หวยโควิด “เมื่อวาน” ออก ๒๙!
น้อยกว่าวันก่อน ๑
ยังวางใจไม่ได้ จนกว่าวันไหนได้ยินหมอทวีศิลป์ขานเลขหลักเดียวนั่นแหละ ค่อยคลี่ชายพกผมน่ะนะ อยากให้ทุกคนขยับหมุดหมายไปปักไว้วันที่ ๑ พฤษภา.โน่นเลย
ส่วนเมษา.ทั้งเดือน
ใส่พานอุทิศถวาย “หลวงพี่โควิด” ไปก่อน จะได้ตัดพะวงว่าวันไหนรัฐบาลจะถอดกลอน-ถอนประตู
พฤษภา.ค่อยออกไปหายใจนอกพื้นที่ชนิด “เสี่ยงต่ำ” กัน
บ้านเรา โควิดติดล็อคก็จริง
แต่รอบๆ บ้าน โดยเฉพาะด้านมาเลย์-สิงคโปร์ ยังหนัก
ในเวลาเดียวกัน ……..
ยังมีคนไทยรอคิวจะเดินทางกลับเข้ามาทั้งทางชายแดน ทั้งทางยุโรป-สหรัฐฯอีกมาก
ซึ่งนั่น ประมาทไม่ได้ ต้องดูแลเป็นพิเศษและคัดเข้ม เพราะมีตัวอย่างที่สิงคโปร์ให้ศึกษาแล้ว
ด้วยสิงคโปร์วางใจว่า “เอาอยู่” จึงคลายมาตรการ เท่านั้นแหละ
โควิด กลับมาถลกตูดอวด
สิงคโปร์ติด “ท็อปไฟว์” อาเซียนทันที!
มาดูอันดับ “ท็อปไฟว์อาเซียน” ประจำวัน เป็นมรณานุสติกันดีกว่า ณ วันที่ ๑๖ เมษา. (เลขที่ออก ๑๕ เมษา.)
อันดับ ๑ ยังคงเป็นฟิลิปปินส์ ป่วยเพิ่ม ๒๓๐ ป่วยสะสม ๕,๔๘๓ ราย
อันดับ ๒ อินโดฯ เพิ่ม ๒๙๗ ป่วยสะสม ๕,๑๓๖ ราย
อันดับ ๓ มาเลย์ เพิ่ม ๘๕ ป่วยสะสม ๕,๐๗๒ ราย
อันดับ ๔ สิงคโปร์ เพิ่ม ๔๔๗ ป่วยสะสม ๓,๖๙๙ ราย
อันดับ ๕ ไทย เพิ่ม ๒๙ ป่วยสะสม ๒,๖๗๒ ราย
สิงคโปร์……
ประชากรทั้งประเทศ มีแค่ ๕.๖ ล้านคน แต่ตัวเลขป่วยติดเชื้อแต่ละวัน ตอนนี้ “ก้าวกระโดด” น่ากลัว
๑๔ เมษา.ติดเชื้อ ๓๓๔ ราย พอรุ่งขึ้น ๑๕ เมษา.พุ่งเป็น ๔๔๗ ราย!
นั่นเพราะอะไร?
เพราะส่วนหนึ่ง มาจากคนงานต่างด้าวที่อยู่กันแบบยัดกระป๋อง อีกส่วน คนสิงคโปร์จากต่างประเทศ เดินทางกลับเข้าไป
ก็ทราบกันดี สิงคโปร์เป็นเกาะเล็กๆ ที่อยู่อาศัยจึงเป็นแบบกรงไก่ คอนโด อพาร์ตเมนต์ ห้องเช่า ทั้งแคบ ทั้งแออัด
บวกกับรัฐบาลมีความเชื่อมั่นในผลสำเร็จตอนแรก จึงคลายมาตรการ ไม่ “คัดเข้ม” พวกที่กลับเข้าไป เหมือนทีแรก
พอป่วยเข้าซักคน กว่าจะรู้ ……
ก็เป็นไฟลามดอยอย่างภาคเหนือไปแล้ว!
ที่คุยไว้และที่ใครต่อใครยกมาเหยียบมาตรการรับมือของไทย ถูกไฟทวิตเตอร์ ไฟอินสตาแกรมดูดชักแหง็กๆ ไปตามๆ กัน!
ฉะนั้น….
