ผักกาดหอม
ช่วงนี้คงต้องคุยกันเรื่องโควิดเป็นหลัก
สถานการณ์ล่าสุดว่ากันตรงๆ….ไม่ดีเอาเสียเลย
โดยเฉพาะภาคตะวันออก ชลบุรี ระยอ
ตัวเลขพุ่งขึ้นเรื่อยๆ
เหมือนว่าทางการ จะรอดูจนถึงกลางเดือนมกราคมเป็นอย่างน้อย ถ้ายังหยุดไม่อยู่ คงต้องกลับมาใช้ยาแรง
แต่ก็ไม่แน่ เริ่มปีฉลู โควิดอาจกลายเป็นโคขวิด ไล่ขวิดผู้คนอย่างหนักทั่วประเทศ มาตรการเข้มข้นก็อาจต้องนำมาใช้กันเร็วกว่าที่คิด
ไปดูคำแถลงของคุณหมอทวีศิลป์ วิษณุโยธิน วานนี้ (๒๙ ธันวาคม) กันก่อน
“…ทีมวิชาการระบาดวิทยา ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เสนอแบบจำลองฉากทัศน์การระบาดระลอกใหม่ ๓ รูปแบบ
๑.ถ้าวันนี้ไม่มีมาตรการ ไม่ทำอะไรเลย จะเห็นกราฟ เป็นฉากระฆังคว่ำ ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่จนถึงช่วงกลางเดือนหน้า ๑๔ มกราคม ๒๕๖๔ จะมีผู้ป่วยรายใหม่วันละ ๑๘,๐๐๐ คน ชันขึ้นไปเรื่อยๆ
๒.ถ้ามีมาตรการกลาง ซึ่งขณะนี้กำลังทำอยู่ จะมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณวันละเกือบ ๔,๐๐๐ คน ถ้าสะสมทุกวันตัวเลขก็จะเพิ่มมากขึ้น
๓.ถ้าดำเนินมาตรการเข้มข้น ที่ทุกคนทำกันได้ เช่น สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ จะมีผู้ป่วยรายใหม่น้อยกว่าวันละ ๑,๐๐๐ คน….”
ไม่ต้องแปลไทยเป็นไทย ถ้าทำเท่าที่ทำกันอยู่ในวันนี้ติดเชื้อวันละ ๔,๐๐๐ ราย
ถ้าเข้มข้นก็น้อยกว่า ๑ พัน
เห็นตัวเลขแล้ว มีคำถามว่าจะรออะไร?
ถ้าไม่เข้มเสียแต่วันนี้วันพรุ่งนี้ ประเทศก็จะเสียโอกาสตามความล่าช้าเป็นเงาตามตัว
แต่…แน่นอน ล็อกดาวน์ทุกจังหวัด นำมาซึ่งความเสียหายของเศรษฐกิจ
ประชาชนตกงาน
คนจนไม่มีกิน
ถามว่ารัฐบาลมีเงินจ่ายหรือเปล่า?
คราวที่แล้วค่อนไปทางสิ้นปีงบประมาณ เม็ดเงินมีจำกัด แต่ก็ผ่านมาได้
คราวนี้ เพิ่งจะเริ่มปีงบประมาณไม่กี่เดือน ถ้าบอกว่าไม่มีเงิน ถือเป็นเรื่องใหญ่
ฉะนั้นการแก้โจทย์โควิด รอบแรกเราสอบผ่าน แล้วจะตกรอบ ๒ ที่มีความพร้อมมากกว่าได้อย่างไร
แถมคนไทยเก่งไม่เป็นรองชาติใดในโลก กักตัวเองก่อนรัฐบาลจะออกมาตรการเสียอีก
ก็เตรียมพร้อมเอาไว้การล็อกดาวน์อาจถูกนำมาใช้อีก
เจ็บแต่จบ
ดีกว่าไม่จบแถมสาหัส
สำหรับแหล่งแพร่ระบาดของโควิด ที่เป็นสถานอโคจร ธุรกิจเถื่อน ต้องเช็กบิลคนมีหน้าที่รับผิดชอบทั้งหมด อย่าปล่อยไว้ให้รกเมือง
และต้องมีความชัดเจนเป็นนโยบายหลักจากรัฐบาล เราจะปล่อยให้ข้าราชการเลวๆ คอร์รัปชันแล้วประชาชนทั้งประเทศต้องมารับเคราะห์แทนต่อไปมิได้
ถึงเวลาล้างโกงครั้งใหญ่เพื่อล้างโควิด