เปลว สีเงิน
ท่านสังเกตมั้ย?
ว่าทำไมเรื่องพิพาทชายแดน “ไทย-เขมร” ซึ่งมีกรอบอยู่แล้วว่า “ให้ ๒ ประเทศตกลงกันเอง” คนอื่นไม่ต้องยุ่ง
แต่จะเห็นว่า “สหรัฐอเมริกา” จงใจแทรกเข้ามาเป็นตัวกลาง แสดงตนเป็นเจ้าพ่อ “หย่าศึก” จนออกนอกหน้า
แถมกีดกันจีนกรายๆ ไม่ให้เข้าไปมีส่วนร่วมในงานนี้!?
พอดีผมอ่านข้อเขียนของอดีตท่านทูต “นริศโรจน์ เฟื่องระบิล” เข้าใจว่าท่านเขียนไว้นานแล้วเกี่ยวกับพรรคการเมืองหนึ่งสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ทำให้เห็นเจตนาที่สหรัฐมีต่อไทยมากขึ้น
จึงขออนุญาตท่านนำเผยแพร่ต่อและปรับเปลี่ยนชื่อพรรคที่ท่านระบุไว้เพื่อสันติภาพ
………………………………………
Fuangrabil Narisroj
เมื่อคนไทยต้องการ “พรรคคนรุ่นใหม่” ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ก็ต้องปล่อยให้ระบบมันเดินไป
แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป จะเป็นแบบค่อยๆ ซึมเข้ามา คือ “การล่าอาณานิคมแบบใหม่” ของสหรัฐฯ และประเทศตะวันตก
นี่คือ “จุดเริ่มต้น” ของการล่มสลายของประเทศไทย “พรรคคนรุ่นใหม่” ได้อะไร –> ได้เงินและอำนาจ”
โดย “ไม่คำนึงถึงวิธีการ ถูกหรือผิด ชั่วหรือดี”
“พรรคคนรุ่นใหม่” เป็นพรรคหนึ่ง ที่ได้ Fund จากประเทศอเมริกา ผ่านองค์กร มูลนิธิลับๆ หลายแห่งในการขับเคลื่อนทางการเมือง
เพื่อเปิดช่องให้อเมริกาสามารถแทรกแซงการเมืองไทยได้
สังเกตได้จากกลุ่ม NGO ต่างๆ ที่เข้ามาสนับสนุน การล้มล้างสถาบันฯ กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆ
รวมถึงการนำทูตสหรัฐฯ และประเทศตะวันตกเข้ามา observe การประชุมสัมมนา หรือการเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ
มันคือการล่าอาณานิคมแบบใหม่ที่ “คนสมัยนี้ไม่ค่อยรู้จักและคำนึงถึง”
อเมริกาต้องการทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ของประเทศและการนำประเทศไทยตั้งฐานทัพ เพื่องัดข้อกับประเทศจีน
ซึ่งอเมริกาพยายามจะเข้ามาตั้งหลายครั้ง/หลายหนแล้ว แต่ทางทหารไทยไม่ยอม จึงได้แค่เข้ามาฝึกซ้อมรบ
คนจนอเมริกามีมากกว่า 43 ล้านคน เท่ากับประชากร 1 ประเทศ แต่เศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลก ก็อยู่ในอเมริกา
มันยิ่งเป็นการบ่งบอกว่า ทุนการเงิน มันสร้างการกระจุกตัวไว้ที่คนจำนวนหนึ่ง
นี่คือความเหลื่อมล้ำจากระบบเสรีนิยมและทุนนิยม (ซึ่งไม่เคยมีอยู่จริง) ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น เชื่อว่าไม่มีทางเลี่ยง
อเมริกาอยู่ได้ด้วยอาวุธ แต่ถ้าไม่มีสงคราม ก็ขายไม่ออก ด้านอวกาศ ก็เหมือนกัน
อเมริกาจึงต้องการให้เกิดสงครามขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อที่จะได้ขายอาวุธ และคานอำนาจกับจีน
ซึ่งได้เริ่มทำไปแล้วในฟิลิปินส์ เกาหลีใต้ ซึ่งประเทศเหล่านี้ มีโอกาสเกิดสงครามกับจีนและรัสเซียตลอดเวลา
ซึ่งในอนาคต หากยังดำเนินแบบนี้ต่อไป คงได้เห็นสงคราม ไทย-จีน
สำหรับไทยก็เช่นเดียวกัน อยู่ในชัยภูมิที่ดี มีทางออกทะเลและมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์
ต่างชาติยกย่องว่าเป็นครัวของโลก จึงเป็นเป้าหมายสำคัญของอเมริกาและชาติตะวันตก
แต่สิ่งที่ยากที่สุดในการเข้ามาแทรกซึม เพราะประเทศไทยมีความมั่นคงทางวิถีชีวิต
และความภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่คานอำนาจและเป็นเสาหลักของประเทศ
จึงเป็นงานของอเมริกาที่ต้องลดบทบาทของสถาบันหลักเหล่านี้ให้อ่อนแอที่สุด จนถึงเป็นแค่สัญลักษณ์
เพื่อที่จะเข้ามายึดครองได้โดยง่าย (ไม่แปลกอะไรที่พรรคคนรุ่นใหม่ ขอยกเลิก ม.112 มาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว
แต่ประธานรัฐสภา ชวน หลีกภัย บอกว่า เสนอเป็นญัตติมาอภิปรายไม่ได้ เพราะญัตตินี้ ผิด รธน.)
