4 พฤศจิกายน 2564 เวลา 08.50 น. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นำนางสาวพัทธ์ธีญา ยงค์สงวนชัย และนางสาวอมินตา เพิ่มพูนวิวัฒน์ เข้าพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อรายงานผลการเข้าร่วมกิจกรรม Youth4Climate : Driving Ambition ในฐานะตัวแทนเยาวชนไทย ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้บริหาร เข้าร่วมด้วย
รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวรายงานถึงการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26 ) องค์การสหประชาชาติ ได้จัด youth4Climate Pre Cop 26 ควบคู่ไปด้วย โดยประเทศไทยมีตัวแทนเยาวชน 2 คน ได้แก่ นางสาวพัทธ์ธีญา ยงค์สงวนชัย 16ปี มัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนนานาชาติไทยจีน และนางสาวอมินตา เพิ่มพูนวิวัฒน์ ซึ่งได้รับคัดเลือกให้ผู้แทนประเทศจากผู้สมัคร 8,700 คน ทั่วโลก เพื่อร่วมกับผู้นำเยาวชนด้านสภาพอากาศราว 400 คนทั่วโลก
เสนอแนวคิดและข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมในประเด็นสภาพภูมิอากาศภายใต้การพัฒนาแบบยั่งยืน ในการประชุม Youth4Climate : Driving Ambition ระหว่างวันที่ 28-30 กันยายน 2564 ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นก่อนการประชุมโดยรัฐบาลประเทศอิตาลีและ UN Secretary General’s Envoy on Youth & Government of Italy เพื่อเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ปกป้องโลกของเราจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากคนรุ่นใหม่ จะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคต ขณะเดียวกัน เยาวชนเหล่านี้ ก็จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานต่าง ๆ ของรัฐบาลอีกด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีแก่ น้องเอม หรือ น.ส. อมินตา และ น้องเกรซ หรือ น.ส. พัทธ์ธีญา ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนเยาวชนเพื่อร่วมเป็นคณะทำงานกับผู้นำเยาวชนด้านสภาพอากาศ โดยน้องเอม และน้องเกรซ กล่าวถึงการนำเสนอแนวคิดในการประชุม Youth4Climate : Driving Ambition ว่า การประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ อาทิ ภาวะโลกร้อน ปัญหาก๊าซเรือนกระจก ไม่ได้มีการหารือเพียงผลกระทบที่เกิดขึ้นด้านมิติสิ่งแวดล้อมเท่านั้น
แต่ยังรวมถึงการเร่งแก้ไขปัญหาด้านการศึกษา สิทธิมนุษยนชน ความเหลื่อมล้ำ อีกด้วย โดยจะได้ทำงานขับเคลื่อนสร้างการรับรู้แก่คนรุ่นใหม่ในวัยเดียวกัน หรือ วัยเด็ก ด้วยการทำงานจิตอาสา “พี่สอนน้อง” ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจ ความตระหนักรู้ถึงความสำคัญในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการให้ความรู้แก่เด็ก ๆ ในมุมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้านสภาพอากาศอย่างยั่งยืนด้วย
นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า รัฐบาลมีแผนงานและคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อม โดยจะต้องปฏิบัติให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือน ร้อยละ 0.7 จากประเทศทั้งหมดในโลก เนื่องจากภาคการเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การจราจร การใช้สารเคมี ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาตามงบประมาณที่ได้มีการจัดสรรเอาไว้ ที่สำคัญคือภาคการเกษตรที่จะต้องดูแลเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย และจัดหาเครื่องไม้ เครื่องมือ อุปกรณ์ เพื่อลดการเผาเพื่อทำการเกษตร ด้วยการใช้เทคโนโลยีและไฟฟ้าขับเคลื่อน ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมปัญหาด้านอุทกภัย เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงระดับ 71 ของโลกหากระดับน้ำทะเลสูงขึ้น
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมเยาวชนทั้ง 2 คน ว่าเป็นที่ภาคภูมิใจของบิดา-มารดา เพราะเป็นบุคคลที่มีความรู้ ฉลาด มีความสามารถและที่สำคัญคือกล้าแสดงออก จึงอยากเห็นนักเรียน นักศึกษา ทุกคน มีมีหลักคิด อย่างเป็นเหตุเป็นผล ภายใต้กรอบของสิทธิเสรีภาพตามที่ควรจะเป็น ไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นอย่างไม่มีข้อจำกัดใดๆ ทั้งนี้ เชื่อว่าการคิด การทำอะไร ที่เป็นสิ่งดี ๆ ย่อมเกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน เยาวชนทั้ง 2 คน ถือว่าเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ร่วมงานกับนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ซึ่งเป็นคนรุ่นเก่า ปฏิบัติเพื่อโลกของเรา อย่างที่ได้กล่าวในการประชุม COP26 ว่า เราทุกคนมีโลกเพียงใบเดียว ไม่มีโลกใบใหม่ ดังนั้นจะต้องช่วยกันรักษา โดยเยาวชนถือว่าเป็นตัวแทนในฐานะกระบอกเสียงที่สำคัญเพื่อสร้างการรับรู้