‘Life is Art’ ชีวิตกับศิลปะของ กันต์ รตนาภรณ์

เรารู้จัก กันต์ รตนาภรณ์ ซีอีโอ Maison de Bangkok ในฐานะนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ดีไซเนอร์ชื่อดัง ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ในวันนี้ที่วิกฤตโควิดยังคงคุกคาม เขาค้นพบเส้นทางแห่งความสุขครั้งใหม่กับงานศิลปะที่รัก

จึงสร้างสรรค์ผลงานแล้วรวบรวมจัดนิทรรศการภาพวาดเดี่ยว Guntara ครั้งแรกของเขาที่ “มาดิ” (Madi)
ผลงานที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นเสน่ห์สำคัญทำให้ไม่ทันถึงครึ่งทางของงานนิทรรศการจัด บรรดาผู้เสพงานศิลป์ก็ลุ่มหลงกันมากมาย เจ้าของแกลอรี่ต่างแดนทาบทามนำงานของเขาไปโชว์มากมาย
โดยล่าสุดเจ้าของแกลลอรี่ฮ่องกงเตรียมนำภาพงาน ‘Life is Art’ ของ กันต์ ไปโชว์ในนิทรรศการศิลปะครั้งใหญ่ของฮ่องกง และในเดือนพฤษภาคม จะเดินทางไปนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ซึ่งก่อนที่เขาจะออกเดินทางไปไกลถึงนิวยอร์คเรามารู้จักตัวตนของศิลปินหนุ่มไฟแรงคนนี้กันดีกว่า
“Life is Art’ เป็นนิทรรศการภาพวาดเดี่ยวครั้งแรกของ กันต์ โดยถูกจัดแสดงบนชั้น 2 ของคาเฟ่สีขาวย่านเจริญกรุง “มาดิ” (Madi) ที่เมื่อได้เข้าไปชม คุณจะสัมผัสได้ถึงแต่ละช่วงชีวิตของศิลปินที่สะท้อนผ่านภาพเขียนทั้งหมด 14 ภาพ ภายใต้แนวคิด “Life is Art’ และศิลปะคือความสุข
กันต์ เล่าว่า ศิลปะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาตั้งแต่เด็ก ชอบวาดรูป ระบายสี ออกแบบห้องนอนด้วยตัวเอง พอเข้ามหาวิทยาลัย ก็เลือกเรียนศิลปะ แต่พอต้องเลือกวิชาหลักเพื่อประกอบอาชีพในอนาคต จึงตัดสินใจเลือกเรียนด้านดีไซน์ เพราะมองว่าใช้ทำมาหากิน ประกอบอาชีพได้ พอเข้าสู่วัยทำงาน มุ่งทำมาหากินเป็นหลัก ยึดติดกับกิเลสภายนอก จนลืมความเป็นตัวตน และความสุขที่แท้จริง
“ผมยอมรับว่าเป็นคนที่ใช้ชีวิตตามกระแสโลก พอเริ่มต้นทำงาน เราก็ห่างไกลความสุขออกไปทุกที เราไปยึดติดกับกิเลสบนทางโลกมาก เมื่อผมได้ตระหนักรู้ มันเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต จุดที่เรารู้สึกว่าเราอยากจะมีความสุขเหมือนตอนเด็ก ๆ เราก็เลยอยากจะเอาศิลปะกลับมา” กันต์ รตนาภรณ์ เริ่มต้นบอกถึงทีมาของการจัดงานแสดงคอลเลกชันงานศิลปะ “Life is Art’
“ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่เราห่างไกลจากความสุขมาก ๆ มันก็มาถึงจุดที่ว่าเราอยากจะกลับไปมีความสุขเหมือนตอนเด็ก ๆ จัง เราก็เลยเอาศิลปะกลับมาเชื่อมต่อความรู้สึกนั้น และค่อย ๆ ทำความสะอาดมัน มันเป็นเหมือนกับการที่เราได้บ้านใหม่ที่สะอาด แล้วเราอยากอยู่ในบ้านหลังนี้ไปเรื่อย ๆ จึงสัญญากับตัวเองว่าจะเอาความสุขอยู่กับศิลปะอยู่กับเราตลอดไป” กันต์ กล่าว
กันต์ยังบอกอีกว่า สำหรับเขาแล้วศิลปะไม่ได้หายไปไหน เป็นสิ่งที่อยู่กับเขามาตลอดตั้งแต่เด็ก พอทำงานก็ใช้เรื่องดีไซน์เป็นหลัก งานดีไซน์เป็นเหมือนถนนสายหลัก งานศิลปะเป็นเหมือนมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งควบคู่กันไป เป้าหมายชีวิตในระยะยาว คือความสุข “และผมมั่นใจว่าผมยังมีศิลปะอยู่ด้วยตลอดจะไม่ทำให้ผมออกนอกทางของความสุขได้”
คอลเลกชั่น “Life is Art’ เป็นแรงบันดาลใจจากความสุขจากอย่างแท้จริง เป็นความสุขในช่วงเวลานั้น ๆ และอยากจะถ่ายทอดพลังแห่งความสุขส่งผ่านไปสู่คนอื่น ตั้งใจจะให้ศิลปะชิ้นนั้น ๆ เป็นการสื่อสารระหว่างผู้วาด และผู้ชม “เหมือนอย่างที่บอกว่า Life is Art และก็คือ Art is life มองมาที่ภาพแล้วสะท้อนมาถึงชีวิตได้” กันต์กล่าว
