เปลว สีเงิน
“พลทหาร ธนพัฒน์ หุยวัน”
นับว่ายังโชคดี
ออกลาดตระเวนที่ช่องบก ไปเหยียบ “กับระเบิด” ที่เขมรฝังไว้เพียงข้อเท้าขาด ยังไม่ถึงกับชีวิต!
แต่ที่โชคร้ายกว่า “พลฯ ธนพัฒน์” เท่าที่เห็นตอนนี้ น่าจะเป็น “นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” รองประธานสภา คนที่ ๑ พรรคเพื่อไทย
และ “นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ”หัวหน้าพรรคเพื่อไทย!
“พลฯ ธนพัฒน์” ถูกกับระเบิดเขมร แค่ข้อเท้าขาด
แต่แพทองธารกับนายพิเชษฐ์ ถูก “กับระเบิด” รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔๔ อาการหนักหนาสาหัสถึงขั้น “สิ้นสุดสมาชิกภาพ” และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
ที่เป็นนายกฯ ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งในทันที ถ้าศาลฯ วินิจฉัยว่าผิดตามคำร้อง!
ที่ต้องหยิบมาคุย ก็เพราะมาตรา ๑๔๔ นี้ ร้ายแรงมากเทียบเท่ากับ “ระเบิดนิวเคลียร์” ตูมเดียว “ตายเรียบ” ทั้งรัฐบาล-รัฐสภา
เป็นนิวเคลียร์ “ตั้งเวลาระเบิด” ซะด้วย!
คือระบุไว้ชัดเลยว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้ ต้องมีคำวินิจฉัยออกมาภายใน ๑๕ วัน
นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ได้รับเกียรติเป็นรายแรก ศาลฯ รับเรื่องไว้เมื่อ ๑๗ ก.ค.
ฉะนั้น ๑ สิงหา. ก็จะเป็นวันที่ศาลฯจะมีคำวินิจฉัยออกมา!
ความจริงเราเคยคุยกันไปแล้ว
แต่คงจำกันไม่ได้หรอก เห็นกระชั้นเข้ามา ผมจึงสะกิดบอกเพื่อเตรียมตัว-เตรียมใจติดตามกัน
คือเรื่องที่ “นายภัณฑิล น่วมเจิม” สส.พรรคประชาชน กับพวก ยื่นคำร้องเสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔๔ วรรคสาม
กรณี “นายพิเชษฐ์” รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง (ผู้ถูกร้อง )เป็นผู้ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการ
และให้มีการเสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน ๓ โครงการ
ที่นายพิเชษฐ์มีส่วนโดยทางตรงและทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
และในกรณีที่ “สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร” มีคำขอเสนอโครงการทั้ง ๓ โครงการดังกล่าวอีกครั้ง ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๙
เป็นการเสนอของบฯ ด้วยโครงการที่มีรูปแบบเดียวกันและต่อเนื่องกับงบฯ รายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ที่นายพิเชษฐ์มีส่วนในการเสนอ การแปรญัตติ
หรือการกระทำใดๆ ที่มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงและทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๙
อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔๔ วรรคสอง หรือไม่?
เนี่ย…ก็เหลือเวลาอีกสัปดาห์เดียว ศาลฯ ก็จะมีคำวินิจฉัยเป็นปฐมฤกษ์แห่งมาตรา ๑๔๔
ดังนั้น ศาลฯ จึงกำหนดวันพิจารณาต่อเนื่องชนิดเร่งด่วน ๓ วันรวด คือตั้งแต่วันที่ ๒๑,๒๓,๒๔ กรกฎา.
เพื่อมีคำวินิจฉัยในวันที่ ๑ สิงหา.ทันใจพระเดชพระคุณทั้งหลาย!
