เปลว สีเงิน
วันครบรอบปีที่ ๒๔ ไทยโพสต์ปีนี้ อยู่ช่วงเทศกาลกินเจ พอดี
สอดคล้อง “ชีวิตจริง” ไทยโพสต์มาก!
คือตั้งแต่เกิด “๒๑ ตุลา.๓๙” อยู่มาจะขึ้น ๒๕ ขวบอวบอั๋น ในอีก ๔ วันที่จะถึง พุธที่ ๒๑ ตุลา.นี้
ไทยโพสต์ “กินเจ” เป็นอาจินต์
ก็ไม่มีเนื้อจะกินน่ะ ก็เลยต้องกินแต่แป้งกับผัก จนใครๆ ปลงสังเวช ถ้าไม่แห้งตาย ก็ต้องเป็นโรคขาดสารอาหารตาย
แต่ที่ไหนได้ ผอมแห้ง คือ………
การเข้าถึงเคล็ดลับ “วิชาตัวเบา”!
สื่ออ้วนพี มีบริโภคครบ ๕ หมู่ พอถึงยุคดิสรัปท์ เกิดสภาพตัวหนัก เพราะไขมันอุดเส้นเลือด
“หน้ามืด” หงายท้องไปตามๆ กัน!
พอถูกโควิด-๑๙ กระแทกซ้ำ New Normal แทรกซ้อนดิสรัปท์ ที่หน้ามืด ผล็อยไปเลย ตามฐานานุรูป
ด้วยสถานะตัวเบา เพราะไทยโพสต์กินเจเป็นอาจินต์นั่นแหละ ดิสรัปท์-นิวนอร์มอลมา จึงเป็นกาบมะพร้าวแห้ง เท้งเต้งตามยอดคลื่น ยวบยาบ ไม่ยุบ ไปได้ในสภาวะแปรปรวน
ดังนั้น ก็…….
พุธที่ ๒๑ ตุลา.วันขึ้นปีที่ ๒๕ ของไทยโพสต์ ทุกอย่างที่โรงพิมพ์ “ไม่ร้าง” ยังคงเหมือนเดิม
แต่ไม่มีพิธีกรรมใดๆ มาก็ไม่ต้องมากมรรยาท ถือเป็นญาติผู้ใหญ่มาเยี่ยม ทั้งคนเยี่ยมและคนถูกเยี่ยม ไม่ใช่แขกแปลกหน้าที่ไหน
ถึงบ้าน-ชานโรงพิมพ์ ก็คว้าช้อน-ชาม มองหาหม้อข้าว-หม้อแกง เลือกชิมกันตามอัตภาพได้เลย พอ-ไม่พอ ก็เฉยไว้
อิ่มหนำแล้วก็ “บ้านใคร-บ้านมัน” หรือจะอยู่สนทนาวิสาสะกัน ก็ตามอัธยาศัย
ขอร้องอย่างเดียว ถ้าจะถืออะไรติดมือมา ขออย่าเป็นดอกไม้ เพราะมันแพง เสียดายตังค์ แถมกินไม่ได้
เปลี่ยนเป็นของกิน-ของใช้ ประเภทขนูกขนม ของแห้ง เก็บได้นานยิ่งดี
จะได้นำไปแจกจ่ายต่อ ตามกลุ่มบุคคลและองค์กร ทั้งผมกินเอง ซึ่งจะเกิดประโยชน์ครบวงจรมากกว่า
แต่ละปีที่ผ่านมา ขนกระเช้าดอกไม้สวยๆแพงๆ ไปมอบต่อ ผู้รับก็ยินดีแหละ แต่ไม่ค่อยปรีดา ด้วยไม่สมประโยชน์ทั้งเขา-ทั้งเรา
ดูได้ แต่กินและใช้ไม่ได้ ๓-๔ วันก็แห้งเหี่ยว เป็นภาระให้เจ้าหน้าที่เขาต้องเก็บอีกตะหาก
เข้าใจตรงกันนะครับ ข่าวสารจากผม ก็มีเท่านี้
ย้ำอีกครั้ง เมื่อมา กินข้าวฉลอง “เบญจเพศ” ไทยโพสต์แล้ว ขึ้นมาถอดแมส ดูหน้า-ดูตา ทักทายกันด้วย
แล้ว ๒๑ ตุลา.ปีหน้า ปีโน้นๆ ค่อยมารวมญาติกันอีก
จบเรื่องส่วนเรา ไปดูเรื่องส่วนรวม ว่าด้วยม็อบขบวนการลูกผสมที่นำพิมพ์เขียว “ฮ่องกง โมดล” มาปั่น หวังให้เกิดจลาจลเมืองบ้าง
เจตนาตอนนี้ ฝ่ายปลุกม็อบ ต้องการให้เกิดการปราบและปะทะถึงขั้นบาดเจ็บหรือล้มตาย ในความหมายว่า “นองเลือด”
นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ
เพื่อใช้เป็นเงื่อนไข กวักมือเรียก “อำนาจนอกชาติ” ให้เข้ามาสนับสนุนม็อบยึดประเทศ!
