นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ภายหลังตรวจพบการทุจริต ในการขอเบิกจ่าย จากคลินิกชุมชนอบอุ่น จำนวน 18 แห่ง กว่า 2.4 ล้านบาท ได้สั่งกำชับ สปสช. ให้เข้มงวดในการตรวจสอบ “คลินิกเอกชน” ที่มีการเบิกจ่ายกับ สปสช. ทุกแห่งในประเทศ 100% พร้อมเชิญรองอธิบดี DSI เป็นผู้แทนและมอบหมายให้รับผิดชอบการสืบสวนเกี่ยวกับการกระทำผิด เพื่อดำเนินการทางอาญา ตามการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน 3 หน่วยงาน ได้แก่ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบังคับการปราบปราม ร่วมวางแผนดำเนินการหน่วยบริการที่มีการทุจริตบัตรทอง
ภายหลังการตรวจสอบเพิ่มเติม พบคลินิกทันตกรรมอีก 5 แห่ง มีการทุจริตการเบิกจ่ายงบบัตรทอง ปลอมแปลงเอกสารหลักฐานทุจริต โดย สปสช. ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ อายัดเอกสารหลักฐาน และยกเลิกสัญญาทันทีพร้อมเรียกเงินคืน แจ้งความคดีอาญาในข้อหาฉ้อโกง คดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นเพื่อเตรียมฟ้องร้องคดีแพ่งเพิ่มเติม และดำเนินการทางจรรยาบรรณวิชาชีพ
การขยายผลสุ่มตรวจหน่วยบริการเบิกจ่ายบัตรทอง
ครั้งที่ 1: ตรวจสอบ 86 แห่ง พบการเบิกจ่ายไม่ถูกต้อง 63 แห่ง สปสช. ได้ขยายการตรวจสอบแบบ 100% พร้อมอายัดเอกสารการบริการและเบิกจ่ายของคลินิกทั้ง 63 แห่ง
ครั้งที่ 2: พบเพิ่มเติมอีก 3 แห่ง เป็นคลินิกทันตกรรม รวมเป็น 66 แห่งรวมการตรวจสอบหน้าอีก 20 แห่ง รวม 86 แห่ง
(แยกเป็นโรงพยาบาลเอกชน 8 แห่ง คลินิกเอกชน 73 แห่ง คลินิกทันตกรรม 5 แห่ง)
นายอนุทิน กล่าวว่า กรณีการตกแต่งข้อมูลเพื่อเบิกจ่ายค่าบริการคัดกรองสุขภาพของคลินิกเอกชน เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ และได้สั่งกำชับให้ สปสช. ดำเนินการถึงที่สุดทั้งในคดีแพ่ง อาญาและจรรยาบรรณวิชาชีพ เพราะเป็นการทุจริตต่องบประมาณประเทศ และภาษีประชาชน ต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ไม่ให้มีการทุจริต ซึ่งขอให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคน ให้ความสำคัญกับเรื่องที่เกิดขึ้น