7 กรกฎาคม 2568 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานในพิธีเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นพื้นฐานครบรอบ 22 ปี พร้อมด้วยนางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ ข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษาจาก สพฐ. ในส่วนกลาง และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ เข้าร่วม ณ ลานจอดรถอาคารสามัญ 99 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบออนไลน์ Zoom Meeting และ OBEC Channel
รมว.ศธ. กล่าวตอนหนึ่งว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ถือเป็นภารกิจหลักของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และเป็นส่วนส่วนสำคัญสำคัญช่วยส่งเสริม พัฒนาคุณภาพการศึกษาของเด็กไทย ให้มีพื้นฐานการศึกษาที่ดีมีความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกายและจิตใจ มีสติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข การศึกษาของไทยจำเป็นต้องก้าวต่อไป พร้อมเผชิญกับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคต เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับระบบการศึกษาไทย ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างคนไทยให้มีความรู้และมีคุณภาพจึงต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจ จากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน ให้มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา เพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างยั่งยืน เพราะการศึกษาถือเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศ
“ตนเองถือว่าเป็นผลผลิตของ สพฐ. จบจากโรงเรียนในสังกัด สพฐ. เมื่อมีคนพูดถึงการศึกษาจึงไม่เชื่อ เพราะได้พิสูจน์ด้วยการเรียนของตนเอง ที่สามารถเรียนจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั้งในประเทศ และสอบชิงทุนไปเรียนต่อ มหาวิททยาลัยในต่างประเทศ ด้วยคะแนนที่สูงกว่านักเรียนนานาชาติ จึงเชื่อเสมอว่า “การศึกษาไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก” แต่หากถามถึงจุดที่ต้องพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ก็ต้องยอมรับว่ายังมีอยู่ ซึ่งตนเองขอฝากไปยังผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหาร สพฐ. ครู และบุคลากร ให้ช่วยกันคิดเพื่อพัฒนางานด้านการศึกษา อันดับแรกคือการลดภาระงานของครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้ครูในประเทศไทยกว่า 500,000 คนได้มีเวลาพัฒนางานของตนเอง และมุ่งสอนลูกศิษย์ให้มากยิ่งขึ้น สองคือเรื่องของสวัสดิการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อไม่ให้ครูต้องห่วงหน้าพะวงหลัง และทำหน้าที่หลักของครูให้ดีที่สุด สามคือเรื่องของวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย และหน้าที่ความเป็นพลเมือง เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ที่มาที่ไปของระบอบการปกครองของประเทศ ที่เป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเรื่องทีสี่ เรื่องของการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ และเรื่องของการพัฒนาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน หากสามารถดำเนินการปรับปรุงได้ทันในห้วงต่อไป ขอให้ สพฐ. ช่วยในเรื่องของการปรับหลักสูตรให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ สำหรับการทำงาน ขอให้เป็นในลักษณะของครอบครัวเดียวกัน มีอะไรปรึกษาหารือกันด้วยความเข้าอกเข้าใจ เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาการศึกษาของประเทศ” รมว.ศธ. ย้ำ
รมว.ศธ. กล่าว ชื่นชมผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ รวมไปถึงอดีตรัฐมนตรีที่ผ่าน ๆ มาทุกท่าน นโยบายใดที่เป็นเรื่องดีอยู่แล้ว ก็จะดำเนินการสานต่อนโยบายเหล่านั้นต่อไป ทั้งนี้ ไม่ต้องการทำงานแบบ Top-Down แต่ต้องการการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ขอฝากให้กระทรวงศึกษาธิการรับฟังความคิดเห็นของครู ผู้บริหาร และองค์กร ต่าง ๆ เช่น คณะกรรมาธิการการศึกษา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นต้น เพื่อนำมาปรับปรุงนโยบายขับเคลื่อนงานการศึกษาในระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาวต่อไป