ผลการพิจารณาวันแรก (๒๑ ก.ค.) ผ่านไป ศาลฯ เห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา
ให้หน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง จัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานตามประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด
ยื่นต่อศาลฯ ภายในพุธที่ ๒๓ ก.ค.คือวันนี้ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลฯ ต่อไป
ถ้าคู่กรณีติดใจคัดค้านหรือพยานมีความเห็นในประเด็นใด
ศาลฯ ให้แถลงขออนุญาตคัดค้านในวันไต่สวนพยานบุคคคลก่อนเริ่มการไต่สวนพยาน
จากนั้น จะอภิปรายเตรียมการไต่สวนพยานบุคคลในวันพฤหัสบดีที่ ๒๔ ก.ค.
ในวันที่ ๒๔ ก.ค.นี้ ศาลฯ อนุญาตให้เฉพาะคู่กรณี ผู้เกี่ยวข้อง และบุคคลที่ศาลฯอนุญาตเท่านั้น เข้าร่วมรับฟังการไต่สวนพยานบุคคล
และศาลฯ สั่งเด็ดขาด…..
“งดการถ่ายทอดสดทั้งภาพและเสียง” ในระหว่างการไต่สวนเนื่องจากบุคคลที่มาให้การต่อศาลรัฐธรรมนูญอยู่ในฐานะพยาน!
ฉะนั้น มหกรรมการเมืองเรื่อง “เช็กบิลกรรม”
จะมีให้เห็นตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหา.เริ่มจากคดีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน เป็นต้นไป
คดีนี้ “นายพิเชษฐ์” แต่เพียงผู้เดียว!
รายที่จะตามมาด้วยความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔๔ คือ “นายกฯแพทองธาร” และสะท้านสะเทือนรวมถึงครม., สส., สว., กรรมาธิการฯ
เรียกว่า “ล้างบาง” ทั้งฝ่ายบริหาร คือรัฐบาลและทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ คือรัฐสภา ถ้าศาลฯ วินิจฉัยว่าผิดละก็
“แผ่นดินไทยจะสูงขึ้นทันที”!
ก็ต้องท้าวความ “ฉายหนังเก่า” อีกรอบ คือที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กับคณะไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ว่า….
พบการกระทำความผิดของคณะรัฐมนตรี และกรรมาธิการงบประมาณของ สส. และ สว.
ทำความผิดในรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๔๔ ซึ่งต้องห้ามไม่ให้ไปตัดงบประมาณเกี่ยวกับเรื่องการให้เงินกู้ ที่กฎหมายมีการบังคับเอาไว้
ประเด็นแรก ปรากฏว่าได้ผ่านวาระ ๑ เข้าไปแล้ว แต่ต่อมาครม.ได้มีมติตัดงบประมาณ ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท ที่มีการให้ไปกู้ตามมาตรา ๒๘
ซึ่งเอามาใช้ในกิจกรรมและต้องชดใช้ดอกเบี้ยพร้อมเงินกู้ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่า
“ห้ามมิให้แตะต้องเงินงบประมาณดังกล่าว”
ประเด็นที่ ๒ กรรมาธิการงบประมาณฯ ก็รู้ ในการประชุมครั้งที่ ๓๘ มีการถกเถียงกันถึงมาตรา ๑๔๔
แต่ต่อมาก็ให้ผ่านงบประมาณ!?
รัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าให้ สส.และ สว.ถอดถอนงบประมาณนี้ และยังเป็นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐ ระบุไว้ว่า
แม้แต่ ครม.รู้ว่ามีการกระทำ แต่ไม่ยับยั้ง จึงให้ถอดถอน ครม.ทั้งคณะ
และเป็นครั้งแรกที่ให้อำนาจ ป.ป.ช. ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อถอดถอน ครม. สส. และ สว. หากเห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีมูล
ทั้งให้เรียกเก็บเงินทั้งหมดที่เอาไปทำเสียหายคืนแก่แผ่นดินภายใน ๒๐ ปี
เพราะเรื่องมันมี จึงมีเรื่องให้นายชาญชัยนำไปยื่นให้ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการ
ถ้าป.ป.ช.รับเรื่อง มีกรอบให้สอบสวนภายใน ๒ เดือน พบว่าผิดจริง ต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยโดยพลัน
และศาลฯก็ต้องมีคำวินิจฉัยภายใน ๑๕ วัน!