ไทย ที่มีประชากรร่วม ๗๐ ล้านคน เห็นตัวเลขป่วยประจำวันว่าจิ๊บจ๊อย แค่ ๒๙-๓๐ ก็อย่าเพิ่งเหลิง อย่าเพิ่งประมาท
ตามชายแดน ตามสนามบิน มาตรการต้อง “มาตรฐานเข้ม” เข้าไว้ อย่าหย่อน-อย่าหยวน เป็นอันขาด
ไม่อย่างนั้น ที่เราทุกคน ทั้งแพทย์-พยาบาล-บุคลากรทางการแพทย์ เหนื่อยยาก-ลำบากลำบนมาทั้งหมด ต้องสูญเปล่า
ต้องชม ผบ.ทอ. “พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์”
ท่านเรียกตัว “แพทย์ทหารอากาศ” ที่ปลดประจำการไปแล้ว กลับเข้ามาสวมเสื้อกาวน์ใหม่ ตั้ง ๕๐ กว่าคน
อย่างน้อยก็ช่วยให้อุ่นใจ บุคลากรทางแพทย์มีพอรับมือทั้งการคัดกรองคนเดินทางเข้ามาจากต่างประเทศทางสนามบิน ไม่ขาดกำลังแน่
เก็บตัวดูอาการ ๑๔ วัน ที่อื่น “นอนตามถนน” ก็มี
แต่ที่ไทย มีโรงแรมให้เลือกฮอลิเดย์ตามใจชอบ แถมอาหาร ๓ มื้อ ไม่มีที่ไหนในโลก นอกจากที่ไทยที่เดียว
เสียอย่างเดียว…….
ที่ไทย มีนักการเมืองพันธุ์โค ชนิดโคด้วยกันอย่างโควิด ยังไม่ยอมนับญาติ!
ยิ่งเห็นนายกฯ ประยุทธ์ “ไม่พัง” ตามที่แอบแช่ง-แอบไช พวกโคแดง-โคส้ม เลยกลายเป็น “โคบ้า” ออกมาไล่ขวิดกลางแดดเอาดื้อๆ
ดูรึ…ช่างเป็นไปได้……
เป็นถึงด็อกเตอร์ เป็นอาจารย์-อาเจียน ด้วยแรงริษยาประยุทธ์ อยากให้ประเทศล่ม เมื่อไม่สมหวัง ถึงคลั่งยกคอก
ไหน ดูฝรั่งเศสหน่อยซิ อันดับโลกไปถึงไหน?
๑๕ เมษา.ยังอยู่อันดับ ๔ รองจากสหรัฐ สเปน อิตาลี ป่วยสะสมกว่า ๑ แสนคน ตายกว่า ๑๕,๐๐๐ คน!
พวกประชาธิปไตยแฌงตุชส์ ที่ไปสุมหัวกันอยู่ กับพวกที่บอกว่าเกลียดเมืองไทย มีลูกก็จะไม่ให้อยู่เมืองไทยนั่นด้วย
เป็นไงบ้างล่ะ?
ไทยไม่น่าอยู่เนอะ ปลุกเด็กไม่ขึ้น อันที่จริงกลับมาช่วงนี้ดี ไม่ต้องกักตัว ๑๔ วัน เข้าคุกไปเลย
แต่อย่าดีกว่า หนักแผ่นดินเปล่าๆ กลับมา “อยู่เป็น” ไม่ได้ ก็ “อยู่ตาย” ที่นั่นไปเถอะ!
มีเรื่องควรแก่การอนุโมทนาสาธุด้วยกันทุกคน มาบอก
เมื่อวาน (๑๖ เมย.๖๓)
“โรงงานผลิตหน้ากากอนามัยเครือซีพี” เดินเครื่องผลิต ๑๐๐,๐๐๐ ชิ้น ปฐมฤกษ์ แล้ว
ขอชื่นชม “คุณธนินทร์ เจียรวนนท์” ไว้ตรงนี้ด้วย!
ความจริง ทุกค่าย-ทุกคน รวมทั้งชาวบ้านทั่วไป ในสถานการณ์โควิดนี้ เห็นชัด ต่างช่วยกันและกันทุกคน
มีมาก-ช่วยมาก, มีน้อย-ช่วยตามกำลัง อย่างที่เห็น ทั้งข้าวปลาอาหาร ทั้งสิ่งของ ทั้งเงิน ทั้งหน้ากาก เจล ฯลฯ
ต่างเจือจาน แบ่งปัน ด้วยน้ำใจผูกพัน-ห่วงใย พี่น้องไทยด้วยกัน ชนิดไม่มีที่ไหนในโลกให้เห็น นอกจากที่ไทย
คุณธนินทร์ แห่งซีพี…..
ท่านมองการณ์ไกลตามวิสัยทัศน์นำของท่าน “หน้ากากอนามัย” เป็นปัจจัยที่ ๕ ของคนไปแล้ว ไม่ว่าจะมีโควิดหรือไม่มี
ดังนั้น จึงอุทิศนับร้อยล้าน สร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย คุณธนินทร์บอก ๕ สัปดาห์เสร็จ
ท่านพูด ๕ มีนา.
