‘นครปฐมยุคใหม่ นายใหญ่คือประชาชน’ ! “ธนาธร – ปิยบุตร” ปราศรัยเดือด ปลุกหยุดการเมืองบ้านใหญ่ – ตระกูลผูกขาด ชี้ “ชัชวาล นันทะสาร” คือโอกาสดีที่สุดของ “นครปฐม”

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.63 บริเวณตลาดนัดน้อมเกล้า อ.เมือง จ.นครปฐม ซึ่งเป็สถานที่จัดเวทีปราศรัยใหญ่ของคณะก้าวหน้า ในสนามเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครปฐม และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) นครปฐม โดยบรรยากาศความคึกคักเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงบ่าย

เมื่อ “หมอชัช” ชัชวาล นันทะสาร ผู้สมัคร นายก อบจ.นครปฐม และ “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้าร่วมกันขึ้นรถแห่ไปทั่วตัวเมือง เพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ชาวนครปฐมมาร่วมฟังการปราศรัย ก่อนที่เมื่อถึงเวลาเวทีเริ่ม ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าก็ปราศรัยดุเรียกเสียงปรบมือ เสียงไชโยโห่ร้องดังกระหึ่ม
ปิยบุตร เริ่มเปิดเวทีโดยกล่าวว่า เวลาเราพูดถึงการเมืองท้องถิ่น คนมักคิดถึงภาพเดิมๆ ว่าเป็นเรื่องของบ้านใหญ่ เรื่องตระกูลการเมือง เรื่องการใช้เงินทองเป็นจำนวนมาก ที่เรียกว่ายิงกระสุนโดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์สุดท้ายอย่างนี้ ซึ่งแบบนี้มีแต่จะทำให้ภาพลักษณ์การเมืองท้องถิ่นเสียหาย
อย่างเช่นที่นี่ จ.นครปฐม มีงบประมาณ อบจ. ประมาณปีละ 1 พันล้านบาท 4 ปีบริหารงบถึง 4 พันล้านบาท และถ้าวันนี้ รณรงค์หาเสียงกันด้วยการแจกเงิน 300, 500,1,000 บาท อยากให้ท่านเหลือบดูหน้าและจำให้แม่นแล้วไม่ต้องไปเลือก เพราะเขาไม่ได้ให้ฟรีๆ แน่นอน ถ้าได้เป็นนายก อบจ. มาบริหารงบ 4 พันล้านบาท เขาต้องเอาคืนทั้งต้นทั้งดอก
ดังนั้น คณะก้าวหน้าเราตั้งใจเข้ามาทำในเรื่องนี้ คือรณรงค์แข่งขันกันที่นโยบาย พ่อแม่พี่น้องที่มาฟังเราปราศรัย เปิดดูแผ่นผับใบปลิวก็จะเห็นแต่นโบบายไม่มีเงินแนบ เขย่าอย่างไรก็ไม่มีแน่นอน ดังนั้น อยากเชิญชวนพี่น้องทุกคนตัดสินใจเลือกด้วยนโยบายไม่ใช่เงินซื้อเสียง


“การเมืองท้องถิ่นไม่ควรเป็นของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ไม่ควรเป็นสมบัติผูกขาด ไม่ควรเป็นในลักษณะที่ว่ามีพ่อเป็นรัฐมนตรี เมียเป็นนายก อบจ. ลูกเป็นนายกเทศมนตรี หลานเป็นนายก อบต. เพราะเหมาหมดอย่างนี้ สุขภาพประชาธิปไตยไม่ดีขึ้น สุขภาพอของจังหวัดก็ไม่ดีขึ้นแน่ๆ เพราะถ้าผูกขาดอยู่กับตระกูลเดียวแล้วใครจะตรวจสอบได้
ยิ่งหากมีคนที่มีความรู้ความสามารถที่ไม่ได้เกิดในตระกูลนั้น ไม่ได้มีนามสกุลนั้น ก็ต้องไปต่อคิวเข้าในบ้านใหญ่อย่างนั้นเหรอ เหตุนี้ เราจึงเกิดคณะก้าวหน้าขึ้นมาเพื่อรองรับคนที่มีความรู้ความสามารถ ที่ไม่ต้องไปต่อคิวเข้าบ้านไหน แต่ทำให้การเมืองเป็นเรื่องของคนทุกคน” ปิยบุตร กล่าว
ปิยบุตร กล่าวอีกว่า ผู้สมัครนายก อบจ. นครปฐม ของคณะก้าวหน้า คือหมอชัชวาล นันทะสาร เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ และอยากให้พี่น้องชาวนครปฐมสบายใจได้ว่า เป็นผู้ที่ยึดมั่นในประชาธิปไตย เราเริ่มด้วยกันมาตั้งแต่ครั้งที่เราก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ หมอชัชวาลเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งของจังหวัดนครปฐม และทำให้เรามี ส.ส.ในจังหวัดถึง 2 คน รวมกับปาร์ตี้ลิสต์ของนครปฐมอีกคนหนึ่ง
และเขาไม่ใช่ลูกน้องนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ใช่ลูกน้องของตน เจ้านายของหมอชัชวาล นันทะสาร ตัวจริงคือประชาชนชาวนครปฐมทั้งหมด เสียงเรียกร้องที่เขาต้องฟังคือเสียงของชานครปฐม นี่เป็นการเมืองแบบใหม่ที่เราต้องการเริ่ม พอกันทีกับการเมืองที่ใช้อิทธิพล ใช้เงินทอง อยากให้มาแข่งขันกันที่นโยบาย พอกันทีการเมืองอาณาจักรผูกขาดที่อยากได้อะไร อยากลงแข่งขันสนามไหนก็เดินเข้าบ้านใหญ่แล้วไปต่อคิว การเมืองต้องเป็นเรื่องของทุกคน
“การหย่อนบัตรเลือกตั้งวันที่ 20 ธันวาคมนี้สำคัญอย่างยิ่ง เพราะไม่ใช่เพียงแต่เป็นการเลือกตั้งในรอบเกือบ 10 ปีเท่านั้น แต่ยังเป็นการเลือกตั้งที่เปิดโอกาสให้คนนครปฐมได้กำหนดชะตาชีวิตของจังหวัด กำหนดอนาคตของตัวเองด้วย ดังนั้น ถ้าบอกว่าเลือกตั้งกี่ทีก็ไม่เคยเปลี่ยน แล้วพ่อแม่พี่น้องยังเลือกแบบเดิมก็คงไม่มีทางเปลี่ยน แต่ถ้าอยากได้แบบใหม่ มีทางเดียวก็คือต้องเลือกแบบใหม่ คือเลือกหมอชัชวาล นันทะสาร เบอร์ 1 ที่จะทำให้เรามีโอกาสเปลี่ยนการเมืองแบบเดิมๆ ได้
และนอกจากนี้ยังเป็นโอกาสสำคัญที่เราจะได้ส่งสัญญาณถึงการเมืองระดับชาติ ส่งเสียงถึงประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะถ้าเราออกไปเลือกผู้สมัครนายก อบจ. และ ส.อบจ.นครปฐม คณะก้าวหน้า ทั้ง 24 เขต ด้วยคะแนนถล่มทลาย อย่างนี้ก็ชัดเจนแล้วว่า ชาวนครปฐมส่งสัญญาณบอกว่าหมดเวลาประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้ว และอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ เราจะได้วิสัยทัศน์ ได้ความรู้ความสามารถของธนาธรมาใช้โดยไม่ต้องรอ 10 ปี” ปิยบุตร กล่าว
ขณะที่ ธนาธร กล่าวว่า พวกเราภูมิใจมากที่ลงแข่งสนาม อบจ. ในครั้งนี้ เพราะถ้าไม่มีคณะก้าวหน้าลองคิดดูว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นจะเงียบเหงาขนาดไหน เหตุผลที่เราอยากทำงาน อยากจะรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนมาสนใจการเมืองท้องถิ่น เพราะการเมืองท้องถิ่นมีความใกล้ชิดกับประชาชนมากกว่าการเมืองระดับชาติ และเราอยากทำการเมืองที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน นอกจากนี้การเมืองท้องถิ่นในประเทศไทยไม่มีความเติบโตเลยมาหลายสิบปีแล้ว
ครั้งนี้เราส่งผู้สมัคร อบจ. ทั้งหมด 42 จังหวัด และ ส.อบจ. เกือบ1,000 คนทั่วประเทศ ซึ่งในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีใครทำแบบนี้มาก่อน ทั้งนี้ การเมืองท้องถิ่นถูกผูกขาดโดยตระกูลการเมืองมาอย่างยาวนาน หลายคนพ่อเป็น ส.ส. แม่เป็นนายก อบจ. ญาติ เป็นนายกเทศมนตครี หรือไม่ก็มีญาติพี่น้องทำงานรับเหมาที่มีส่วนเกี่ยวกับโครงการรัฐ ลักษณะแบบนี้อยู่กับสังคมไทยมากว่า 40 ปีแล้ว และในหลายจังหวัดยังมีการใช้อิทธิพล ใช้ความรุนแรงค่อคู่แข่งทางการเมืองด้วย ถามว่าท่านอยากให้ลูกหลานเติบโตมาในสังคมแบบนี้หรือ นี่คือคำถามสำคัญมากที่พวกเราต้องตอบ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องเปลี่ยนแปลง
