เปลว สีเงิน
คำว่า “เล่นการเมือง” เป็นกิริยาเฉพาะ “นักเลือกตั้ง” ในระบบ “การบ้าน-การเมือง” ไทย จริงๆ
อย่างตอนนี้….
ถ้าเป็นยามศึกสงคราม ก็ต้องบอกว่า ประเทศไทยถูก “โควิด” ล้อมไว้หมดแล้ว!
แทนที่คณะพรรครัฐบาล “ทัพหลวง” จะโชว์ความพรักพร้อมขับไล่ข้าศึกให้ชาวบ้านเห็น จะได้อุ่นใจว่า รัฐบาลนี้ “แน่นปึ้ก” พึ่งได้
แต่กลับเป็นว่า….
ประชาธิปัตย์ไม่พอใจ “คำสั่งนายกฯ” ประเด็นแบ่งงานให้รัฐมนตรีต่างพรรคไปคุมภาคใต้บ้างละ
ภูมิใจไทยไม่พอใจนายกฯ รวบอำนาจแก้ปัญหาโควิดไปไว้ที่ศบค.บ้างละ
แล้วไพร่ราบแต่ละพรรคก็ออกมาฟัดกันเองจนกระถางน้ำข้าวกระจุย ในขณะที่โควิดยิ้มเผล่ ควักปอดชาวบ้านเคี้ยวตุ้ยๆรายวัน!
เมื่อรัฐบาลเกิดรอยแยก “กองทัพลิ่ม” ก็แทรกกลาง
ไล่รัฐบาล ไล่นายกฯ ไล่รัฐมนตรี
เห็นแผล เห็นเลือด บรรดาหมานอก-หมาไน ไฮยีนา อีแร้ง ทั้งสื่อ ทั้งฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายตรงขั้ว ที่มีรสนิยมตรงกัน “ความฉิบหายของเขาคือความสุขของเรา”
ก็สนุกกันใหญ่ สามัคคีจิกตี รุมทึ้ง ลากไส้ ไม่มีอะไรจะครึกครื้น “ประชาธิปไตยเลือกตั้ง” เท่าตอนนี้อีกแล้ว
โควิด ในความหมาย “โรคระบาด” น่ะ
มันมาแต่ละรอบ อย่างเก่ง ๒-๓ ปี มันก็ไป
แต่การเมืองเลือกตั้งระบาด จาก ๒๔๗๕ จนถึง ๒๕๖๔ มันเหมือน “ห่าลง” ยาวนานมา ๘๙ ปี
นอกจากไม่มีท่าทีจะไปแล้ว ท่าทาง (ห่า) มันจะลงหนักขึ้นด้วยซ้ำ!
มด-หมอ “บางหมอ” ก็เอาเขาด้วย
แต่ละคนเหนื่อยน่ะ…เข้าใจ แต่การทำเป็น “ไก่ในเข่ง” ผสมโรงเข้าไปอีก นั่นไม่ค่อยเข้าใจ
และเห็นที่เขาทึ้งกัน ก็เข้าไป “ถือข้าง-ถือฝ่าย” ใส่กับอีกฝ่ายไปด้วยนั้น
ไหว้ละคุณหมอทั้งหลาย อย่า “กลายพันธุ์” เป็นหมอแทงหวยการเมืองนักเลย!
รัฐบาลผสมที่พังเพราะแตกแยกนั้น เป็นเรื่องปกติ
ผู้ดีสาแหรกเดียวเขาเรียก “ธรรมชาติของการเมือง”
แต่แปดสาแหรกอย่างผมเรียก “สันดานนักการเมือง”
คือในภาวะบ้านเมืองปกติ ถ้าจะแตกแยก แบบนั้น นับเนื่องเข้าหมวด “ธรรมชาติการเมือง” ได้
แต่ในภาวะบ้านเมืองไม่ปกติ อย่างตอนนี้ โควิดประชิดติดกำแพงเมือง ทุกพรรค-ทุกคนที่ร่วมกันเป็นรัฐบาล “ต้องวางเรื่องอื่นทั้งหมด”
แล้ว “ผนึกแรง-ผนึกใจ” ทำหน้าที่……
ให้สมกับที่แหกปากทั้งในสภาและนอกสภาว่า “อาสาเข้ามาเป็นตัวแทนประชาชนรับใช้บ้านเมือง”
แล้วนี่มันอะไรกัน บอกเข้ามารับใช้บ้านเมือง แต่พอบ้านเมืองมีภัย ชาวบ้านซะอีก ช่วยกันยิบตา
แต่นักการเมือง “กัดกันโชว์” เหมือนหมา!
แบบนี้แหละเขาถึงได้เรียก “สันดานนักการเมือง” ใครผิด-ใครถูก มันไม่ใช่เวลาที่จะมาพูด-มาตัดสินกันตอนนี้
เหมือนไฟไหม้บ้าน…….
ต้องช่วยกันดับไฟก่อน ไม่ใช่กัดกัน “เปิดทาง” แหกรั้ว เอาตัว-เอาพรรค รอดก่อน!
ก็รู้กันแต่วันแรกแล้วหละว่า รัฐบาลพลังประชารัฐ-ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย มันไปไม่ได้กี่น้ำหรอก
ความจริง อยู่มา ๒ ปีกว่าคือ “ครึ่งเทอม” กว่าลายจะลอก ก็นับว่า “ซ่อนลาย” ไว้ได้นานเกินคาด
นายกฯ น่ะ จำ “หวานอม-ขมกลืน” มาตลอด ต้องทนให้คนก่นด่า “ผิดสัญญาปฏิรูป” บ้าง เป็นสมภารหรี่ตาให้พวกมหาโจรบ้าง
เพราะอะไร?
