วันนี้ (13 พ.ค. 63) เวลา 09.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ศาลตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่วัดระฆังโฆสิตาราม
ติดตามการบริหารจัดการโรงทาน ตามพระดำริของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระบัญชาให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติประสานงานกับวัดทั่วประเทศที่มีศักยภาพ จัดตั้งโรงทานเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบความยากลำบากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 (COVID-19)
เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง เข้ากราบนมัสการ พระธรรมธีรราชมหามุนี เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม และถวายเครื่องไทยธรรม จากนั้นไปตรวจเยี่ยมจุดคัดกรองประชาชนที่มารับเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ประชาชน ณ โรงเรียนโฆสิตสโมสร ซึ่งเป็นสถานที่พักรอก่อนให้ประชาชนเข้าแถวรับสิ่งของบริเวณจุดที่ทางวัดจัดไว้ โดยบริหารจัดการแจกจ่ายสิ่งของให้ประชาชนทางวัดได้ยึดแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ด้วยการจัดที่นั่งพักรอและการเข้าแถวต้องมีการเว้นระยะห่าง 1 – 2 เมตร กำหนดจุดชัดเจน รวมถึงจัดให้มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายเพื่อคัดกรองเบื้องต้น ก่อนเข้ารับสินค้าในบริเวณจุดรับของบริจาค ในส่วนของการรับสิ่งของจะให้ประชาชนเป็นผู้รับเองโดยไม่มีการสัมผัสมือระหว่างผู้ให้และผู้รับ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประเทศไทยมีประชากร 67 ล้านคน ซึ่งไทยกำลังพัฒนาไปในหลายเรื่อง ประชากรไทยที่มีรายได้น้อย 47 ล้านคนประกอบอาชีพต่างๆ รวมทั้งเกษตรกร ต้องแจ้งหน่วยงานให้ถูกต้อง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลสามารถทำเรื่องการจ่ายเงินได้ตรงกับประชาชน ขณะเดียวกันก็ต้องขอให้ประชาชนร่วมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เรียกว่า “New Normal” หรือความปกติแบบใหม่ในสังคมไทย ทั้งระมัดระวังสุขภาพ ดูแลตนเอง ดูแล แบ่งปันคนอื่น และใช้โซเชียลและดิจิทัลในการดำรงชีวิต เช่น การรับบริการ การใช้ e-Wallet ซึ่งต้องตอบรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ด้วย เพราะโลกได้เปลี่ยนแปลงไป ทั้งการให้บริการต่าง ๆ การใช้ระบบออนไลน์ การนำเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์การบริหารจัดการใหม่ มาช่วยในการดำเนินงานชีวิต
นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า วัดเป็นที่พึงทางใจ ดังในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชดำริว่า บ้านที่มีความสุข มีพ่อ แม่ และลูกที่ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน วัดคือ สถานที่ที่ดูแลคนไทย ทั้งสอนศาสนาคือ สอนให้ถึงแก่นศาสนา สอนให้คนรู้จักเป็นกลาง ไม่ขัดแย้งกัน และโรงเรียนเป็นสิ่งสำคัญ ลูกหลานต้องเรียนหนังสือ ซึ่งวันหน้าโรงเรียนก็เปลี่ยนอีก ขณะนี้มีการเรียนการสอนออนไลน์ ทางโทรทัศน์บ้าง เพื่อที่จะลดเวลาการไปโรงเรียน และมีเวลาอยู่กับครอบครัว ดังนั้นโลกเปลี่ยน การศึกษาเปลี่ยน เศรษฐกิจเปลี่ยน ที่เรียกว่า โลกยุคใหม่หลังโควิด ทุกคนต้องเตรียมการรับมือ ซึ่งคาดว่าวันข้างหน้าเมื่อนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย จะระวังอย่างเดียวคือ สุขภาพ ความสะอาด โดยทุกคนต้องปรับตัว
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แม้วันนี้จะมีการผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ ขอประชาชนอย่าเพิ่งประมาท เพราะโรคยังอยู่ บางทีไม่แสดงอาการ ทุกคนต้องระมัดระวังตนเองและเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งรัฐบาลได้มีมาตรการต่างๆ เพื่อให้ประชาชนทำมาหากิน เพราะเห็นใจทุกคน เป็นนายกรัฐมนตรีมา 5-6 ปี ต้องการให้ประชาชนมีความสุข ให้ประเทศดีขึ้น นายกรัฐมนตรีทำเพียงคนเดียวไม่ได้ ต้องขึ้นอยู่กับประชาชนคนไทยด้วยที่ต้องช่วยกัน
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังบริเวณท่าน้ำหน้าวัด เพื่อถวายพวงมาลัยสักการะรูปเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) เปิดกรวยกระทงดอกไม้ถวายเครื่องสักการะหน้าพระรูปสมเด็จพระอริยวงศาคตฐาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ต่อด้วยเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของประชาชนจิตอาสา ภายในโรงครัวของวัด โดยนายกรัฐมนตรีได้ร่วมผัดพริกแกงไก่ ประกอบอาหารเพื่อแจกจ่ายแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนในชุมชนวัดและพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนคนตกงาน คนที่มีรายได้น้อย เฉลี่ยประมาณ 1,000 กล่องต่อวัน รวมทั้ง ได้มอบน้ำลำไยกับแบรนด์ซุปไก่สกัดให้แก่ตัวแทนจิตอาสาที่ปฎิบัติหน้าที่ในโรงครัว ก่อนเดินทางกลับนายกรัฐมนตรีเข้ากราบนมัสการพระบวรรังษี เจ้าคณะแขวงศิริราช ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม