เรื่องของ “กบเลือกนาย”-เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

ก็เพิ่งรู้….
ตอน “นายกฯ” กับ “ลุงป้อม” ลงพื้นที่นี่แหละว่า
“ศรัทธา-บารมี” นักการเมือง
เขาวัดกันตรง “จำนวนสส.” ที่แห่ห้อมล้อมตาม!
นายกฯ ไปท่ายาง เพชรบุรี, พลเอกประวิตร ไปบางบาล อยุธยา วานซืน
แทนที่นักการเมืองจะมองในมุม ทั้งหัวหน้ารัฐบาล “พลเอกประยุทธ์” ทั้งหัวหน้าพรรคแกนนำรัฐบาล “พลเอกประวิตร”

ปฏิบัติการ “รวมกันอยู่-แยกกันตี” ใต้กลไกประชาธิปไตย ระบบเลือกตั้ง
กลับไปจ้องจับในมุมว่า นี้คือ การ “วัดพลัง” ระหว่าง ๒ ป. ใครจะมีสส.ตามตูดไปลงพื้นที่ด้วยมากกว่ากัน

พวกสื่อ ก็พอเข้าใจได้….
ตามไปทำข่าว ตาเห็นแค่ไหน ก็ขยับปากเป็นประเด็นรายงานไปแค่นั้น

แต่นักการเมืองด้วยกันนี่ซี ….
โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่อ้างเป็นประชาธิปไตยเหนือใคร และเป็นคู่แข่งในตลาดเลือกตั้งโดยตรงกับพลังประชารัฐ

แทนที่จะใช้ “สมองเห็น” เมื่อวาน ระดับรองหัวหน้าพรรคคนหนึ่ง ฟันธงฉับ
การที่สส.ตามนายกฯแค่ ๙ คน แต่ตามพลเอกประวิตร ๕๕ คน นั้นคือ คำตอบ ว่า
“นอกจากประชาชนจะไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์แล้ว ส.ส.ส่วนใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐก็ไม่เอาด้วย”!

แถมยังอวดวิสัยทัศน์พรรคมีสส.อันดับ ๑ แต่อดเป็นรัฐบาล ว่า
“ไม่ว่าการเลือกตั้งจะเร็วหรือช้า พรรคเพื่อไทยไม่กังวล ได้เตรียมความพร้อมทั้งด้านนโยบายแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 แก้ไขผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่วิกฤตอย่างหนัก และเตรียมความพร้อมด้านตัวผู้สมัครไว้แล้ว

แต่ที่กังวลคือ เกรงว่าพรรคพลังประชารัฐจะไม่ส่งพล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ
เพราะถามกี่ครั้ง แกนนำพรรคพลังประชารัฐก็อ้อมแอ้มไม่ยืนยันว่าจะส่ง”

ความจริงก็ไม่แปลกใจในมุมคิดของรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนนี้ เพราะสมัครสส.มาก็หลายครั้ง แต่สอบตกทุกครั้ง
ก็สมควรตกหรอก คุยเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แต่รู้จักแค่ระบบยกไข่-ประคองแคม ไม่รู้จัก “วิถีประชาธิปไตย” ระบบเลือกตั้ง

แล้วจะไปสู้ “พลเอกประวิตร-พลเอกประยุทธ์” เขาได้ยังไง เขามาจากระบบ “เผด็จการทหาร” แท้ๆ
แต่พอสู่ระบบเลือกตั้ง กลับเข้าถึงแก่น “ประชาธิปไตยเลือกตั้ง” มากกว่าเพื่อไทยเห็นๆ!

จะบอกให้เอาบุญ…
จำนวน ๕๕ สส.หรือ ๙ สส.ที่แห่ห้อมพลเอกประวิตรและพลเอกประยุทธ์ นั้น

ไม่ใช่จำนวนบอกประชาชนที่ “เลือก-ไม่เลือก” ประวิตรหรือประยุทธ์ ในการเลือกตั้ง
มองในมุมการเมืองแคบๆ อย่างที่มองกัน ก็พูดได้ว่า นี่คือจำนวน “กบเลือกนาย”

แต่ถ้าเรียกว่าพลัง ก็ได้… “พลังกบ” ไงล่ะ!

