เปลว สีเงิน
เอาหละ…สิ้นสุดการรอคอยกันซะที!
วันนี้แหละ ๒๙ สิงหา.๖๘ จะได้รู้กันว่า “นายกฯ แพทองธาร” จะได้ไปต่อหรือพอแค่นี้?
ราวๆ ๓ โมงเย็น เปิดโทรทัศน์ดูละกัน
หรือไม่ก็เปิดมือถือดูทีวี “ไทยโพสต์ออนไลน์” ที่จะถ่ายทอดสดการอ่านคำวินิจฉัยของ “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” ตั้งแต่ต้น ยันจบ
เพื่อความเข้าใจต่อการรับรู้-รับฟัง
ผมจะสรุปประเด็นตามคำร้องของ ๓๖ สว.ที่ขอให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีคำวินิจฉัยปูพื้นไว้ก่อน เพื่อง่ายต่อการเข้าใจคำวินิจฉัยของศาลฯ
กรณี คลิปเสียงสนทนานายกฯแพทองธารกับฮุนเซน
๓๖ สว.ขอให้ศาลฯ มีคำวินิจฉัย ๒ ข้อ
๑.ให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้อง (น.ส.แพทองธาร ชินวัตร) สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๗๐ วรรคหนึ่ง (๔) ประกอบมาตรา ๑๖๐ (๔) และ (๕)
๒.ให้มีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร “หยุดปฏิบัติหน้าที่” จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
ในข้อ ๒ นี้ ศาลฯ ได้สั่งให้น.ส.แพทองธารหยุดปฎิบัติหน้าที่นายกฯ เป็นการชั่วคราวไปแล้ว
วันนี้ ศาลฯ ก็จะประชุม ปรึกษาหารือและลงมติกันตอนเช้า ตามคำร้องข้อ ๑ และอ่านคำวินิจฉัยรวม ตอนบ่าย ๓ โมงกว่าๆ
มาตรา ๑๗๐ วรรคหนึ่ง (๔) ประกอบมาตรา ๑๖๐(๔) และ (๕) ตามรัฐธรรมนูญ ที่จะทำให้ตำแหน่งนายกฯของแพทองธารต้อง “สิ้นสุดลงหรือไม่” นั้น
๒ ประเด็น ที่ ๙ ตุลาการศาลฯท่านจะพิจารณาวินิจฉัยและลงมติ คือ
-แพทองธารมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่?
-มีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่?
ในคำร้อง ๓๖ สว.ระบุ…….
“เนื่องจากปรากฏหลักฐานชัดแจ้งว่า “น.ส.แพทองธาร” มีความสัมพันธ์ส่วนตัวและแอบเจรจากับประธานวุฒิสภากัมพูชาในลักษณะเป็นภัยภัยต่อความมั่นคงอาณาเขตไทย
และอำนาจอธิปไตยของไทย อันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงและยากแก่การเยียวยาในภายหลัง”
๓๖ สว.ยกถ้อยคำช่วงสำคัญในการสนทนาให้ศาลฯดูด้วยเช่น
-ไม่อยากให้ uncle ไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา
เพราะว่าพอไปฟังฝั่งตรงข้าม อย่างพวกแม่ทัพภาค ๒ อย่างเนี้ยค่ะ เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย
ซึ่งพอไปฟังอย่างนั้นเสร็จ ก็ไม่อยากให้ท่านรู้สึกไม่ชอบใจ หรือว่าโกรธ เพราะจริงๆ แล้ว ไม่ใช่ความตั้งใจของเราเลยค่ะ”
-เขาอยากจะดูเท่ เขาก็พูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติค่ะ”
-บอกว่าจริง ๆ แล้ว ถ้าท่านอยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้”
-จริง ๆ แล้ว ท่านจะเอาอะไรจริง ๆ ให้บอกอิ๊งได้เลย ยกหูบอกก็ได้ อันไหนไม่เป็นข่าว ก็คือไม่เป็นข่าว อันนั้นที่หลุดไป มันหลุดเพราะสื่อ
เพราะไม่ได้คุยกับอิ๊งแค่ ๒ คน มันคุยกันเป็นกลุ่มนะพี่ มันเลยหลุดน่ะ แต่ถ้าคุยกับอิ๊ง ๒ คน มันไม่มีหลุดอยู่แล้ว”
ถ้อยคำเหล่านี้ ที่แพทองธารบอกกับฮุนเซน ๓๖ สว.ระบุในคำร้องด้วยว่า
“เห็นว่า พฤติการณ์ของนายกฯเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมาย อาทิ
รัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐
มาตรา ๕๐ (บุคคลมีหน้าที่ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของประเทศชาติ)
มาตรา ๕๒ (รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขต)
มาตรา ๑๖๔(๑) และ(๔) (ครม.ต้องปฏิบัติหน้าที่และใช้อํานาจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ เปิดเผย
และมีความรอบคอบและระมัดระวังในการดําเนินกิจการต่าง ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม
สร้างเสริมให้ทุกภาคส่วนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม ผาสุกและสามัคคีปรองดองกัน)
ประมวลกฎหมายอาญา
หมวด ๒ ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร
หมวด ๓ ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร เช่น ฐานเป็นกบฏ
หรือคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทําการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศหรือที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ หรือร่วมเป็นข้าศึกของประเทศ
มาตรา ๑๕๗ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมและมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
นี่สมมติว่า ศาลมีคำวินิจฉัยให้ความเป็นนายกฯ ของน.ส.แพทองธารสิ้นสุดลงเฉพาะตัวละก็
เรื่องไม่จบแค่พ้นจากตำแหน่ง ยังจะต้องไปเจอความผิดทางอาญาอีกด้วย
เพราะในเวลาเดียวกัน ๓๖ สว.ยังไปยื่นคำร้อง ขอให้ป.ป.ช.ดำเนินการกับน.ส.แพทองธารในอีกทางหนึ่งด้วย คือ
-ให้ไต่สวนและดำเนินการกับผู้ถูกกล่าวหา (น.ส.แพทองธาร) ต่อศาลฎีกา และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
เพื่อเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และดำเนินคดีอาญา ฐานความผิดต่าง ๆ
รวมทั้งดำเนินคดีอื่นใด ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด กับผู้ถูกกล่าวหาและผู้อื่นที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ต่อไป
เห็นมั้ย…..