นับตั้งแต่ม็อบคณะสามสัสปฏิบัติการโจมตีสถาบันและมุ่งเน้นตัวนายกฯประยุทธ์
เย็นวาน (๑๖ ตค.) ที่สี่แยกปทุมวันเป็นหนแรก ภายใต้พรก.ฉุกฉิน ที่ตำรวจจริงจังกับม็อบในนามคณะราษฏร ๖๓ ด้วยประชาธิปไตยที่สวยงาม
เตือนให้ทราบตามขั้นตอน “มาตรการพรก.ฉุกเฉิน” แล้ว แต่ม็อบไม่ยอมปฏิบัติตาม
จึง “ฉีดน้ำแรงดันสูง” ให้ม็อบถอยไปอยู่ในจุด!
แต่ม็อบต่อต้าน ตีรุก
“แรงต่อแรง” เข้าหากัน การเผชิญหน้า-หน้าชนหน้าจึงเกิดขึ้น “ช่องว่าง” ให้มือที่สาม “สร้างสถานกาารณ์แทรก” เริ่มเห็นเค้าลาง
เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ แต่ “ตัวการ” ในเรื่องประสงค์ มีโอกาส ไม่วันใด-ก็วันหนึ่ง เกิดแน่!
แล้วเหตุการณ์นี้ จะไปลงเอยตอนไหน เมื่อไหร่?
นี่คือคำถาม “ครอบจักรวาล” ที่ทุกคนถาม แต่ทุกคนก็ตอบไม่ได้
คือเมื่อคณะราษฏร ๖๓ เกินเลยไปถึงขั้น “มุ่งร้าย-มุ่งล้ม” สถาบัน เรียกว่า ไปไกลจนหาทางลงให้ตัวเองไม่ได้
และประชาชนก็ “ยอมไม่ได้”
ที่เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ซึ่งมีกฎหมายอยู่ในมือ จะไม่ใช้กฎหมายนั้นกำราบปราบปราม
ซึ่งถ้าไม่ทำอะไร…..
จะเท่ากับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง “รู้เห็น-เป็นใจ” กับกลุ่มบุคคลที่ปฏิบัติการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์
ดังนั้น ต่อจากนี้ “อะไรก็เกิดขึ้นได้” ในเมื่อ อีกฝ่ายต้องการไปถึง “จุดปะทะ” เลือด
ต้องการใช้คำว่า ตำรวจ-ทหาร ปราบปรามประชาชน, ตำรวจ-ทหาร ฆ่าประชาชน, รัฐบาลทรราชย์ เป็นคีย์เวิร์ด “ปั่นแฮชแท็ก”
สร้างกระแสเป็นเงื่อนไข “เปิดประตูประเทศ”
ให้อำนาจนอกชาติที่หนุนหลัง-ชักใย ผ่านองค์กรสังคม-การศึกษา-สื่อ ตลอดถึงพรรคการเมือง อันเป็นเครือข่ายจ่ายเงินเลี้ยงดูอยู่ เข้ามาใช้คำว่า “โลก” ช่วยบีบ
บีบใคร….?
บีบนายกฯประยุทธ์ “ตัวขวางทางกินเมือง” ให้ออกไป
ตั้งรัฐบาลใหม่
จะเอาธนาธร สุดารัตน์ อภิสิทธิ์ อนุทิน ใครคนใด-คนหนึ่ง ตามบัญชีรายชื่อนายกฯ ขึ้นเป็นนายกฯ แทน
ตรงนี้ อ้างตามกติกาไปก่อนเท่านั้น ถ้าไปถึงขั้นตอนนั้นจริงๆ ด้วยอำนาจที่เปลี่ยนมือ
จะทำอะไร-แบบไหน ก็เป็น “ประชาธิปไตย” ของมันทั้งนั้น
ขออย่างเดียว…….
