กยท.เดินเครื่องเปิด “ตลาดกลางยางพาราระยอง” มุ่งสร้างเสถียรภาพราคา-สร้างฐานรองรับการพัฒนายางภาคตะวันออกและขยายตัว EEC ย้ำกลไกซื้อ-ขายมีความเป็นธรรม ไม่โกงน้ำหนัก กำหนดมาตรฐานชัดเจน คัดคุณภาพยางก่อนส่งมอบ ผู้ซื้อ-ผู้ขายมั่นใจได้ราคาที่เป็นธรรม
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ด้านธุรกิจและปฏิบัติการ เปิดเผยว่า กยท. ได้ดำเนินการจัดตั้งตลาดกลางยางพาราจังหวัดระยองขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางการซื้อขายยางพาราในภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านยางพาราที่สำคัญเนื่องจากเป็นภูมิภาคที่มีการปลูกยางพารามากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ และปลูกกระจายอยู่เกือบทุกจังหวัด เช่น ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด โดยปัจจุบันมีสวนยางเปิดกรีดได้ประมาณ 2.5 ล้านไร่ ผลผลิตไม่ต่ำกว่า 6.5 แสนตันต่อปี เกษตรกรส่วนใหญ่ผลิตยางพาราในรูปแบบยางพาราแผ่นดิบคุณภาพดี
“จ.ระยอง ถือเป็นจุดภูมิศาสตร์ที่มีความเข้มแข็ง เนื่องจากเป็นศูนย์กลางที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงเกษตรกรและโรงงานผู้ผลิตผลิตภัณฑ์จากยางพาราที่กระจายตัวอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมทั่วพื้นที่ ดังนั้นการตั้งตลาดการยางพาราจังหวัดระยอง จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนายางพาราในภาคตะวันออก ซึ่งสอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ยางพาราชาติเรื่องการยกระดับและสร้างเสถียรภาพให้กับราคายาง รวมถึงสามารถรองรับการขยายตัวด้านอุตสาหกรรมและการส่งออก ตามโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลได้อีกด้วย”
นายณกรณ์ กล่าวต่อว่า ตลาดกลางยางพาราจังหวัดระยอง จะเปิดให้บริการใน 2 รูปแบบ คือ 1.ให้บริการ ณ ตลาดกลางยางพาราจังหวัดระยอง อำเภอวังจันทร์ และ 2.ตลาดเครือข่ายตลาดกลาง โดยกรณีที่เกษตรกรอยู่ไกลตลาดกลาง สถาบันเกษตรกรหรือเกษตรกรที่รวมเป็นกลุ่มพัฒนาชาวสวนยางในแต่ละพื้นที่ สามารถสมัครเป็นตลาดเครือข่ายได้
สำหรับชนิดยางที่ซื้อขายผ่านตลาดกลางจังหวัดระยอง ในปี 2563 ได้แก่ ยางแผ่นดิบและยางแผ่นรมควัน และปี 2564 ตลาดจะเริ่มเปิดให้บริการตลาดกลางน้ำยางสดและยางก้อนถ้วยเพื่อให้ครอบคลุมการผลิตของเกษตรกร และสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้ยาง คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณยางผ่านตลาดแห่งนี้ประมาณ 12,000 ตันต่อปี
“จุดเด่นของตลาดกลางยางพารา คือ จะสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ซื้อและผู้ขาย มีการชั่งน้ำหนักที่เที่ยงตรงเที่ยงธรรม มีการกำหนดมาตรฐานยางที่ชัดเจน มีการคัดคุณภาพยางก่อนส่งมอบ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย และให้ซื้อขายยางได้ในราคาที่เป็นธรรมต่อไป” รองผู้ว่าการ กยท. กล่าว