“ดังนั้น เราจึงตั้งคณะก้าวหน้าขึ้นมา เพื่อให้คนที่มีความรู้ความสามารถ ไม่ใช่คนบ้านใหญ่ตระกูลไหนได้เสนอตัวเป็นตัวแทนเข้าไปเปลี่ยนแปลงประเทศท้องถิ่นของตัวเอง เพราะถ้าผู้สมัครลงแข่งขันกันเอง การจะไปชนะบ้านใหญ่แทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะผู้มีอิทธิพลทำให้เรากลัว แบบนี้จึงทำให้ไม่มีคนใหม่ๆ เข้ามาเป็นผู้เล่นทางการเมือง เมื่อไม่มีคนใหม่ๆ ก็ไม่มีการแข่งขัน เขาก็ไม่จำเป็นต้องกระตุ้นทำเพื่อประชาชน คนรุ่นใหม่รู้สึกว่าการเมืองแบบนี้น่ารักเกียจ ไม่สร้างสรรค์ ไม่อย่างเข้ามาทำ เพราะแบบนี้กลุ่มอิทธิพลค่างๆ จึงครอบงำการเมืองมาอย่างยาวนาน แต่วันนี้มีคนกล้าหาญ อาสาเข้ามาทำงานเพื่อประชาชนแล้ว นั่นคือ หมอชัชวาล นันทะสาร” นายธนาธร กล่าว
ธนาธร กล่าวอีกว่า ตนจักหมอชัชวาล นันทะสาร มา 2 ปี ตั้งแต่สมัยยังเป็นพรรคอนาคตใหม่ เขาไม่เคยเรียกร้อง เขาเข้ามาช่วยงานโดยไม่ได้ค่าตอบแทน มาทำด้วยใจ เขาเคยปิดคลินิกถึง 2 เดือน เพื่อมาช่วยผู้สมัครหาเสียงสมัยเลือกตั้ง ส.ส. เพราะเขาเชื่อมั่นในอุดมการณ์อนาคตใหม่ และที่สำคัญเขาอยู่เบื้องหลังการเลือกตั้งของพรรคอนาคตใหม่จังหวัดนครปฐม ที่ได้รับคะแนนเสียงมาอย่างถล่มทลาย
วันนี้หมอชัช ยังเป็นหมอชัชคนเดิม ไม่มีอิทธิพล มีแต่ขา หัวใจ และปาก เดินไปขายความตั้งใจ บอกเล่าความฝันที่อยากสร้างสังคมที่ดี เศรษฐกิจที่ดี คุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวนครปฐม เมื่อมีคนกล้าหาญแบบนี้ ท่านจะไม่สนับสนุนเขาหรือ ที่สำคัญกลุ่มที่ประชาชนเรียกว่า บ้านใหญ่ นั้นเขาไม่ได้มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย พวกเขาพร้อมย้ายไปย้ายมา เพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล หรือให้ได้มาเพื่ออำนาจ เพราะปัญหาสำคัญของประเทศไทยทุกวันนี้ คือโจทย์เรื่องอำนาจว่าเป็นของใคร และบ้านใหญ่ไม่ได้มีเฉพาะนครปฐม การเลือกตั้งท้องถิ่นในวันที่ 20 ธันวาคม เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเส้นทางอีกยาวไกล กว่าที่ประเทศไทยจะได้ประชาธิปไตยกลับมา กว่าจะได้ประเทศไทยที่คนเท่าเทียมกัน
“หมอชัชวาล นันทะสาร คืออนาคตของนครปฐม คือโอกาสที่ดีที่สุดของนครปฐม และนี่คือความหมายของสโลแกน ‘นครปฐมยุคใหม่ นายใหญ่คือประชาชน’ เพราะถ้าที่มาของอำนาจคือทหาร เราก็ต้องซื้อเรือดำน้ำ ถ้าที่มาของอำนาจคือข้าราชการ ก็อาจเกิดการเอื้อประโยชน์เกิดคอรัปชั่น แต่ถ้าที่มาของอำนาจ คือ ประชาชน เราก็ต้องคืนผลประโยชน์ให้กับประชาชน
นี่คือความหมายของคำว่านายใหญ่คือประชาชน เพราะคนที่เลือกพวกเรา คนที่แต่งตั้งพวกเราคือประชาชน และนี่คือหัวใจของประชาธิปไตย เราได้ที่มาของอำนาจมาจากไหน เราก็ต้องตอบสนองต่อที่มาของอำนาจนั้น ซึ่งโอกาสอยู่ในมือพี่น้องประชาชนแล้ว 20 ธันวาคม นี้ นครปฐมจะเดินไปทิศทางไหน อนาคตนครปฐมจะเป็นอย่างไรท่านเลือกเอง” ธนาธร กล่าว
Written By
More from pp
ไม่ใช่แฟนพูดแทนไม่ได้? – สันต์ สะตอแมน
สันต์ สะตอแมน อ่านกฎหมายไม่รู้ ดูกฎหมายไม่เป็น! แฮ่ะๆ..ผมจึงเลยต้องอาศัยคุณนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ผู้ได้ชื่อมือกฎหมายชั้นเซียน เพื่อขออนุญาตยืมคำ.. “ทั้ง แบม และ ตะวัน...
Read More
0 replies on “‘นครปฐมยุคใหม่ นายใหญ่คือประชาชน’ ! “ธนาธร – ปิยบุตร” ปราศรัยเดือด ปลุกหยุดการเมืองบ้านใหญ่ – ตระกูลผูกขาด ชี้ “ชัชวาล นันทะสาร” คือโอกาสดีที่สุดของ “นครปฐม””