เปลว สีเงิน
อุ๊งอิ๊งยังเป็นนายกฯอยู่นะ
เพียงแต่ศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยมติ ๗:๒ มีคำสั่งให้เธอ “หยุดปฎิบัติหน้าที่” ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฏา.๖๘ เป็นต้นไป
จนกว่าศาลฯ จะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างใด-อย่างหนึ่ง
ที่เป็นเช่นนั้น เพราะมีเหตุอันควรสงสัยว่า
“นายกฯ อุ๊งอิ๊ง”……
-“ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์”
-“มีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตาม “มาตรฐานจริยธรรม” อย่างร้ายแรง
ตามคำร้อง ๓๖ สว.ที่เข้าชื่อเสนอศาลฯ ผ่านประธานวุฒิสภา ให้พิจารณาวินิจฉัย
กรณี “คลิปเสียง” สนทนาระหว่าง “อุ๊งอิ๊ง” กับ “ฮุนเซน” นั่นแหละ
ศาลฯ ให้อุ๊งอิ๊งยื่นคำชี้แจงข้อกล่าวหาภายใน ๑๕ วัน
หลังจากนั้น ไม่น่าเกินเดือนครึ่ง น่าจะมีคำพิจารณาวินิจฉัยออกมาว่า “ความเป็นรัฐมนตรีในหน้าที่นายกฯของอุ๊งอิ๊ง” จะสิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่?
ในความเห็นผม “ไม่น่ารอด”!
เก็บข้าว-เก็บของออกจากทำเนียบฯ ไปให้หมด โอกาสได้กลับอย่างเท่ๆ ๐%
เอางบ ๕,๐๐๐ ล้านบาทที่ได้ไป ไปทำหน้าที่ “เจ้าแม่ซอฟต์ พาวเวอร์” ให้อลังสังขาราเถอะ แล้วอย่าลืม “เคลียร์บัญชี” ล่ะ จะได้ไม่ถูกไล่เช็กบิลทีหลัง!
เมื่อวาน (๑ ก.ค.๖๘) ก็น่าเห็นใจนะ พ่อขึ้นศาลอาญา คดีมาตรา ๑๑๒ ส่วนลูกขึ้นศาลรัฐธรรมนูญ คดีบอกอังเคิลฮุนว่า “แม่ทัพภาคที่ ๒ เป็นฝ่ายตรงข้ามกับเรา”
ก็น่าทึ่ง …..
ทั้งคดีพ่อและคดีลูก จะมีผลตัดสินออกมาไม่เกินเดือนสิงหา.เหมือนๆ กัน!?
เมื่อวานอีกเช่นกัน “ครม.อุ๊งอิ๊ง ๒” คลอดออกมา ต้องบอกว่าหน้าตาเป็นครม. “กุฏฐังกะละมังผุ” คัดสรรคนมาทำงานหรือคัดมาช่วยเสิร์ฟน้ำในงานศพมิทราบ
อุ๊งอิ๊งคงรู้ตัว คดี “อังเคิลฮุน” ทำนายกฯ ตกสวรรค์แน่ จึงไปนั่งควบเก้าอี้ “รัฐมนตรีวัฒนธรรม” อีกตำแหน่ง
ด้วยคิดว่า “ยังไงๆ ก็ยังได้อยู่ในครม.” ประมาณนั้น
คงไปเชื่อ “นายชูศักดิ์ ศิรินิล” รัฐมนตรีมือกฎหมายของรัฐบาลละซีท่า ที่บอกว่า
“ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ก็เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ได้ ในฐานะรมว.วัฒนธรรม” นั่นน่ะ!
“นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกฯที่ “บุญหล่นทับ” ได้ทำหน้าที่ “รักษาการนายกฯ” แทนอุ๊งอิ๊ง ต้องเป็นผู้นำรัฐมนตรีหน้าใหม่เข้าถวายสัตย์ปฎิญาน ในวันที่ ๓ ก.ค.
ต้องไตร่ตรองให้ดีนะ….
ว่าจะนำคนที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ด้วยมีเหตุอันควรสงสัยว่า
“ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์”
“มีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง”
อย่างนี้ ควรหรือไม่ ที่จะนำบุคคลเช่นนี้ กลับเข้าไปถายสัตย์ปฎิญานในตำแหน่งรัฐมนตรีวัฒนธรรมอีก?
