ต้องอ่าน “พระมหาชนก” วันละเที่ยวนะครับ ท่านนายกฯ
จะได้มีกำลังใจ
เพียรสู้ “ร้อยมาร-ล้านอุปสรรค” ที่ถาโถมทดสอบตบะ “วิริยะบารมี” ช่วงนี้
ท่านไม่ได้สู้กับธนาธร ไม่ได้สู้กับเพื่อไทย ไม่ได้สู้กับขบวนการล่มชาติ-ล้มสถาบัน ไม่ได้สู้กับสัตรูในคราบมิตรพรรคร่วม
หากแต่ กำลัง “สู้” อยู่กับตัวเอง ระหว่าง
จะเอาตัวรอด
หรือ ……….
จะเอาชาติบ้านเมือง, พี่น้องประชาชนรอด?
ถ้าเพื่อตัวเองรอด ไม่ยาก…
แค่เอ่ยปาก “ลา” คำเดียว ก็จบ!
แต่ถ้าเพื่อชาติบ้านเมือง, พี่น้องประชาชน ท่านนายกฯ ต้องเพียร “ว่ายน้ำในทะเล” แห่งมหาอุปสรรคต่อไป
พระมหาชนกแหวกว่ายอยู่ในทะเล ๗ วัน นางมณีเมขลา ถ่องแท้ในอิทธิบาท ๔ จึงอุ้มขึ้นฝั่งยังมิถิลานคร
แต่ขณะนี้ แค่ ๓-๔ วัน เท่านั้นเอง
ท่านนายกฯ ท้อไม่ได้…….
ยังอีกหลายด่านมาร รอให้ท่านฟันฝ่า ท่านต้องน้อมแนวคิด “พระมหาชนก” มาเป็นมานะตนให้มั่น ดังว่า
“เป็นหน้าที่ ที่จะทำให้สังคมอยู่รอดพ้นก่อน….
เนื่องด้วยผู้คนในสังคมยังขาดสติปัญญา เห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า
ดุจดังผู้ที่ทำลายต้นมะม่วง เพียงเพราะต้องการผลมะม่วงโดยไม่คิดเก็บไว้กินในวันหน้า”
ทุกวันนี้ ในการเมือง การมุ่งอำนาจ มุ่งผลประโยชน์จากการมีอำนาจครองเมือง ทำให้บางพวก-บางฝ่าย หน้ามืด-ตามัว สูญเสียความเป็นคน
แค่หวังกำจัดท่านให้พ้นทาง ทำกันทุกรูปแบบ ถึงขั้น “ชักน้ำเข้าลึก-ชักศึกเข้าบ้าน” กระทั่งกับ “สถาบันพระมหากษัตริย์” ก็ไม่เว้นกัน ที่จะล้มทำลาย
“ขาดสติปัญญา เห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า ดังผู้ทำลายต้นมะม่วง เพียงเพราะต้องการผลมะม่วง โดยไม่คิดเก็บไว้กินในวันหน้า” เป็นอย่างนั้นจริงๆ
เรื่องสั่งซื้อเรือดำน้ำอีก ๒ ลำ หลังจากซื้อลำแรกไปแล้ว ความจำเป็น-เหตุผล เพื่อความมั่นคง เพื่อทรัพยากรทางทะเล ท่ามกลางสถานการณ์โลกและภูมิภาคที่เปลี่ยนไป
ทุกคนทราบดี!
แต่เพียงต้องการล้มรัฐบาลประยุทธ์ หาประเด็นทุจริตในการจัดซื้อไม่ได้ ก็ยกปัญหาครอบจักรวาล “ความมั่นคงกินไม่ได้” ขึ้นมาจะให้ยกเลิกหรือเลื่อนการสั่งซื้อไปอีก
แม้กมธ.ในชั้นอนุฯ งบคุรุภัณฑ์ให้ความเห็นชอบในงบทัพเรือไปแล้ว ฝ่ายค้านก็สร้างประเด็นระดมแนวร่วมไม่หยุด
วันนี้ (๓๑ สค.) กมธ.งบประมาณชุดใหญ่จะประชุมเรื่องนี้ ผมก็อยากเห็นเหมือนกันว่า ๗๒ กมธ.จะใคร่ครวญพิจารณาในฐานไหน?
ฐาน “การเมือง” หรือฐาน “ประเทศชาติบ้านเมือง”?
ถ้าฐานการเมือง ก็หมายความว่ากมธ.ชุดใหญ่ “ไม่ผ่าน” งบสั่งซื้อเรือดำน้ำ ตามต้องการ “เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์-ก้าวไกล”
แบบนี้ ประเทศไทยก็จะมี “สุดารัตน์-อภิสิทธิ์-ธนาธร” คนใด-คนหนึ่ง เป็นผู้นำประเทศ แทนพลเอกประยุทธ์
ด้วย “รัฐบาลผสม” เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์-ก้าวไกล”!