คดีมันเชื่อมโยงกัน คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ “ไม่มีโทษจำคุก” ก็จริง
แต่ผลจากคำวินิจฉัยว่าผิด จะนำไปสู่โทษทางอาญาตามฐานความผิดตามข้อกล่าวหานั้นๆ
หนาวหน่อยนะคุณแพทองธาร เห็นว่าจะไปรอฟังผลอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล ก็เตรียมเสื้อกันหนาวหรือผ้าห่มหนาๆไปด้วย เพราะมันจะไม่แค่หนาวเนื้อ
ถ้าศาลฯ มีคำวินิจฉัยว่าผิด มันจะหนาวถึงกระดูกเลยเชียวแหละ!
ไม่เพียง สว.ที่ยื่นเรื่องต่อป.ป.ช.เท่านั้น
กรณีเดียวกัน ยังมีนักร้องทางการเมือง ไปยื่นคำร้องต่อป.ป.ช.,ศาลรัฐธรรมนูญ และกกต.ขอให้ตรวจสอบด้วย
แม้กระทั่งอดีตสว.”สมชาย แสวงการ” และกลุ่ม “รวมพลังแผ่นดิน”
ยังได้แจ้งความดำเนินคดีกับน.ส.แพทองธารที่ “ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง”(บช.ก.) กล่าวหาว่า
“กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๑๑๙,๑๒๐,๑๒๒,๑๒๘ และ ๑๒๙”
ฉะนั้น ที่ FC แพทองธารคิดว่าเรื่องนี้ “ตอนเดียวจบ” เอาเข้าจริง…มันไม่ใช่ มันยาวเป็นซีรี่ส์ มี “คุก-ไม่คุก” เป็นเดิมพันเลยเชียว!
ปะติด-ปะต่อพอเข้าใจในการติดตามฟังคำวินิจฉัยวันนี้กันแล้วใช่มั้ย?
ทั้งหมด-ทั้งมวล วันนี้ อยู่ที่คำวินิจฉัยใน ๒ ประเด็น คือเรื่อง “ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์”
และเรื่อง “พฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม”
๒ เรื่องนี้ เป็นตัวชี้ขาดว่า “แพทองธาร” จะพ้นจากตำแหน่งนายกฯ หรือไม่พ้น คือได้อยู่เป็นนายกฯ ต่อไป!
ทีนี้ ก็มาคันใจ ด้วยอยากรู้กันว่าแพทองธารจะได้ไปต่อหรือพอแค่นี้
ความจริง เมื่อถึงวันนี้ ก็ไม่ควรวิพากษ์-วิจารณ์ เพราะเดี๋ยวก็ได้รู้ แต่เพื่อเป็นการบรรเทาอาการคันใจ ขอบอกตามความเห็นผมว่า
ที่ทีมงานประดิษฐ์คำแก้ตัวให้แพทองธาร อ้างหลักกลยุทธ์การเจรจา ว่าการถูกบันทึกเสียงสนทนา เป็นความ “บกพร่องโดยขาดประสบการณ์” นั้น
ด้านนิติศาสตร์ เท่ากับแพทองธารยอมรับสารภาพ
ด้านรัฐศาสตร์ การอ้างว่า “บกพร่องโดยขาดประสบการณ์” เท่ากับยอมรับว่า ตัวเองยังอ่อนด้อย ไม่คู่ควรจะเป็นผู้นำบริหารประเทศอีกต่อไป
และถ้อยคำที่พูดกับฮุนเซน ๓-๔ ข้อ นั้น มันผิดมาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ในหมวด ๑ ซึ่งถือว่ามีลักษณะร้ายแรง
ตามข้อ ๖ ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐและความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ข้อ ๗ ต้องถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน
ข้อ ๘ ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเองหรือผู้อื่น
หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตําแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ
และผิดตามมาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลัก หมวด ๒ ข้อ ๑๗
“ไม่กระทําการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดํารงตําแหน่ง”
เมื่อ ๓ สิงหาคม ๒๕๔๔ ทักษิณ ชินวัตร-พ่อ อ้าง“บกพร่องโดยสุจริต”ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้พ้นความผิดฐานซุกหุ้นด้วยเสียง ๘-๗
นับเป็นรอยด่างใน “ความไม่เที่ยง” ของตุลาการบางคน จนมีการเปิดโปงพฤติกรรมเป็นเรื่องอัปยศของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนั้น ด้วยตุลาการกันเอง
และวันนี้ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๘ แพทองธาร ชินวัตร-ลูก อ้าง “บกพร่องโดยขาดประสบการณ์”
ถ้าศาลฯ มีคำวินิจฉัยออกมาด้วยมติแบบ “ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย” อีกละก็
ที่ว่า “ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม” นั้น “มันจะไม่เหมือนเดิม” จริงๆ…ให้ดิ้นตาย ไม่เชื่อ “ถามใจ” คนไทยทั้งชาติดูก็ได้
แต่ว่าครั้งนี้ ….
ไม่มีคำว่า “ประวัติศาสตร์ซ้ำร้อย” ร้อยเปอร์เซ็นต์!
เปลว สีเงิน
๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๘