เป้าหมายสูงสุดที่ต้องการไปถึงคือ “ล้มสถาบัน-เปลี่ยนระบบประเทศ” จะต้องได้และไปถึง!
นี่คือหน้าไพ่คณะราษฏร ไม่แบก็เหมือนแบ ฝันได้ แต่ไปถึงไม่ได้ เพราะรัฐบาลประยุทธ์และประชาชน ยอมให้ไปถึงจุดนี้ไม่ได้อยู่แล้ว
ถึงแม้การเมืองระบบพรรค ในซีกรัฐบาล “บางส่วน” และซีกฝ่ายค้าน “หลายๆส่วน” เล่นไพ่ ๒ หน้า คือ ทั้งไพ่พระ และไพ่โจร เห็นชัดทางพฤตินัยอยู่ก็ตาม
ตราบใดที่ “สถาบันกองทัพ” ทหาร-ตำพรวจ ยังมั่นในสัตย์ปฏิญาน ชีวิตเลือดเนื้อ พลีเพื่อปกป้อง-พิทักษ์ “ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์”
ตราบนั้น “สถาบัน” ดำรงคู่ชาติ คู่ราชอาณาจักรไทย ใครก็จะแบ่งแยก, ล้มล้าง, ทำลายไม่ได้ ล้านเปอร์เซ็นต์!
การณ์อย่างวันนี้…..
ครั้งนี้ มิใช่ครั้งแรกที่มี “รุ่นใหม่ผ่าเหล่า” ไม่ว่าในไทย ในยุโรป ยุคพุทธกาล, คริสตกาล มีมาแล้วทั้งนั้น
ถามว่าทำไมเป็นอย่างนั้น คำตอบเดียวที่เป็นเหตุ-เป็นผล คือ สรรพสิ่งที่เกิด ไม่มีบังเอิญ
“ตถตา” มันเป็นของมันอย่างนั้นเอง
หากแต่เราสร้างทัศนคติ “ต้องการ-ไม่ต้องการ” ให้ตัวเองจึงรู้สึก “สมหวัง-ผิดหวัง, ชอบใจ-ไม่ชอบใจ
นับแต่นี้ คณะราษฏร ๖๓, คณะสามสัส และเครือข่าย เอ็นจีโอ, เนด คงต้อง “ผิดหวัง” และไม่ชอบใจสถานเดียว
เมื่อคณะก่อการสถุล เล่นบทที่รัฐบาลและสถาบันกองทัพยอมให้ไม่ได้อีกแล้วแม้แต่ก้าวเดียวอย่างนี้
รัฐบาล, กองทัพ ไม่แตกหักกับประชาชน ในความเป็นประชาชน ลูกหลาน-พี่น้องไทยทุกคน ไม่ใช่ศัตรูที่ต้องปราบ
แต่ขบวนการมุ่งร้าย-มุ่งล้มสถาบัน, มุ่งเปลี่ยนระบบประเทศ
มันไม่ใช่ไทย มัน คือศัตรูชาติ ที่ต้องปราบขั้นแตกหัก!
จบดอกเตอร์ เป็นนักกฎหมายก็มาก ในขบวนการล่มชาติ อ่านพรก.ฉุกเฉินแตกหรือเปล่า เขากำหนดให้กรอ.ฉ.ต้องปฏิบัติเป็นขั้นตอนตามมาตรการ
จากเบาไปหาหนักเริ่มแล้ว เหิมเกริมไปเถอะ ทุกอย่างที่ทำ พฤติกรรมถูกประมวลเป็น “ข้อหา” เป็นรายหัวแล้ว
จะบอกให้ ใครรู้ตัว หนีออกนอกประเทศได้ รีบหนีแต่เดี๋ยวนี้เลย
ถ้าไม่หนี ตอนนอนนุ่งผ้าให้เรียบร้อย ถ้าไม่อยากล่อนจ้อน ตอนเจ้าหน้าที่นำหมายจับไปเยี่ยมถึงตีนมุ้ง!
ก็คึกกันไป…
ทวีตบิดเบือน ปลุกปั่น ล้างสมองเด็ก “กระโหลกกลวงโบ๋” ให้มาเสียคน-เสียอนาคตกันไป
แล้วไป 9,999,999 หยดน้ำตา ที่คุกโน่น เป็นที่หวังได้!