สิ่งที่อเมริกาและชาติตะวันตกได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง มากว่า 60 ปี คือ
การสร้าง soft power แบบซึมเข้ามาในรูปแบบ การศึกษาที่ทันสมัย ภาพยนตร์ การให้ทุนนักเรียน ไปเรียนต่อต่างประเทศ
เพื่อการล้างสมองให้คนของเราเสพติด คำว่าประชาธิปไตย ความทันสมัย ศิวิไลซ์ของเขา ของประเทศเสรีนิยม ทุนนิยม
พร้อมพยามยาม ผลักดันให้คนกลุ่มนี้ กลับเข้ามาเป็นผู้บริหารประเทศ เพื่อเปลี่ยนประเทศ โดยไม่สนใจและคำนึงถึง “รากเหง้า” ดั้งเดิม
โดยคนเหล่านี้ จะมีแนวความคิดแบบชาติตะวันตกเต็มตัว พร้อมที่จะทำตามและอ้าแขนรับอำนาจตะวันตก
โดยถึงขั้นมองว่า
“ถ้าต้องเป็นประเทศอาณานิคมก็ไม่แปลกอะไร” เพราะคงจะได้รับความรู้ ความเจริญมาในฐานะ “นักเรียนนอก”
ซึ่งวันนี้ พวกเค้าทำสำเร็จแล้ว เป็นก้าวแรกของการ “ล่าอาณานิคมใหม่” ได้เริ่มขึ้น
โดยการต้องเริ่มกระบวนการ ลดกำลังทหาร และลดบทบาทสถาบันกษัตริย์
คนหนุ่ม-สาวของประเทศ ที่มีแนวคิดแบบตะวันตก มากกว่าครึ่งประเทศ ถูกเสพติดด้วยข้อมูลบิดเบือนมาเป็นเวลานาน
เริ่มมีการแสดงตัวตนแบบคนกระหายความสำเร็จ กระหายความเจริญ และศิวิไลซ์แบบชาติตะวันตก
ดูได้จากการแสดงออกใน social media ที่พยายามแสดงถึงความหรูหรา ฟุ่มเฟือย ชีวิตที่ดี กินหรู อยู่สบายใช้ของ brand name
ผู้คนเหล่านี้มีความรู้ มีฐานะ การงานที่ดี และคิดว่า “กูโตมาได้ หาเงินได้ ด้วยความสามารถตัวเอง ไม่เกี่ยวกับ พ่อแม่ตัวเอง ไม่เกี่ยวกับสถาบันฯ”
ส่วนคนจน ก็จะโทษทุกสิ่งอย่างรอบตัวที่ไม่ใช่ตัวเอง
ความคิดแบบนี้ กำลังจะพังประเทศตัวเอง ซึ่งเป็นความคิดเห็นแก่ตัวแบบสุดขั้ว
และการกอบโกยทรัพยากรเต็มที่ ของคนรุ่นใหม่ รวมถึงคนรุ่นเก่าๆ อีกหลายคน
ถ้าคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ ต้องการให้เป็นแบบนี้ อาจจะยังไม่ได้เกิดในปี สองปีนี้ อาจจะค่อยๆ ซึมเข้ามาเป็น 5-10 ปี ก็คงต้องคอยดูต่อไป
ขอให้ประเทศไทย พ้นผองภัย ขอให้ฝ่ายค้านที่ยังเป็นคนเจ็นคุณภาพ “รักบ้านเกิดเมืองนอน” ของตนเอง
ได้ทัดทานไม่ให้คนชั่ว คว่ำฟ้าพลิกดิน คบต่างชาติให้เข้ามากลืนชาติ นำพาสู่สงคราม ได้สำเร็จ
จงช่วยกันระมัดระวัง ไอ้กันมันแล้ว มันเริ่มให้คนพวกนี้ ออกมาก่อกวน แล้วค่อยๆ รุนแรงขึ้นเหมือน Hong-Kong Model จนเกิดกลียุคสงครามกลางเมือง ทางการคุมไม่อยู่ ต้องใช้ความรุนแรง
(เคยทราบไหม หยก เด็กหญิง อายุ 15 ปี มายืนกลางถนน อ่านหนังสือด่าในหลวง เพื่อให้ถูกจับ เมื่อตำรวจจับไป ไม่มีใครมายื่นประกัน เพื่อเอาเป็นข้อเรียกร้องว่า จับเด็ก 15 ขวบ ขัง ไม่ให้เรียนหนังสือ)
แล้วมันก็จะฟ้องไปทาง UN จนไอ้กันขนทหารเข้ามาควบคุมประเทศ