ถ้าจำไม่ผิด ราวๆ ๙ มิถุนา.ป.ป.ช.ก็รับเรื่องไปสอบสวน จะครบ ๒ เดือน ก็ราวๆ ๙ สิงหา.ที่ ป.ป.ช.ต้องส่งคดี “ล้างทำเนียบ-ล้างรัฐสภา” ด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔๔ ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ
และศาลฯ ก็จะต้องมีคำวินิจฉัยภายใน ๑๕ วัน
ประมาณคร่าวๆ ถ้าเป็นไปตามปฎิทินเวลาที่ผมว่านี้
ปลายสิงหา.ก็จะได้รู้ว่า…..
“ระเบิดนิวเคลียร์” ลงทำเนียบและรัฐสภา “ตายเรียบ” ทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติหรือไม่?
ยังไม่หมดเท่านั้น สำหรับ “บัญชีกรรม” ของนายกฯ แพทองธาร พ้นคดี มาตรา ๑๔๔ ยังมีคดีคลิปสนทนากับอังเคิลฮุนซึ่งผิดจริยธรรมร้ายแรงอยู่อีก
เมื่อ ๑ กค.ศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยมติ ๗:๒ สั่งให้เธอหยุดปฎิบัติหน้าที่นายกฯ จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย!
ศาลฯ ให้ยื่นคำชี้แจงภายใน ๑๕ วัน ก็ขอเลื่อนไปอีก ๑๕ วัน สิ้นเดือนกรกฏา.ก็จะครบ ๑๕ วันสุดท้าย
ซึ่งศาลฯ จะไม่อนุญาตให้เลื่อนอีกเป็นครั้งที่ ๓ แน่นอน
ดังนั้น ในเดือนสิงหา.มีความน่าจะเป็นที่จะมีคำวินิจฉัยคดีคนพรรคเพื่อไทยถึง ๓ คดี
คดีแรก คดีนายพิเชษฐ์ เรื่องงบโครงการที่ตัวเองมีส่วนทางตรงและทางอ้อม
คดีที่สอง คดีหัวหน้าพรรคเพื่อไทย “นายกฯแพทองธาร” ว่าด้วยคลิปสนทนาอังเคิลฮุน
และคดีที่สาม นายกฯ แพทองธารอีกนั่นแหละ คราวนี้ว่าด้วยการตัดงบประมาณต้องห้ามตามมาตรา ๑๔๔ ไปแจก!
จะว่าไป ยังมีอีกคนของพรรคเพื่อไทย ที่มีโอกาสถูก “กับระเบิด” รุ่น ป่วยทิพย์ ชั้น ๑๔ ชักแหงกๆ กระเด็น-กระดอน กระเด้งคืนคุก ในเดือนสิงหา.นี้
เขาเป็นใคร มาจากไหน ไม่มีใครรู้จัก แต่พอไมค์จ่อปาก ทุกคนร้องอ๋ออออ ไอ้ ส.ท.ร.นี่เอง!
และอ้อ…เกือบลืม ๒๒ สิงหา. ส.ท.ร.มีนัดกับ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง” ฟังคำพิพากษา คดีว่าด้วยความผิดตามมาตรา ๑๑๒!
สรุปแล้ว ในเดือนสิงหา.ที่อาจรู้ผล คุณพ่อ ๒ คดี คุณลูก ๒ คดี
ดูแล้ว “ป่วยขั้นวิกฤต” ทั้งพ่อ-ทั้งลูก
จะอยู่หรือจะหนี “ไม่มีใครว่า”
แต่อย่ามุด “ช่องหมาลอด” ก็แล้วกัน เขมรมันเจี๋ยนแน่!
เปลว สีเงิน
๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๘