กันต์ เล่าว่า จุดเริ่มต้นของคอลเลคชั่นนี้มาจากการนั่งสมาธิ ซึ่งโดยปกติจะเป็นคนทำงานหนัก ไม่ค่อยมีเวลาพัก แต่พอเกิดโควิด มีเวลาได้นั่งสมาธิ มองย้อนไปในชีวิตที่ผ่านมา ทำไมถึงมีความทุกข์ ตอนเด็กเราเคยมีความสุขนี่  เลยคิดว่าชีวิตก็มีแค่นี้ จึงเกิดเป็นภาพแรกทีมีชื่อว่า “Connect The Dot” ใช้เทคนิคการจุดสีลงบนภาพโดยใช้ไม้สักทอง เหมือนเส้นทางชีวิตที่ผ่านมา ต้องผ่านจุดต่าง ๆ หลุมเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง แต่มันคือการเชื่อมโยงเป็นชีวิตของเรา
“พอเรามองย้อนกลับมาทำให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นกระบวนการทางความคิด ทั้งข้อความและพลังงานที่ส่งมา และภาพที่ออกมา ได้อย่างที่เราต้องการทั้งหมดเลย ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตเลย นี่ล่ะครับคือจุดเริ่มต้นของภาพ Collection นี้ ใช้เวลา 5 เดือนในการทำขึ้นมา” กันต์กล่าว
กันต์ เล่าต่อว่า คอลเลกชั่นนี้จะมีภาพทั้งหมด 14 ภาพ ใช้เวลาไม่นาน ถ้ามีสมาธิจะสามารถสื่อข้อความมาที่ภาพได้ไม่ยาก จริง ๆ ช่วงดังกล่าววาดภาพไปเกือบร้อยภาพ แต่นำมาร้อยเรียงผ่านการจัดแสดงแต่ละห้อง ห้องแต่ละห้องจะเล่าเรื่องแต่ละเรื่อง ห้องที่มีแสงสว่าง ห้องที่แสดงถึงความเชื่อ ห้องที่แสดงถึงช่วงชีวิตที่รู้สึกแย่ที่สุด ซึ่งอยากจะเสนอให้เห็นถึงข้อความทั้งสองด้าน มีสุข มีทุกข์ และการกลับมาอยู่กับตัวเอง ทำให้เราสามารถค้นพบความสุขที่แท้จริงได้
สำหรับกันต์แล้ว ศิลปะเป็นบ้านที่รู้สึกว่าอบอุ่น รู้สึกว่าเป็นบ้านที่อยากจะอยู่ตลอดไป มันก็เลยกลายเป็นความสุขที่สงบ และแน่นอนว่าศิลปะเป็นหนึ่งในเป้าหมายของอนาคตในชีวิต ที่จะมุ่งสร้างสรรค์ให้คนได้สัมผัสงานศิลปะ ที่สร้างความสุขในรูปแบบของเขาเอง แค่เขาได้เห็น ได้สัมผัสเพียงแค่ 5 วินาทีถือว่าคุ้มค่าที่สุดแล้ว และหากมีคนมาซื้อภาพ มีคนเห็นคุณค่า มีความสุขกับภาพที่เราวาด มันเป็นอีกความสุขที่มากกว่าที่คาดหวังไว้ เหมือนเป็นโบนัสของชีวิต
“อยากฝากถึงเด็กรุ่นใหม่ที่มีความสนใจในเรื่องของศิลปะ จริงๆ ศิลปะเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติ บางทีอาจจะกลับมาที่ตัวของเราเอง ที่เป็นธรรมชาติของเรา กลับมาเป็นตัวตนของเรา ค้นหาเอกลักษณ์ที่เราคิดมันขึ้นเองมาจากตัวเองนั่นแหละจะเป็นตัวคุณที่คุณมีความสุขมากที่สุด ที่คุณไม่ต้องพยายามเป็นคนอื่นหรืออยากจะเป็นแบบใคร ผมคิดว่านั่นคือความเป็นตัวเองและเป็นธรรมชาติของตัวเอง คุณคือหนึ่งเดียว ที่คนอื่นจะมาก๊อปปี้คุณไม่ได้” กันต์กล่าว
ชีวิตการเป็นศิลปินของ กันต์ ในวันนี้ ต้องบอกว่ามาแรงและน่าจับตายิ่งนัก เพราะนอกจากสร้างสรรค์ความสุขให้ตัวเองแล้วยังเผื่อแผ่แก่คนรอบข้างอีกด้วย โดยเดือนมกราคม ปี 2565 งานศิลปะในชุด “Life is Art’ จำนวน 4 ชิ้นงานจะถูกนำไปจัดแสดงที่นิทรรศการศิลปะครั้งใหญ่ที่ฮ่องกง และเดือนพฤษภาคม ปีเดียวกัน จะเดินทางไปสร้างความสุขถึงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา เพื่อจัดแสดงงานศิลปะเป็นเวลา 3 เดือนอีกด้วย
กระแสตอบรับที่ได้จากงานครั้ง สะท้อนให้เห็นแล้วว่า  กันต์  จัดเป็นศิลปิผู้ผลิตงานศิลปะที่มาแรงในยุคนี้  และเชื่อมั่นว่าปีหน้าเขาจะเติบโตและโด่งดังยิ่งๆขึ้นไป แวะไปชมผลงาน และชิมเครื่องดื่มอร่อยๆ หรือจะถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก ได้ที่ @madi_bkk ตั้งแต่เวลา 10.00 -16.00 น. วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2564



Written By
More from pp
โออาร์ สนับสนุนสถาบันคึกฤทธิ์ ๘๐ สืบสานมรดกศิลปวัฒนธรรมไทย
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ประธานกรรมการมูลนิธิคึกฤทธิ์ ๘๐ รับมอบเงิน จำนวน 15 ล้านบาท จากนางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก...
Read More
0 replies on “‘Life is Art’ ชีวิตกับศิลปะของ กันต์ รตนาภรณ์”