26 พ.ค. 63 รศ.ดร.โภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้านนโยบายและแผนงาน พรรคเพื่อไทย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้านการพัฒนาพรรค และ นายวัฒนา เมืองสุข กรรมการยุทธศาสตร์พรรค แถลงถึงแนวทางและความพร้อมของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในการอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท
รศ.ดร.โภคิน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยในฐานะที่เป็นฝ่ายค้าน จะตรวจสอบการใช้เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาทของรัฐบาลอย่างเต็มที่ ทั้งในแง่วิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ และแผนงานต่างๆ ในการรับมือกับปัญหาโควิด-19 และปัญหาเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ซึ่งรัฐบาลต้องเข้าใจปัญหามากกว่ามุ่งผลทางการเมือง
โดยในการอภิปรายของ ส.ส. พรรคเพื่อไทย ในสภาจะเน้นการบริหารของรัฐบาลในช่วงเกิดปัญหาโควิด-19 ซึ่งความสำเร็จในการยับยั้งการระบาดนั้นแท้จริงแล้วมาจากความร่วมมือของประชาชน บุคลากรทางการแพทย์ และ อสม. รวมทั้งมีระบบสาธารณสุขที่ดีและเข้มแข็ง แต่รัฐบาลกลับทำให้การแก้ไขปัญหาโควิด-19 ไปซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้วให้เลวร้ายลงไปอีก และหากภาครัฐยังคงมาตรการเคอร์ฟิวต่อไป เศรษฐกิจจะฟื้นไม่ได้เลย รัฐบาลต้องรีบเปิดธุรกิจโดยเร็ว ยิ่งหากกลัวว่าจะมีการระบาดรอบ 2 ยิ่งต้องละเอียดมากขึ้น มิเช่นนั้นจะกู้เงินจากไหนมาเยียวยาประชาชนอีก ในขณะที่ระบบเศรษฐกิจไม่ทำงาน
นายวัฒนา กล่าวว่า สิ่งที่พรรคเพื่อไทยเป็นห่วงที่สุด คือ ความเปราะบางทางเศรษฐกิจ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าเครื่องจักรทางเศรษฐกิจที่จะขับเคลื่อนประเทศไทย 4 ตัว คือการส่งออกจะติดลบ ประมาณ 8% การบริโภคจะหดตัวสูงสุด ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนจะหดตัวลง ส่วนการบริโภคภายในขณะนี้เศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนได้ด้วยการลงทุนภาครัฐ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยยืนอยู่ได้ด้วยเงินกู้ ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด ใน พ.ร.ก. เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทที่จะกระทบต่อหนี้สาธารณะ
นอกจากนี้ยังมีคำถามที่ฝากถามกลับไปยังรัฐบาล คือ สิ่งที่ลงทุนเหล่านี้ ใครจะมาซื้อ เพราะประชาชนขาดกำลังซื้อ จากรายงานธนาคารแห่งประเทศไทยก็บอกว่ากำลังซื้อหดตัวอย่างรุนแรงมากที่สุด ฉะนั้น คำถามที่รัฐบาลต้องตอบให้ได้ก็คือจะเอากำลังซื้อมาจากไหน ซึ่งใน พ.ร.ก.กู้เงินนี้ไม่ได้บอก และคำถามต่อมาคือ รัฐบาลจะดูแลประชาชนที่ตกงานอย่างไร ซึ่งอาจจะมีคนตกงานอย่างน้อย 7-10 ล้านคน จึงขอเรียกร้องรัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าประเทศชาติยังมีอนาคต มิเช่นนั้น ประชาชนจะไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย ผู้ประกอบการมั่นใจ และคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต นี่คือหัวใจสำคัญของการที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ขณะที่ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเห็นข้อบกพร่องในเนื้อหาสาระของ พ.ร.ก. ทั้ง 3 ฉบับ เช่น การควบคุมการตรวจสอบที่มีความหละหลวมเรื่องการใช้เงิน 1 ล้านล้านบาท หลังการอภิปรายหาก พ.ร.ก. ทั้ง 3 ฉบับผ่านการพิจารณาของสภา ส.ส.พรรคเพื่อไทยจะติดตามตรวจสอบการใช้เงินตาม พ.ร.ก.อย่างใกล้ชิด และจะเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก. ทั้ง 3 ฉบับ
โดยมีเนื้อหาสาระเพื่อที่จะดูแลพี่น้องประชาชน ดูแลวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และพลิกฟื้นเศรษฐกิจประเทศให้กลับมาดีขึ้น โดยจะมีการสร้างกลไกตรวจสอบการใช้เงิน เพื่อให้มีการใช้ให้ตรงจุดที่สุด มีประสิทธิภาพที่สุด โปร่งใสที่สุด และมีการทุจริตน้อยที่สุด โดยสภาจะต้องเข้ามารับทราบและตรวจสอบเป็นระยะ