จะนำไปเทียบเคียงกับกรณี “นายกฯ ประยุทธ์” ไม่ได้ เพราะนายกฯ ประยุทธ์ถูกสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ชั่วคราว ด้วยเหตุตามมาตรา ๑๕๘
ว่าด้วยเรื่องการนับเวลาว่าดำรงตำแหน่งเกิน ๘ ปีหรือไม่?
ซึ่งไม่ใช่ความผิดว่าด้วยความซื่อสัตย์สุจริต หรือเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง อย่างคดี นายกฯ เศรษฐา และคดีนายกฯ อุ๊งอิ๊ง ตามมาตรา ๑๗๐ วรรคหนึ่ง(๔)ประกอบมาตรา ๑๖๐(๔)และ(๕)
พลเอกประยุทธ์ซึ่งตอนนั้นควบรมว.กลาโหม
ถึงถูกสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกฯ ชั่วคราว แต่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมได้
แต่ถ้าสังเกต ระหว่างนั้น ในฐานะ รมว.กลาโหม จะไม่เข้าประชุมครม.เลย เพื่อป้องกันครหา ทั้งที่เข้าประชุมได้
ถ้านายสุริยะไม่เป็นตัวของตัวเอง อยู่ภายใต้คำสั่งคนอื่น ขืนนำอุ๊งอิ๊งเข้าถวายสัตย์ปฎิญานตนในตำแหน่งรัฐมนตรีวัฒนธรรม
ก็ต้องถูกร้องว่า “ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๐(๔) และ (๕) ว่าด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและมาตรฐานจริยธรรมอีก”
เข้าใจให้ชัดนะ อุ๊งอิ๊งนั้น ตามกฎหมายก็เป็นรัฐมนตรีคนหนึ่งในคณะรัฐมนตรี แต่มีหน้าที่ในตำแหน่งนายกฯ เท่านั้น
ศาลฯ สั่งให้รัฐมนตรี “หยุดปฎิบัติหน้าที่นายกฯ” ชั่วคราวไปแล้ว
แล้วยังจะมาเป็นรัฐมนตรีในระหว่างนี้ได้อย่างไร?
เดี๋ยวคนรักษาการนายกฯ ก็เจอข้อหาตามมาตรา ๑๖๐(๔) และ(๕) อย่างที่นายเศรษฐาเจอมาแล้ว ตอนนำทนายถุงขนมมาตั้งเป็นรัฐมนตรีนั่น จำไม่ได้หรือ?
มันก็น่าขำ ความจริง ตำแหน่ง “รักษาการนายกฯ” มันต้องเป็นนายภูมิธรรม ที่เหมือน “กระดาษทิชชู่” ประจำตระกูลชิน เช็ดได้ทั้งปาก-ทั้งก้น
แต่มันบังเอิ้ญ…บังเอิญ ได้ปรับเปลี่ยนตำแหน่งใหม่ เป็นรองนายกฯ จากควบกลาโหม ไปควบรัฐมนตรีมหาดไทย คุมกฎหมายทำ “พนันออนไลน์” บนดินได้
ก็พอดี เหมือนฟ้าจัดสรร ครม.ใหม่ ประกาศวันเดียวกับวันนายกฯ อุ๊งอิ๊งตกสวรรค์!
นายภูมิธรรมเลยพลาดร่องสวรรค์ไปนิด ยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ จึงปฎิบัติหน้าที่ยังไม่ได้ ตำแหน่ง “รักษาการนายกฯ” จึงตกเป็นของ “รองนายกฯ สุริยะ”
“รักษาการนายกฯ” มีศักดิ์-มีสิทธิ์ ทำอะไรได้บ้าง?
ก็ต้องไปดู “พรบ.ระเบียบบริหารราชการแผนดิน พ.ศ.๒๕๓๔” ในหมวด ๖ “การรักษาราชการแทน”
มาตรา ๔๑ บอกว่า…..
“ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทน
ถ้ามีรองนายกรัฐมนตรีหลายคน ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน
ถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี หรือมี แต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน
และมาตรา ๔๘ บอกว่า…..
“ให้ผู้รักษาราชการแทนตามความในพระราชบัญญัตินี้ มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งตนแทน
ในกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งใดหรือผู้รักษาราชการแทนผู้ดำรงตำแหน่งนั้นมอบหมายหรือมอบอำนาจให้ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นปฏิบัติราชการแทน
“ให้ผู้ปฏิบัติราชการแทนมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งมอบหมายหรือมอบอำนาจ”
ในกรณีที่มีกฎหมายอื่นแต่งตั้งให้ผู้ดำรงตำแหน่งใดเป็นกรรมการหรือให้มีอำนาจหน้าที่อย่างใด
ให้ผู้รักษาราชการแทนหรือผู้ปฏิบัติราชการแทนมีอำนาจหน้าที่เป็นกรรมการหรือมีอำนาจหน้าที่ “ช่นเดียวกับผู้ดำรงตำแหน่งนั้น” ในการรักษาราชการแทนหรือปฏิบัติราชการแทนด้วย แล้วแต่กรณี
ก็หมดสิ้นสงสัยทุกประการ….