พอถึง ๑๐ เมษา.ครบ ๕ สัปดาห์ โรงงานก็เสร็จจริงๆ!
เมื่อวาน เดินเครื่องผลิต “๑ แสนชิ้นแรก”
คุณธนินทร์ นำนายแพทย์โรงพยาบาลจุฬาฯ และอีกหลายท่านชมแต่ละขั้นตอน ตามเป้าหมาย จะผลิตให้ได้เดือนละ ๓ ล้านชิ้น
ทั้งหมด ส่งมอบให้โรงพยาบาลจุฬาฯ สภากาชาดไทยจะจัดสรร-แจกจ่ายไปตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วทั้งประเทศ
และ “แจกฟรี” ให้ประชาชนทุกคน!
เหลือเชื่อนะ โรงงานผลิตหน้ากากอนามัยของซีพีนี้ จะเรียกว่า “ธนินทร์เนรมิตร” ก็ไม่ผิด
โรงงานทันสมัย มาตรฐานอนามัยโลก ขบวนการผลิตเป็นห้องปลอดเชื้อ ระดมกันทั้งวัน-ทั้งคืน
เครื่องจักร มาเรือไม่ทันการณ์ ใช้เครื่องบินขนจากจีนพร้อมวิศกรมาติดตั้งกันเลย “๓๕ วัน” เสร็จปานเนรมิตดังว่า
เครื่องจักรนี้ เดินเครื่องแล้ว ใช้แรงงานคนเพียง ๑ คนเท่านั้น เพราะทุกขั้นตอนควบคุมด้วยกลไก AI
จะมีวัสดุ ๓ ชิ้น ผลิตเป็นหน้ากากอนามัย surgical mask ผ่านการรับรองจากอย.เรียบร้อย ส่วนสายคล้องหู เป็นนวัตกรรมจากการคิดค้นของซีพี
การบรรจุผลิตภัณฑ์หน้ากากอนามัยเป็นขั้นตอนสำคัญ เพราะต้องให้มั่นใจว่าปลอดเชื้อ ๑๐๐%
คุณธนินทร์จึงใช้เทคโนโลยี AI จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังทั้งหมด
นั่นคือ โรงงานผลิตหน้ากากอนามัยซีพี เป็นโรงงานกลไก AI คนแทบไม่ต้องใช้เลย!
ก็เป็นที่สรุปได้ว่า……..
ต่อจากนี้ไป ทั้งแพทย์-พยาบาล-บุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งประชาชน
ไม่มีคำว่า “ขาดแคลนหน้ากากอนามัย” อีกแล้ว ไม่ต้องเครียดและเผชิญกับคำว่า กักตุนเพื่อค้ากำไรอีกต่อไปแล้ว
ด้วยน้ำใจอุทิศของคุณธนินทร์…..
ด้วยโรงงานซีพีสร้างให้ จะผลิต surgical mask ป้อนให้โรงพยาบาลทั้งหมด และประชาชนทุกคน…ฟรี!
และโรงงานแห่งนี้ คุณธนินทร์จะมอบให้เป็นสมบัติของโรงพยาบาลจุฬาฯ โดยคุณธนินทร์ รับภาระผลิตให้
ส่วนจะจัดสรรไปให้โรงพยาบาลไหน หรือที่ไหนๆ เป็นดุลยพินิจ-หน้าที่ของสภากาชาดไทย โรงพยาบาลจุฬาฯ คุณธนินทร์จะไม่เกี่ยว
ในอนาคต เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ความจำเป็นใช้หน้ากากอนามัยเร่งด่วนน้อยลง จะส่งออกจำหน่าย ในราคาถูก
รายได้จากจำหน่าย เป็นของโรงพยาบาลจุฬาฯ ทั้งหมด คุณธนินทร์-ซีพี รับภาระบริหาร-จัดการให้เท่านั้น
นี่……….
ผมจับความจากฟังคลิปข่าว ว่าเดินเครื่องผลิตแล้วเมื่อวาน ก็ซาบซึ้งและนึกอนุโมทนาในอุทิศทานของคุณธนินทร์
การสร้างโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย แล้วมอบให้โรงพยาบาลเช่นนี้ เป็น “ฝนตกทั่วฟ้า-ชุ่มชื้นประชา” ทั่วหน้าจริงๆ
ขอให้คุณธนินทร์และทุกคนในเครือซีพี ตลอดถึงกิจการ เจริญ..เจริญ
สมชื่อ “เจริญโภคภัณฑ์” เถอะ!