เพราะต้องใช้สถานภาพ”รัฐบาล” เพื่องานตัดผุประเทศพร้อมทั้ง “สานงานที่ก่อ-ต่องานที่ค้าง”
“ประชาธิปไตย” ไม่ได้อยู่ที่ผิด-ที่ถูกที่ใช่-ที่ไม่ใช่ หากแต่มันเป็นระบบ “มือมากเป็นใหญ่”
พูดให้ตรงตัว ในสังคมครึ่งบก-ครึ่งน้ำ “เผด็จการ-เผด็จโกง” ไม่ใช่ประเด็น
จำนวน “มือใครมากกว่า” ในสภา คือประเด็น
ดังนั้น เพียงเอา “เลือกตั้ง” ครอบ ไม่ว่าหมู หมา กา ไก่ ใช่คน-ไม่ใช่คน ขอเพียงมีมือ
เปิดสุ่มฟักออกมา เป็น “ประชาธิปไตย” ทั้งครอกได้ทันที!
เมื่อระบบมันเป็นประชาธิปไตย แต่คนในระบบเป็นหรือเปล่า..ใครสน?
อย่างนั้น ก็ต้องพึ่งมือเขา เมื่อพึ่งมือเขา ก็ต้อง “หรี่ตาสอยเข็ม” ยิ่งเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ หรี่ข้างเดียวไม่พอ ต้องหรี่ทั้งสองข้าง
นั่นแหละ จึงเกิดเสียงครหา “นายกฯ หลับหู-หลับตา” กับพฤติกรรมคนรัฐบาล เช่น บางรัฐมนตรี และบาง “คนรอบข้าง” นายกฯ เอง
แต่ละคน แต่ละพรรค คัดมาเป็นรัฐมนตรีก็แสนห่วย
“แสนห่วย” นับว่าดีนักหนา
ที่เขาไม่คัดแค่พันห่วยหรือหมื่นห่วยมายัดใส่มือ!
ได้เท่านี้ ยื้อมายาวเข้าปีที่ ๓ ถือว่านายกฯบำเพ็ญตบะแม้ไม่ถึงระดับโสดา ก็เฉียดระดับโซดาแล้ว
ผมไม่รู้หรอก สมการในใจนายกฯ เป็นอย่างไรและอยู่ตรงไหน?
แต่รู้ว่า ภาวะนี้ นายกฯ ต้องนิ่ง ต้องอด-ต้องทน เป็นเสาหินปักดินดาน ในสถานการณ์รับศึกโควิด
ถ้านายกฯ แสดงอาการหงุดหงิด หวั่นไหว หรือเป๋ไปแม้ก้าวเดียว
เหมือนรถบัสทั้งคัน “เลี้ยวลงเหว” เลยนะท่าน!
คนช่วยน่ะมี เยอะด้วย….
แต่เป็น “ช่วยถล่ม” ปาอิฐ ปาหิน ปาเกี๊ยะ ฝังกลบไปเลย!
ทุกศึก…..
“ด่านสุดท้าย” คือด่านชี้เป็น-ชี้ตาย, ชี้แพ้-ชี้ชนะ ผมรู้ นายกฯเป็นพวก “หนุมานคลุกฝุ่น”
ยิ่งตี-ยิ่งมีฤทธิ์
ฉะนั้น โจทย์นาทีนี้ ไม่ใช่โจทย์ “เอาใจพรรครัฐบาล” แต่มันเป็นโจทย์ “เอาประชาชน-เอาประเทศ” ให้รอดจากโควิด!
สังคมข่าวสาร อาหารเลี้ยงชีวิต คือ “กาก”
ฉะนั้น อะไรที่มันสนองด้านสีสัน นินทาด่ากัน ยุแยงให้แยกกัน ก็ช่างมันเหอะ ไม่ต้องใส่ใจ
แผนงาน “รัฐประสานเอกชน” สู้ศึกโควิด นั่นแหละ ดีครับนาย…ใช่ครับท่าน รับประกันได้เลย
๑๐๐ ล้านโดส ปูพรมระดมฉีด ประโคมข่าวให้ชาวบ้านทุกหัวระแหงได้รู้
วัคซีนไม่มา แต่ถ้าทำให้คนมีความหวังและความมั่นใจว่า “มันต้องมาแน่” ถือว่า ทั้งพารา “ชนะโควิด” ไปครึ่งแล้ว!
ซักกรกฏา.วัคซีนจะมาชนิดให้อาบด้วยซ้ำ
ยิ่งปลายปี ทั้งสยามไบโอฯ ทั้งของจุฬาฯ ที่ผ่านขั้นตอน ๓ แล้ว จะทำให้ไทยกลายเป็น “คลังแสงวัคซีน” ขนาดนั้น
บริหารวัคซีนและการระดมฉีด ท่านทำแล้ว
บริหารความว้าวุ่นใจคนให้เป็นความมั่นใจ นั่นแหละ รัฐบาลต้องรีบทำ
“สปุตนิก” ของรัสเซีย เยี่ยมสุด นายกฯ รู้ช่องติดต่ออยู่แล้ว บอกประธานาธิบดีปูตินตรงๆ “ผมขอความช่วยเหลือ”
สั้นๆ ตรงๆ แค่นี้ บางที ปลายพฤษภา.ก็พรึ่บ
ไงก็ ขอผมจึ๊กนึงนะท่าน!