อุ๊งอิ๊งตอนเป็นนายกฯ มีอำนาจหน้าที่อย่างใด ทำอะไรได้บ้าง นายสุริยะ “รักษาการนายกฯ” ก็ทำอย่างนั้นได้ทุกประการ
มี สทร.เป็นพ่อด้วย
ฟังคำสั่งสทร.ไปปฎิบัติและไปสั่งต่อด้วย!
สั่งปรับครม.ได้ สั่งยุบสภาได้ สั่งกองทัพรบ-ไม่รบได้ นั่งหัวโต๊ะคุมตำรวจได้ สั่งล้มโครงการกาสิโนคอมเพล็กซ์ได้
ทำไมจะล้มไม่ได้….
“ราหูมันต้องอมจันทร์”
ในเมื่อ “สุริยะ” เป็นใหญ่ ก็กล้าๆ อม “จันทร์ส่องหล้า” ให้ดูหน่อยปะไร เพื่อเป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของชาวคณะ “วอลเปเปอร์”!
กรกฏา. “ตระกูลชิน” จบไปฉากหนึ่ง ถึงสิงหา.-กันยา.จะเป็นฉากจบของ “สองพ่อลูก” หรือไม่ ต้องเอาก้านไม้ขัดถ่างเปลือกตารอชม
ยังอีกเรื่องที่ไปตัดงบประมาณ”ต้องห้าม”ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๔๔ ไป ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อเอาไปแจกคนละหมื่น นั้น
ป.ป.ช.รับเรื่องไว้สอบสวนแล้ว ภายใน ๖๐ วันต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย และศาลฯต้องวินิจฉัยภายใน ๑๕ วัน บรรจบในเดือนสิงหา.ตามที่คุยกันไปเมื่อวาน
ถ้าศาลฯวินิจฉัยว่าผิดตามคำร้อง “ล้างกระดานการเมือง” ไปทั้งครม.ทั้งรัฐสภา ไม่มีเหลือถึงขั้นเกิด “สุญญากาศ” ทางการเมือง
นี่ก็ว่า “ลุ้นระทึก” แล้ว
แต่เมื่อวาน “มาตรา ๑๔๔” ตามมาอีกเรื่อง นับว่าหวาดเสียวพอกัน
คือที่สส.ภัณฑิล น่วมเจิม กับคณะสส.รวม ๑๒๑ คน ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔๔ วรรคสาม
กรณี “นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” รองประธานสภาฯคนที่ ๑ ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการ
และให้มีการเสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาแทนราษฎร จำนวน ๓ โครงการ ที่นายพิเชษฐ์มีส่วนโดยทางตรงและทางอ้อมในการใช้งบประมาณปี ๖๘
และในกรณีสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีคำขอเสนอโครงการทั้ง ๓ โครงการดังกล่าวอีกครั้ง ในงบประมาณ ปี ๖๙
เป็นการเสนอของบประมาณด้วยโครงการรูปแบบเดียวกันกับงบประมาณ ปี ๖๘ ที่นายพิเชษฐ์มีส่วนในการเสนอ การแปรญัตติ ที่มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงและทางอ้อม ในการใช้งบปี ๖๙ เป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๔๔
มาตะเภาเดียวกันเป๊ะ!
ศาลฯ พิจารณาแล้ว ยังไม่บอกว่าจะรับไว้พิจารณาหรือไม่รับ แต่ให้มีหนังสือแจ้งให้ประธานสภาผู้แทนฯตรวจสอบลายมือชื่อผู้ร้อง
และให้จัดส่งเอกสารหลักฐานตามที่ศาลฯกำหนด โดยยื่นต่อศาลฯภายใน ๗ วัน
เรื่องนี้ ดูท่า “เส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย” อีกเหมือนกัน!
เอาละ พอเข้าใจและพอมองเห็นอนาคต “รัฐบาลและคนตระกูลชิน” ลางๆ แล้วใช้มั้ย ว่า….
โอกาส “ไปทั้งคอก” มีสูงมาก!
เปลว สีเงิน
๒ กรกฏาคม ๒๕๖๘