อันตรายมากที่จะเกิดวิกฤตแบบ Hong-Kong
ตอนนี้ก็ลอง “ย้อนอดีตไปสมัยช่วงสงครามเวียดนาม” ที่ไทยยอมให้ไอ้กันเข้ามาตั้งฐานทัพในไทย เพื่อประจัญหน้ากับจีน
ดังที่ก่อนหน้านี้ US ก็ทำสำเร็จ แล้วที่ ฟิลิปปินส์
โดยได้ลูกชาย ของอดีต ปธน.มาร์คอส ขึ้นมา และทันทีก็หันไปซบเมกา ยอมให้ใช้ฐานทัพเพื่อเผชิญหน้ากับจีน
ก็ไม่ผิดคาดแต่อย่างใด ที่การเลือกตั้งที่ผ่านมา ไทยก็ได้พรรค ที่มีแนวโน้มโปร US ขึ้นมา
เพราะเขาได้วางแผนการในการใช้ “สื่อโซเชียล” เกลี้ยกล่อมและ convince คนรุ่นใหม่ จนประสบผลสำเร็จ
ด้วย keywords “ประชาธิปไตย” “ยกเลิก ม.112” “ความเหลื่อมล้ำในสังคม” ”นายทุนผูกขาด” มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
รัฐบาลฝ่ายที่อนุรักษ์นิยม ก็ทำอะไรไม่ได้เลย
เพราะยุทธศาสตร์การเมืองยุคใหม่คือ
“ใครครองหรือครอบงำสื่อโซเชียลได้ ผู้นั้นครองโลก”!
ก็ไม่ต่างจากสมัยยุคล่าอาณานิคม ที่มีคำพูดว่า “ใครครองน่านน้ำ คนนั้นครองโลก”
หรือที่เรียกกันว่า “การทูตเรือปืน” ( Gunship Diplomacy) สมัยนั้นเราต้องเสียดินแดนไปก็เพราะยุทธศาสตร์แบบนี้
พอยุคสงครามเย็น ก็ใคร “ครองอวกาศ” ผู้นั้นครองโลก
พอมายุคนี้ ใคร “ครองสื่อโซเชียลหรือสื่อออนไลน์” ได้ ผู้นั้นก็ครอบงำโลกได้เช่นกัน
เชื่อว่า เด็กรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่ไม่รู้ “ตื้นลึกหนาบาง” แบบนี้เลย
พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า กลุ่มทุนสามานต์ต่างชาติ ที่เป็นนอมินีให้กับ US นั้น มีหุ้นใหญ่ อยู่ใน FB Twitter และเดี๋ยวนี้ ลงไปถึง Netflix / HBO เป็นต้น
จึงไม่น่าแปลกใจ ที่หนังทุกเรื่อง หากมีพากย์ไทย จะถูกสอดแทรกเรื่องการเมืองลงไป เท่าที่เขาจะสอดแทรกได้
เพื่อสร้างความรู้สึกร่วมกับคนรุ่นใหม่ให้เกิดความต้องการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในไทยให้ได้
ไม่เว้นแม้แต่ในบริษัทผลิตยาและวัคซีนมหาเทพ ก็มีกลุ่มทุนสามานย์ นอมินีของ US ถือหุ้นอยู่
คงจำกันได้ ที่วัคซีนมหาเทพ ที่ถูกปั่นในหมู่ศิลปิน ดารา นักร้อง นางงาม เซเลบ แล้วก็ด่าจีนเรื่องวัคซีนน้ำเกลือ วัคซีนเซินเจิ้น
ไม่เว้นแม้แต่การดูถูกวัคซีน AZ ที่ไทยเราผลิตได้ในประเทศ ก็ถูกกลายเป็นประเด็นกระทบถึงสถาบันฯ
นั่นคือผลงานของการปั่นจากผู้ที่ครอบงำสื่อได้
ขอให้ช่วยกันเพิ่มความระมัดระวัง เรื่องนี้มิใช่เรื่องเล่นๆ
เขาคงวางแผน ลงไปทุกอณูของสื่อ ไม่เว้นแม้แต่การ์ตูนอานิเมะ เพจหมาแมว สัตว์เลี้ยง
แม้แต่ กีฬาสีเด็กประถม/มัธยม ยังมีเดินขบวนล้อการเมืองเลย
ยังจำภาพเด็กมัธยม รร.แห่งหนึ่ง ใน จ.อุดร ถือป้ายในงานกีฬาสีเขียนชื่อป้ายประเทศว่า Repuplic of Thailand !