มองในมุมยุทธศาสตร์การเมืองเรื่องเลือกตั้ง มันคือการจัดสรรสส.ของพรรคให้สอดคล้องแต่ละพื้นที่ ติดตามลงไป แบบมีนัย “การเมืองพื้นที่” ผสม เท่านั้น

ต้องเข้าใจให้ชัด ประชาธิปไตยเลือกตั้ง
ประชาชน เป็นผู้เลือกสส.

ไม่ใช่สส.เป็นผู้เลือกประชาชน!

นั่นคือ ประชาชน “เปลี่ยนตัวเลือกสส.” ได้ทุกครั้ง แต่สส.ไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนตัวประชาชนในการเลือกได้เลย แม้ซักครั้ง

จำนวน “สส.ตามนาย”
ใช้บอก “จำนวนกบ” เลือกนายได้
แต่ใช้บอก “จำนวนประชาชน” ว่าชื่นชอบ-ศรัทธา “นายของกบ” ด้วย ยังไม่ได้

และใช้สะท้อนว่า “เอา-ไม่เอา” นายคนนี้เป็นหัว ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ก็ยังไม่ได้เช่นกัน

ดังนั้น ที่คนพรรคเพื่อไทยสรุปสส.ตามบิ๊กป้อมและนายกฯแปลเป็นผล ๕๕:๙ คือ
ทั้งประชาชน, ทั้งสส.พลังประชารัฐ “ไม่เอาประยุทธ์” นั้น

เฮ้อ…
ทักษิณคงต้อง “เปลืองฟาง” เลี้ยงเพื่อไทยไปอีกนาน!

พูดกันอีกที เรื่องมีขบวนการเสี้ยมให้เป็นข่าว ๒ ป.แตกกัน นั้น ตามภาษาชาวบ้านเรียกว่า
เรื่องของ “ผัว/เมีย” เขาทะเลาะกัน

แล้วมันเรื่องอะไรที่ชาวบ้านจะต้องเสือกกะโหลกเข้าไปยุ่งถึงเรื่องในมุ้งของเขา?
ที่คนเพื่อไทย ระดับรองหัวหน้าพรรคสอดแส่เข้าไป ก็ทำนองนั้น!

เขาจะแตกกัน “จริง-ไม่จริง” ก็เรื่องของเขา พปชร.จะส่ง/ไม่ส่งชื่อพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯในบัญชีรายชื่อของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า มันก็เรื่องของเขา

สนใจแต่พรรคตัวเองเหอะ…
เมื่อไหร่จะหาหัวหน้าตัวจริงได้ซักทีล่ะ?

เห็นเป็นพรรค “ผีหัวขาด” อุปโลกน์คนนั้นที-คนนี้ ขึ้นมาเชิด เดี๋ยวแตกพรรค เดี๋ยวพรรคแตก มาร่วม ๒๐ ปีแล้ว
หาหัวพรรคตัวเองให้ได้ก่อนเหอะ อย่าเที่ยวโม้ให้เหม็นขี้ฟันว่าเพื่อไทยพร้อม อย่าแส่ไปพรรคอื่นว่าส่ง-ไม่ส่งใครเป็นนายกฯ เลย

เพื่อไทยนั่นแหละ มีซักหัวมั้ย ที่ส่งแล้วชัวร์ว่า “นายกฯ แหง” คราวที่แล้ว เห็นส่งตั้ง ๓ หัว ก็ “หัวกระเด็น” ทั้ง ๓ หัว
พปชร.ด้วยซ้ำ เขาส่งพลเอกประยุทธ์ไป “หัวเดียว”
เฟี้ยวเลย เห็นมั้ย

เพื่อไทยต้องกิน “องุ่นเปรี้ยว” มา ๘ ปี ไม่ทำให้คิดอะไรดีๆ ขึ้นมาได้บ้างดอกหรือ นอกจากอาศัย “สามนิ้ว” เป็นฉากเชิดไปวันๆ?

