9 พ.ย. 63 เวลา 11.30 น. ณ บริเวณทางเชื่อมตึกภักดีบดินทร์กับตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 3/2563 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติว่า
ที่ประชุมหารือครอบคลุมถึงการปฏิรูป การปรับแผนแม่บทระยะสั้นเพื่อให้ตอบสนองกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงโครงการต่าง ๆ ที่มีการเสนอกันเข้ามาทั้งในลักษณะ บนลง (Top Down) หรือล่างขึ้นบน (Bottom Up) ว่าจะมีการจัดสรรงบประมาณกันอย่างไร
โดยรัฐบาลต้องดูแลให้เกิดความเท่าเทียม โดยเฉพาะในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน สนับสนุนกิจกรรมในพื้นที่ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการคัดกรองโครงการต่าง ๆ จากงบประมาณ รายจ่ายประจำปี รายจ่ายในสัดส่วนอื่นของหลายกระทรวงด้วยกัน ซึ่งในแต่ละจังหวัดมีคณะกรรมการประจำจังหวัด ประกอบไปด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดและหลายภาคส่วน ต้องนำมาบรูณาการเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในพื้นที่ ให้แต่ละโครงการมีความโปร่งใส ไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน ทั้งนี้ ประชาสามารถตรวจสอบโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลได้ทางระบบเว็บไซต์ เพราะโครงการต่าง ๆ มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่จะสามารถดำเนินการก็ได้ขึ้นอยู่กับมติของเสียงส่วนใหญ่ของคนในพื้นที่
นายกรัฐมนตรียังเผยว่าได้แสดงความยินดีต่อนาย Joe Biden ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ เชื่อว่าจะความสัมพันธ์จะแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เนื่องจากประเทศไทยและสหรัฐอเมริกาได้มีความสัมพันธ์ยาวนานต่อเนื่องเกือบ 200 ปี จึงได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเตรียมการหารือกับรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐอเมริกาในหลายเรื่องด้วยกัน เพื่อเป็นการสืบสานความสัมพันธ์ที่ดี รวมถึงต้องเตรียมความพร้อมของประเทศไทยไว้ ต้องมีการปรับตัวเพื่อสร้างสมดุล ทั้งในภูมิภาคอาเซียนด้วย
สำหรับการแก้ไขปัญหา สร้างความปรองดอง นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออก หากทุกคนมีความจริงใจ ช่วยกันคิดช่วยกันทำ การแก้ไขกฎหมายนั้นต้องเป็นไปตามขั้นตอน กลไก เพราะทุกประเทศก็มีประชาธิปไตยมีกฎหมายเป็นหลัก เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นต้องดำเนินการด้วยความถูกต้อง ตามกติกาของบ้านเมือง ที่สำคัญคือคนส่วนใหญ่ในประเทศต้องรับได้
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีสนับสนุนทุกทางที่จะเป็นการหาทางออกของประเทศ พร้อมเชื่อว่าการร่วมพูดคุยกันเป็นทางออกที่ดีที่สุดของทุกปัญหาเสมอไป ให้ประเทศสามารถไทยสามารถเดินหน้าต่อไปได้ รวมถึงนายกรัฐมนตรีเองก็เดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจร่วมกับฝ่ายเศรษฐกิจ กระทรวงต่าง ๆ และคณะรัฐมนตรีด้วย เช่นเดียวกับหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบจากแพร่ระบาดของโควิด-19
แม้ว่าตอนนี้ประเทศไทยจะยังไม่มีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ แต่ก็ได้มีการพูดคุยหารือกับผู้นำประเทศต่าง ๆ ผ่านการประชุมทางไกล ซึ่งในวันที่ 14 – 16 พ.ย. นี้จะมีการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 37 โดยปีนี้มีประเทศเวียดนามเป็นประธานในการประชุม จะมีการพูดคุยในหลายเรื่องด้วยกัน โดยเฉพาะเรื่องความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่คาดว่าจะสำเร็จในปีนี้