24 พฤศจิกายน 2568 – จากกรณีนางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม มีคำสั่งลงนามโยกย้าย นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อันเนื่องจากการจู่โจมตรวจค้นเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และพบว่ามีเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดในเรือนจำฯ ต่อมา กรมราชทัณฑ์ ได้ออกเอกสารข่าวชี้แจงจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ต้องขังชาวจีนบางรายที่มีอิทธิพลเหนือผู้ต้องขังรายอื่นภายในเรือนจำฯ จนสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ต้องขังชาวไทย จึงมีผู้แจ้งเบาะแสมายังกรมราชทัณฑ์ให้ทราบถึงพฤติการณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ดี กรมราชทัณฑ์ พร้อมดำเนินการทางวินัยกับผู้ที่เกี่ยวข้องหากพบการกระทำผิดจริง
ขณะที่ อธิบดีกรมราชทัณฑ์สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยมี นายไพฑูรย์ มงคลหัตถี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรม เป็นประธาน และเตรียมนำเจ้าหน้าที่เข้าสอบสวนข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พร้อมกับการสืบสวนของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กองคดีความมั่นคง และเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งต้องเข้าเก็บพยานหลักฐานภายในห้องเกิดเหตุในวันจันทร์ที่ 24 พ.ย. ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พบผู้สื่อข่าวหลายสำนักปักหลักติดตามความเคลื่อนไหว เนื่องด้วยเป็นวันแรกที่จะมีเจ้าหน้าที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง (กรมราชทัณฑ์) เข้าทำการสอบสวนข้อมูลเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร รวมถึงเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ กองคดีความมั่นคง และการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์
โดย นายยุทธนา นาคเรืองศรี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ รักษาการแทน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า เนื่องด้วยตนได้ส่งเอกสารประสานไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อขอรับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่นิติวิทย์ มาร่วมตรวจเก็บพยานหลักฐาน พยานวัตถุในห้องเกิดเหตุ (ห้องลับใต้บันได) ซึ่งได้มีการซีลพื้นที่ไว้เรียบร้อยแล้ว สำหรับนำไปตรวจสอบ ก่อนรับผลรายงานและนำเสนอไปยังคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
“วันอังคารที่ 25 พ.ย. หรือวันพุธที่ 26 พ.ย. ทางกระทรวงยุติธรรม โดย พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม จะมีการแถลงความคืบหน้าต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จำนวน 20 ราย ที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว และถูกคำสั่งย้ายโดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเบื้องต้นเริ่มมีพยานหลักฐานชัดเจนแล้ว จึงจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งเพิ่มเติม อาทิ พักราชการไว้ก่อน หรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน เป็นต้น และเรื่องนี้เป็นผลกระทบต่อองค์กรเป็นอย่างยิ่ง รมว.ยุติธรรม จึงให้ความสำคัญอย่างมากในการจัดระเบียบความโปร่งใส นอกจากนี้ ประเด็นการเดินทางไปยังต่างประเทศของกลุ่มเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครที่ไม่มีการแจ้ง และบางกลุ่มก็มีความชัดเจนในส่วนของการเดินทางไปมาเก๊าอีกด้วย” นายยุทธนา ระบุ
ด้าน พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า วันนี้จะมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ กองคดีความมั่นคง เดินทางเข้าไปสอบสวนข้อมูลเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ที่รับผิดชอบด้านงานเอกสาร การให้การบริการสวัสดิการผู้ต้องขัง การควบคุมดูแลผู้ต้องขัง การเบิกตัวผู้ต้องขัง เพื่อขอรับข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบการเยี่ยมญาติ การจ่ายเงิน การรับโอนเงิน สลิปโอนเงินต่าง ๆ รวมถึงรายงานการสอบสวนข้อมูลเบื้องต้นของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรมราชทัณฑ์ที่ได้ดำเนินการก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นการสอบปากคำเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ทั้ง 20 ราย (ที่ถูกคำสั่งย้าย) ผู้ต้องขังจีนเทา 2 ราย หญิงสาวนางแบบชาวจีน 2 ราย รวมถึงการเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน พยานวัตถุ และพยานเอกสารของเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ว่ามีการรวบรวมรายการสิ่งของใดไปบ้าง
รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวด้วยว่า หากผลการสอบสวนปากคำในส่วนของเจ้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครทั้ง 20 ราย ที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ดำเนินการบันทึกคำให้การก่อนหน้านี้ มีส่วนใดเพิ่มเติมที่ดีเอสไอเล็งเห็นว่าจะต้องสอบสวนปากคำเพิ่ม จะได้มีการประสานออกหมายเรียกพยานแก่เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครทั้ง 20 รายดังกล่าว มาสอบถาม ไม่ว่าจะเป็นประเด็นของเรื่องเส้นทางการเงินก็ตาม ทั้งนี้ ดีเอสไอจะได้ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อดูประวัติย้อนหลังการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรของนายมานพ ชมชื่น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นับแต่วันที่เข้ารับตำแหน่ง ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
สำหรับเรื่องการครอบครองทรัพย์สินต่าง ๆ ปกติแล้วเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องมีการแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งส่วนนี้จะเป็นกฎหมายของ ป.ป.ช. ที่จะไปตรวจสอบว่ามีการครอบครองทรัพย์สินมูลค่าสูงผิดปกติอย่างไรหรือไม่ นับแต่วันที่เข้ารับตำแหน่งเป็น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อย่างไรก็ดี ปัจจุบันนี้ยังคงเป็นเพียงเรื่องสืบสวน ที่ต้องดูว่าเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ทั้ง 20 ราย มีพฤติการณ์กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือไม่ ซึ่งถ้าหากพบการกระทำความผิดดังกล่าว ดีเอสไอจะต้องสรุปสำนวนส่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปตามขั้นตอน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลา 09.35 น. ที่ผ่านมา บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้มีรถตู้ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม 2 คัน ได้ขับเข้าไปด้านในเรือนจำฯ เพื่อเข้าไปตรวจเก็บพยานหลักฐาน พยานวัตถุ และพยานเอกสาร ก่อนนำไปตรวจสอบหาความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ฉาวห้องลับใต้บันได ขณะที่รถของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้เข้าไปด้านในเรือนจำตั้งแต่เวลา 09.30 น. ที่ผ่านมา.
