ให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน

“โอไมครอน” อาจไม่รุนแรง

เช่นในแอฟริกาใต้ สัปดาห์ที่ผ่านมา Angelique  Coetzee ประธานสมาคมการแพทย์แห่งแอฟริกาใต้ ก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้ป่วยรายแรกที่พบ ไม่ได้มีอาการรุนแรงเลย

มีเพียงแค่อ่อนล้าและปวดหัวเท่านั้น!

สำหรับผู้ป่วยที่พบรายแรกในไทย เป็นผู้ป่วยที่มีอาการน้อยมากซึ่งอาจจะเป็นเพราะวัคซีน Johnson and Johnson ที่เคยฉีดมาก่อน

คำถามคือมีความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อมากน้อยแค่ไหน

ข้อมูลล่าสุด อาการน้อย ไวรัสที่แพร่ออกมาก็น้อยมากเช่นเดียวกัน

ฉะนั้น เฉพาะผู้ป่วยรายนี้ ยังไม่มีอะไรน่ากังวล

แต่เพื่อการบาลานซ์ข้อมูล ก็ลองฟังอีกด้าน

ซาราห์ กิลเบิร์ต” นักวัคซีนวิทยา ศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด หนึ่งในผู้พัฒนาวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า มีความเห็นที่ต่างออกไป

เธอบอกว่า ความจริงก็คือ เหตุการณ์ต่อไปอาจเลวร้ายกว่านี้

อาจมีการติดต่อมากกว่าเดิม

หรือร้ายแรงถึงชีวิตมากกว่าเดิม

หรืออาจจะทั้งสองอย่าง!

แต่นี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่ไวรัสคุกคามชีวิตและความเป็นอยู่ของมนุษย์

ซาราห์ กิลเบิร์ต” เตือนว่าควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าโลกมีการเตรียมพร้อมรับมือไวรัสตัวต่อไปได้ดีหรือยัง

ประเด็นน่าสนใจคือ ซาราห์ กิลเบิร์ต” พูดถึงความพยายามที่จะยุติการระบาดโควิด อยู่ในภาวะที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ มีการจำกัดการเข้าถึงวัคซีนในประเทศรายได้ต่ำ

ขณะที่ประเทศร่ำรวยมีสิทธิ์เข้าถึงวัคซีนได้มากกว่า

สุดท้ายความเหลื่อมล้ำนี้ก็ย้อนกลับมาทำร้ายทุกประเทศในโลก ไม่ว่าจะเป็นประเทศยากจน หรือร่ำรวยก็ตาม

เช่นที่ “โอไมครอน” กำลังเริ่มต้นคุกคามมนุษยชาติอยู่

เพราะการกลายพันธุ์จะเกิดขึ้นไม่จบสิ้นในพื้นที่ที่ขาดแคลนวัคซีน

วัคซีนจึงเป็นเครื่องมือสำคัญลำดับต้นๆ ในการต่อสู้กับโควิด

อัปเดตตัวเลขฉีดวัคซีนในไทย ล่าสุดฉีดแล้ว ๙๕ ล้านกว่าโดส

เข็ม ๑ ครอบคลุมคนไทยเกิน ๗๕% แล้ว

เข็ม ๒ เกินกว่า ๖๐ %

เข็ม ๓ บูสต์ไปเกือบจะ ๔ ล้านโดส

ฉะนั้นมันไม่ใช่แค่เรื่องของคนไม่กี่คนอ้างเป็นเสรีภาพทางร่างกาย ไม่อยากฉีดวัคซีน

หรือมองว่าการฉีดวัคซีนเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

หากมีคนคิดแบบนี้เยอะๆ

นอกจากเจ็บ ตาย แล้ว

การกลายพันธุ์จะเกิดขึ้นต่อเนื่อง

คนที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนต่างหาก จึงเป็นกลุ่มคนที่ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ


Written By
More from pp
ราเมศ ยืนยัน ประธานรัฐสภา ใช้รถประจำตำแหน่ง ชอบด้วยกฎหมาย ยึดหลักประหยัด ประโยชน์เกิดต่อประชาชน
นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา ได้กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ยื่นหนังสือต่อ ปปช เพื่อตรวจสอบการใช้รถประจำตำแหน่งของนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ว่า
Read More
0 replies on “มีสติกับ ‘โอไมครอน’-ผักกาดหอม”