เดิม US เคยเกือบทำสำเร็จใน Hong Kong แต่จีนไม่ยอมง่ายๆ จีนใช้ไม้แข็งเพราะเป็นเผด็จการคอมมิวนิสต์ จึงคุม Hong Kong ได้ในที่สุด
แต่ตอนนี้ US ประสบความสำเร็จแล้ว ที่ฟิลิปปินส์ และไทย ผมมองว่า อนาคตเราจะถูกผลักให้จำเป็นต้องเลือกข้าง US
ซึ่งตรงนี้ จะมีความน่ากลัว เพราะจีนเองก็คงไม่ยอม
ไทยอาจกลายเป็นสนามประลองกำลังของมหาอำนาจในที่สุด
ยิ่งตอนนี้เสถียรภาพทางการเงินของ US อยู่ในขั้นวิกฤต อาจผิดสัญญาชำะหนี้ต่างชาติได้ (ญี่ปุ่นและจีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่)
ทางเดียวที่อาจจะช่วย US ได้คือ คือการทำ Trade War Business
เมื่อก่อน ผมเคยผ่านและเคยได้เห็น สภาพตอนที่เราต้องยอมให้ US เข้ามาตั้งฐานทัพในไทย ถึง 7 แห่ง ในช่วงสงครามเวียดนามมาแล้ว แต่เด็กรุ่นใหม่ ไม่เคยรู้ ไม่เคยศึกษา
อิทธิพลของสหรัฐฯ ที่ทิ้งไว้ก็คือ วัฒนธรรมแบบแยงกี้ บาร์เบียร์ / เมียเช่า / อะโกโก้ /โชว์ลามก นั่นคือจุดเปลี่ยนทางวัฒนธรรมครั้งใหญ่ของไทย
จากเดิม ที่วัฒนธรรมไทย ที่ผู้หญิงขี้อาย รักศักดิ์ศรี ก็กลายเป็นหญิงไทยโดนหมิ่นเกียรติเยอะมาก เวลาไปต่างประเทศ
ถ้าเราไม่ตั้งหลักให้ดี อาจกลายเป็น “สมรภูมิแห่งความขัดแย้งในภูมิภาค” เราอาจกลายเป็นแบบยูโกสลาเวีย หรือ เนปาล และยูเครน โมเดล
ต่อไปนี้ คงคาดเดาลำบาก เพราะทุกอย่างก็เริ่มเข้าเค้าตามแนวทาง New World Order ของ US ไปทุกที
คนรุ่นเก่า คงอยู่กันอีกไม่นาน
ถึงตอนนั้น ก็เป็นความรับผิดชอบของคนรุ่นใหม่ ที่ออกคะแนนเสียงในวันนั้น ว่า
“คุณต้องเลือกหนทางเดิน ให้ประเทศไทยให้ได้”
อย่าให้อายคนรุ่นเก่า ที่เขายอมเสียสละปกป้องประเทศไทยมาได้นะครับ
………………………………..
อ่านแล้วคิดตามนะ เพราะนี่คืออนาคตไทย ส่วนเรื่องเขมรไม่ต้องไปคิดหรอก
สิ้นเดือนนี้ “เขมร-ฮุนเซน” ก็เจ๊ง ไม่มีเจ๊า!
เปลว สีเงิน
๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๘
