ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
เจ๊..เอาจริงแฮ่ะ!
ผมกำลังพูดถึง “เจ๊คิ้ม” คุณเจนนิเฟอร์ คิ้ม นักร้องคุณภาพของวงการเพลงไทย ที่ก่อนนี้ได้โพสต์เอาไว้ว่า..
“….มันน่าเศร้าใจที่การแสดงความเคารพรักและเทิดทุนพ่อหลวง ร.9 ในทุกวันนี้ กลายเป็นความผิด จนหลายคนไม่กล้าแสดงออก
สำหรับแม่เอง แม่ทำในพื้นที่ของแม่ เหมือนเราตั้งโต๊ะ ไหว้เจ้าแล้วคนมาถีบโต๊ะเราล้มแล้วถ่มถุยใส่บ้านเรา…เราควรจะถีบหน้ามันมั้ย? เราควรจะตบปากมันเท่าอายุแม่มั้ย?
แม่ไม่เคยไปวุ่นวายกับความคิดใครเพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิด แต่ถ้าอยากมีเรื่อง ข้อแรกมึงต้องใจถึง….ข้อที่ 2 มึงต้องเงินถึง….เมื่อจะต้องเผชิญหน้ามึงอย่าหนี!…
เพราะแม้กำลังกายกูจะไปไม่ถึงมึง…แต่กำลังเงินกูไปถึง!…กูมันใจ!! และแม่จะยังตั้งโต๊ะไหว้เจ้าต่อไปกับอีกหลายคนที่มาไหว้พร้อมๆกับแม่ด้วยความจงรักฯจนวันตาย #ไหว้เจ้ากัน”
และวานนี้ ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ก็ได้ยืนยันว่า.. “เจ๊คิ้ม (เจนนิเฟอร์ คิ้ม) นักร้องในดวงใจของผมและหลายๆ คน ไปแจ้งความคดีหมิ่นประมาทไว้อย่างละเอียดลออ ครบถ้วน
กับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติกว่า 300 ราย ขอแสดงความยินดีกับทัวร์ลงโต๊ะไหว้เจ้าหน้าบ้านเจ๊ มึงเจอของจริงแล้ว ขอบอก”
กว่า 300 รายแน่ะ..ขี้หมูขี้หมาติดไซมาสัก 10-20 ตัว เอ๊ยราย เจ๊ก็นั่งนับเงินไม่หวาดไม่ไหวแล้ว และถ้าติดมาได้ทั้งฝูง..
โอ๊ย มหาศาล ดีกว่านั่ง “ขอทาน” เอานิ้วจิ้มหนามตะบองเพชรแลกเงิน 100 บาทเชียวนา!
ที่ว่า.. “ทุกคำด่ามีราคาต้องจ่าย” มันเป็นอย่างงี้นี้เอง ฉะนั้นถ้าคิดจะสะใจ-สะอารมณ์ด้วยการด่าดารา-ด่านักร้องก็ต้องดูเงินในกระเป๋าตัวเองด้วย
ประเภทปากจัด-ด่าแหลกแต่พอโดนฟ้องแล้วโอดครวญร้องห่มร้องไห้ วิงวอน.. “ให้กราบก็ยอมขออย่าฟ้อง” นั้น เห็นจะใช้ไม่ได้กับทุกคนเสียแล้วล่ะ?
โดยเฉพาะ “เจ๊คิ้ม” ดูเหมือนจะได้ประกาศเป็นมั่นเป็นเหมาะ.. “จะไม่เจรจายอมความใดๆ ทั้งสิ้น” เจอของจริงเข้าแบบนี้ ใครที่ถีบโต๊ะไหว้เจ้าเจ๊ล้ม ป่านนี้เห็นที..
นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ตับพิการ อาหารไม่ย่อย ลิ้นกร่อย ทานอาหารไม่อร่อย
ไม่รู้รส ท้องอืดไม่ตด..
มีกรดในกระเพราะ กระดูกเปราะ ฟันปวด เป็นประหลวดในสำไส้..ไปแล้วกระมัง?
อ้อ..แต่รายนี้นอนหลับพักยาวชั่วนิรันดร์ ก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวและญาติสนิทมิตรสหายอันเป็นที่รัก กับการจากไปของ “เสนาโค้ก” หรือ “สมชาย เปรมประภาพงษ์”..
สุภาพบุรุษอารมณ์ดี ผู้ที่คิดแต่จะสร้างความสุข รอยยิ้ม-เสียงหัวเราะให้กับผู้อื่นมาตั้งแต่ยุค “เพชฌฆาตความเครียด” จนถึง “ขบวนการขยับเหงือก”
ก่อนที่ตัวเองจะจมอยู่กับความเจ็บ ความปวด ความทุกข์ ความเหงาเดียวดายอย่างเงียบๆ จนลมหายใจสุดท้าย
ตายแล้วไปไหน?..ไม่มีใครรู้ แต่ที่รู้..