“ดร.พิสิฐ” ย้อนอดีตการก่อกำเนิด ภาษีบาป ของ กองทุน สสส.

วันที่ 9 ก.ค. 2563 ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายแสดงความเห็นในวาระรับทราบรายงานตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 ประจำปี 2562 ระบุถึงที่มาของ สสส. ว่า ก่อนที่จะมีการตรา พ.ร.บ. ดังกล่าวในปี 2544 คือในปี 2542 สมัยรัฐบาลชวน 2 นพ.ประกิจ วาทีสาธกกิจ เข้าพบกับตนที่กระทรวงการคลัง เพื่อขอให้ช่วยผลักดันการรณรงค์เกี่ยวกับบุหรี่ เนื่องมาจากการรณรงค์ดังกล่าวได้รับงบประมาณสนับสนุนปีละไม่มาก จึงมีข้อสรุปในการหาเงินเพื่อทำให้การรณรงค์ดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ขึ้น ทำให้นึกถึงเรื่องภาษีบาป ซึ่งเป็นการเก็บเพิ่ม 2% จากภาษีบุหรี่ ในตอนนั้นตนเห็นว่านอกจากบุหรี่แล้ว เรื่องสุราก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ จึงขอให้ นพ.ประกิจ ได้รณรงค์เรื่องสุราควบคู่กันไปด้วย จนในที่สุดมีการเสนอเป็นกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้

ทั้งนี้ จากการสนับสนุนในรัฐบาลชวน 2 ทำให้มีการประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติในที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2542 ให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อรณรงค์ให้งดการบริโภคสุราและยาสูบ และเสริมสร้างสุขภาพ ต่อมากฤษฎีกาขอแก้ให้เป็นกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ มาถึงทุกวันนี้ ซึ่งได้ทำงานมาครบ 20 ปี

ดร.พิสิฐระบุว่า มีหลายประเทศต้องการเข้ามาดูงาน สสส. แต่ส่วนใหญ่ในต่างประเทศมักประสบปัญหาการเมือง ไม่สามารถตั้งกองทุน เพื่อเก็บภาษีบาปได้ เพราะได้รับการขัดขวางจากมีผู้มีผลประโยชน์ที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่หลายบริษัท ล่าสุดมีการศึกษาพบว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่หนทางของการลดบุหรี่ แต่กลับเป็นเครื่องล่อให้วัยรุ่นหันไปสูบบุหรี่ไฟฟ้า จึงนับว่าเป็นเรื่องดีที่ สสส. พยายามรณรงค์ห้ามสูบบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมทั้งให้กำลังใจในการห้ามไม่ให้มีการสูบบุหรี่ไฟฟ้า และห้ามไม่ให้มีการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าอีกด้วย

ดร.พิสิฐ ยังระบุอีกด้วยว่า สสส. ยังได้รณรงค์เกี่ยวกับโรคอ้วน งดหวาน งดเค็ม อีกทั้งการรณรงค์เมาไม่ขับด้วย โดยใช้เงินงบประมาณกว่า 4,000 ล้านบาทต่อปีสนับสนุนเครือข่ายเพื่อการรณรงค์ที่เป็นประโยชน์ ทั้งนี้จากการที่ตนเคยได้รับโอกาสเป็นกรรมการด้านการเงินของ สสส. ในช่วงหนึ่ง จึงมีความมั่นใจว่า สสส. ทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง และยืนยันว่าการใช้งบประมาณ 4,000 ล้านบาทต่อปีเป็นการใช้งบประมาณที่คุ้มค่า

LineID:plewseengern.com