แต่ถ้าฐานประเทศชาติบ้านเมือง ด้วยกมธ.งบฯเล็งเห็นสถานการณ์ย่าน “อินโดแปซิฟิก” ที่กำลังเขม็งเกลียวสงครามระหว่าง “สหรัฐ-จีน”
เล็งเห็นความสำคัญด้านทรัพยากรทางทะเลในความเป็นพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทยและภัยรูปแบบใหม่ๆ มาทางทะเล ที่ทัพเรือต้องพิทักษ์รักษา
ขณะที่เพื่อนบ้านมีเรือดำน้ำดูแลผลประโยชน์ของเขากันทุกประเทศ “พรวดเดียว” โผล่กลางอ่าวไทยได้ แต่เราไม่มีเลยซักลำ
และด้วยภูมิรัฐศาสตร์ ไทยเป็นศูนย์กลางเชื่อมมหาสมุทรอินเดียกับแปซิฟิก เมื่อสหรัฐ-จีน เปิดศึกชิงความเป็นเจ้าพื้นที่ยุทธศาสตร์ใน “ทะเลจีนใต้”
เราจะเอาอะไรไปตรวจตรา-ลาดตระเวณเฝ้าระวังทางใต้น้ำ-ใต้ทะเลล่ะ?
ไม่ได้มีเพื่อไปสู้รบกับเขาหรอก สหรัฐ-จีน ไม่เอาเรือดำน้ำมาปิดปากอ่าวไทย “ยึดเมือง” เหมือนฝรั่งเศส-อังกฤษ-ฮอลันดาเคยทำกับเราแน่
ประเทศอื่นๆ ด้วยเป้าหมายอื่นๆ ไม่แน่….
เมื่อเขารู้ว่า บ้านเราไม่มีรั้ว คือไม่มีเรือดำน้ำเป็น CCTV จับโจร วันไหน เขาอยากกินมะม่วง ก็จะลอยชายเข้ามาสอยเอาไปกินตามใจชอบ จะเอาหนังสติ๊กไปยิงหัว ก็คงไม่ทัน!
บอกกันซื่อๆ อย่างนี้ ก็ขึ้นอยู่กับสำนึกกมธ.งบประมาณแล้วหละว่า เรื่องซื้อเรือดำน้ำอีก ๒ ลำ
จะพิจารณาแบบเอา “การเมือง” หรือจะเอา “ประเทศชาติการบ้าน” เป็นธง?
เรื่องเรือดำน้ำก็เรื่อง ฝ่ายค้าน โดยธนาธร ยังอาศัยคราบกมธ.ราวีสถาบัน ถึงขั้นให้ตัดงบ “ส่วนราชการในพระองค์”
และงบ “มูลนิธิปิดทองหลังพระ” สืบสานแนวพระราชดำริ ซึ่งมีมาแต่ครั้งรัชกาลที่ ๙!
มันส่อเจตนาชัด……..
ชัดทางไหน ก็ชัดทางว่า ธนาธรและคณะแสดงตนเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันและต้องการล้มล้างทุกรูปแบบ ชนิด “เทหมดหน้าตัก”!