การเมืองไทยเรื่องอำนาจนั้น แค่ ๗ วัน ก็บูดแล้ว
แต่นี่ เพื่อไทยดันคิดยาวไปเป็นปีๆ
แถมคิดแทนเรื่องคนอื่นเขา ซ้ำยังเอาเหตุการณ์ประจำวันเฉพาะหน้า ไปเป็น “บทสรุป” การเมืองเรื่องอนาคต ทางตัวนายกฯ และผลเลือกตั้ง

พูดแล้ว “สมเพช”
เป็นฝ่ายแค้นมาแล้ว ๘ ปี แบบนี้ ก็คงต้องบวกต่อไปอีก ๔ ปี ต่อจากเทอมเลือกตั้งหน้าแน่!

เรื่องพลเอกประยุทธ์น่ะนะ ไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก ว่าพลังประชารัฐจะเอาหรือไม่เอา

ก็อย่างที่เคยบอก “พลังประชารัฐ” ตะหากที่ต้องห่วง ว่าเทอมเลือกตั้งหน้า พลเอกประยุทธ์ จะยอมเป็นตราประทับเรียกคะแนนให้พลังประชารัฐ หรือไม่เท่านั้น?

“ผู้ใหญ่” ที่บ่าวแต่ละฝ่ายถือหาง…..
แล้วบ่าวชักใยให้นายต้องกินใจกัน มันมีทุกแห่ง-ทุกที่ นับแต่มีมนุษย์ในโลก

ฉะนั้น กรณี ๒ ป. “ลูกน้องเสี้ยม” มันมีแน่
ก็อยู่ที่นายว่าหนักแน่นแค่ไหน ถ้าชอบสอพลอ ก็พัง แต่ถ้าชอบชั่งใจ ก็ไปได้นาน

ใครๆ เขานับจำนวนสส.ตามป.ป้อม-ป.ประยุทธ์ แต่ผมดูชาวบ้านที่มาห้อมล้อมในการลงพื้นที่มากกว่า
ภาพที่ออกมา “บิ๊กป้อม” รอบกายพรึ่บด้วย ๕๕ สส.

แต่พลเอกประยุทธ์ “พรึ่บ” ด้วยชาวบ้านและลูกเด็กเล็กแดง ออกมาแห่ห้อม ตะโกนนายกฯ สู้ๆ บ้าง ลุงตู่บ้าง
และนายกฯ ก็ตามบุคลิกท่าน แบบทหาร ปรู๊ดปร๊าด กระฉับกระเฉง ว่องไว

เดินทักคนโน้น โบกมือคนนี้ ชาวบ้านก็ตามทักทาย เรียกหากันกรูเกรียว ครึกครื้น เป็นกันเอง เซลฟี่กันชนิดว่า ถ้าเป็นสมัยใช้ฟิล์ม คงหมดตลาด!

ดูแล้ว นายกฯ นี่ น่าสงสารอยู่อย่าง
ค่าที่ว่า ท่านหล่อหลอมมาในระบบทหารค่อนชีวิต เพิ่งมาเป็นนักการเมืองไม่กี่ปี ดังนั้น การเข้าหาประชาชนสไตล์นักการเมือง ดูเหมือนเก้งก้าง

คือ นายกฯ เป็นคนน้ำใส-ใจจริงกับชาวบ้าน เจอใครก็อยากเข้าหา อยากพูดจา ทักทาย
แต่วิสัยทหารนั่นแหละ….

หวานแบบนักการเมืองอาชีพ “ไม่เป็น”!

การทักทาย คำพูด-คำจาของท่าน จึงดูห้วนๆ ห้าวๆ แบบนายทหาร แต่ผมว่าดี การเป็นตัวของตัวเอง แม้เก้งก้างไปบ้าง แต่จริงใจกับประชาชนนั่นแหละสำคัญ

ดีกว่า “ปากหวานก้นเปรี้ยว” นะ!

[แพ็คสุดคุ้ม] Pantene แพนทีนโกลด์ สูตรผมเด้งมีน้ำหนัก แชมพู 530 มล+ครีมนวด 530 มล Pantene Gold Perfection Weighty Bounce

Written By
More from plew
ถึงยุค “เลิกอิจฉาคนรวย”
ปี พ.ศ.๒๕๖๒ ปีกุน…. ปีสุดท้ายของรอบ “ปีนักษัตร” นับจากวันพฤหัสบดีที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๒ นี้ไปอีก ๕ ปี...
Read More
0 replies on “เรื่องของ “กบเลือกนาย”-เปลว สีเงิน”