จึงไม่แปลก ที่การพิจารณางบฯในชั้นกรรมาธิการนี้ ฝ่ายแสดงจำนงเป็นปฏิปักษ์สถาบัน
จะอาศัยสถานะกมธ. “เลาะทุกตะเข็บ” ตรงไหนใช้โจมตีสถาบันได้ โจมตีนายกฯประยุทธ์ได้ ไม่รีรอ จะโจนใส่ทันที
อย่างเรื่อง “เหมืองอัครา”
ในพื้นที่ต่อเนื่องหลายหลายจังหวัด ทั้งเขตจังหวัดลพบุรี, สระบุรี, เพชรบูรณ์, พิษณุโลก, พิจิตร
เหมืองนี้ทำมานาน พบทองคำก้อนแรก ในปี ๒๕๔๔ ทักษิณเป็นนายกฯ ก็ไปทำพิธีเปิด “เหมืองทองคำ” ผลิตทองคำแท่งเชิงพาณิชย์
บริษัทก็กว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้านขนานใหญ่ จากปี ๕๐-๕๙ ชาวบ้านร้องเรียนมาตลอด
เพราะได้รับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สารพิษ ป่วยกันยกหมู่บ้าน ทั้งแย่งที่ทำกิน เข้าไปทำในพื้นที่ไม่มีสัมประทานบัตร และฯลฯ
สมัยยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ก็ไม่มีการจัดการ จนถึงรัฐบาลคสช. ชาวบ้านก็มาร้องอีก พลเอกประยุทธ์จึงใช้คำสั่งตามมารตรา ๔๔
“ระงับการอนุญาตให้สํารวจและทําเหมืองแร่ทองคํา รวมถึงการต่ออายุประทานบัตรเหมืองแร่ทองคําและการต่ออายุใบอนุญาตประกอบโลหกรรมแร่ทองคําไว้ จนกว่าคณะกรรมการจะมีมติเป็นอย่างอื่น”
ทางคิงส์เกตให้รัฐบาลไทยชดใช้ประมาณ ๓ หมื่นล้าน แต่การเจรจาไม่ตกลง
คิงส์เกต นำเข้าสู่กระบวนการแก้ปัญหาข้อพิพาทตั้ง “คณะอนุญาโตตุลาการ” ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี “ไทย-ออสเตรเลีย” ฟ้องเรียกค่าเสียหายไทย
รัฐบาลตั้งงบประมาณเป็นค่าใช้จายสู้คดีกับ “บริษัท คิงส์เกตฯ” ประเทศออสเตรเลีย บริษัทแม่ “บริษัท อัครา”
โดยจ้างทนายอเมริกันว่าความตั้งแต่ปี ๖๑ เรื่อยมา
รองนายกฯ “วิษณุ เครืองาม” บอกวานซืน (๒๙ สค.) ว่า
“เราไม่ได้ใช้ ม.๔๔ สั่งปิดเหมือง …….
เป็นการให้หยุดดำเนินการเหมืองไปก่อนชั่วคราว จนกว่ามี พ.ร.บ.แร่ฉบับใหม่ แล้วให้เข้ามาขออนุญาตดำเนินการอีกครั้ง
เนื่องจากมีหลายปัญหาเกิดขึ้น เช่น เรื่องสิ่งแวดล้อม ชาวบ้านได้รับผลกระทบ มีการร้องเรียนมาแต่สมัย “รัฐบาลยิ่งลักษณ์”
รวมถึงเรื่องบุกรุกพื้นที่บางส่วน จึงให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ ทั้งกระทรวงสาธารณสุข, แรงงาน, วิทยาศาสตร์ฯ, กระทรวงอุตสาหกรรม
“นอกจากนี้ ยังมีการร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบของป.ป.ช. รับรายงานว่าป.ป.ช.ของประเทศออสเตรเลียก็ตรวจสอบพบการทุจริตในประเทศเขาด้วย อยู่ระหว่างการตรวจสอบ”
ครับ…คดียังไม่สิ้นสุด ต้องมีงบรายจ่ายค่าจ้างทนายในปี ๖๔ ซึ่งเป็นเรื่องปกติในด้านคดีต่างๆ ที่รัฐฟ้องหรือถูกฟ้อง
แต่เพราะต้องการเข่นนายกฯ ประยุทธ์ รู้ว่าแค่หยิบมาเป็นเรื่องด่าเล่นได้ แต่ไม่มีอะไรผิดไปจากวิธีงบประมาณฯ
ก็แถไปหยิบเฉพาะคำ “นายกฯประยุทธ์” สมัยรัฐบาลคสช. “ไม่ใช่เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ” ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
มาจีบปากจีบคอ บอกว่า “เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ จะนำเงินของรัฐที่เก็บจากภาษีอากรไปจ่ายไม่ได้ เพื่อไทยจะเสนอแปรญัตติตัดงบเรื่องข้อพิพาทเหมืองทองอัครา”
ก็ดูมัน สมภาวะ “นางหอยแครงดอง” จริงๆ เรื่องเหมืองอัครานี่ เป็นบทสะท้อน “สังคมคน” ได้อย่างดี
ผมจำได้ “เอ็นจีโอ” ตัวตั้ง-ตัวตี เล่นบทผู้พิทักษ์ชาวบ้าน ปลุกข่าว-ปลุกประเด็นมาตลอด แต่ชาวบ้านก็เดือดร้อนจริง
แต่พอเกิดฟ้องร้อง ทั้งชาวบ้านที่เดือดร้อนมาร้อง ทั้งเอ็นจีโอ.ที่เรียกร้องให้ระงับการทำเหมือง
เงียบฉี่!
นอกจากเงียบ ตอนนี้ แว้งใส่นายกฯ บอกว่า ถ้าแพ้ต้องให้นายกฯ จ่ายเอง
นี่แหละ “การบ้าน-การเมือง” เป็นเรื่องต้องทำใจจริงๆ!