เปลว สีเงิน
วันนี้…..
ประเทศไทย ยังคงบริหารด้วย “รัฐบาลเพื่อไทย” ที่ขาด “พรรคภูมิใจไทย” ไปพรรคเดียว เพราะไม่ประสงค์จะอยู่ร่วมกับ “นายกฯไทย-หัวใจเขมร”
นอกนั้น “อยู่ครบ” ทุกพรรค!
อยู่ด้วยภาคภูมิใจที่ผู้นำของเขาชื่อ “นส.แพทองธาร-หลานฮุนเซน”
บางคนสงสัย ในขณะที่ประชาชนเกือบทั้งประเทศ โกรธ ไม่พอใจ นายกฯ แพทองธาร ที่ขายกองทัพ-ขายความลับทางทหารให้ฮุนเซน สร้างความเสื่อมเสียเกียรติภูมิของชาติมาก
พากันขับไล่ให้ “นายกฯลาออกไป”
แต่ทางกองทัพไทย กลับมีปฎิกริยาตอบสนองเหมือนเป็น “กองทัพธรรม” ที่ใกล้บรรลุอรหันต์ ต่างพากันวางเฉย?
คำถามจึงมีว่า ตกลงกองทัพวันนี้ เป็นกองทัพพิทักษ์รักษาชาติ หรือเป็นกองทัพพิทักษ์ “รัฐบาลตระกูลชิน” กันแน่?
มีคนจำนวนหนึ่ง “ข้องใจ-สงสัย” ในประเด็นนี้อยู่พอสมควร ฉะนั้น วันนี้ เราจะคุยกันในประเด็นนี้
“ดูเรา” แล้วต้อง “ดูเขา” ด้วย
“เขา” ในที่นี้ คือทางรัฐบาลเขมรที่มีนาย “ฮุนมาเนต” ลูกฮุนเซนเป็นนายกฯ
เมื่อมีข้อพิพาทระหว่างประเทศ ว่าด้วยเรื่องชายแดน ที่ฝ่ายเขมร ทึกทักว่า ปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย รวมถึงพื้นที่ช่องบก ด้านอุบลราชธานี ว่าเป็นของเขา
ฝ่ายเขมรก็ใช้แผนเดิม ค่อยๆ รุกพื้นที่เข้ามาทีละเล็ก-ละน้อย ขุดคูเลตทางยุทธการ เมื่อฝ่ายไทยผลักดันออกไป เขมรสร้างเหตุปะทะ
ก็ได้ปะทะพอหอมปาก-หอมคอ แล้วก็ถอยออกจากดินแดนไทย จากนั้น เขมรก็จุดประเด็น-สร้างธีมว่า “ไทยผู้รุกราน” ในการปลุกระดม ในการแถลงข่าว ในการฟ้องโลก
ถ้าสังเกต เราจะเห็นชัด …..
ในการโพสต์ ในการออกแถลงการณ์ของสองพ่อลูกเขมร จะในนามรัฐบาลหรือในนามกองทัพจะต้องมีวลี “ไทยรุกราน” ทุกครั้ง
และจะเห็น ฝ่ายเขมร สร้างเหตุ แล้วรีบชิงฟ้องโลก วางตัวเป็นโจทย์ โดยตะโกนว่า “เขมรถูกไทยรุกราน”
ผลักไทยให้เป็นจำเลย ในฐานะ “ผู้รุกราน” ประมาณนั้น
เห็นได้จากไทยแค่พูดถึงมาตรการ “เปิด-ปิด” ด่าน ยังไม่ทันได้มีการปิด ฝ่ายเขมรออกข่าวโวยวายทันทีว่า “ไทยปิดด่าน” แล้ว
มาตการ “ตัดไฟ-ตัดเน็ต”
ยังไม่มีการตัดแต่อย่างใด เขมรชิงตัดเอง แล้วโพนทนาว่าไทยตัด
เรื่องน้ำมัน ไทยยังคงส่งขายให้เขมรตามปกติ แต่ฮุนมาเนตออกข่าว “เขมรไม่ซื้อน้ำมันจากไทย”
จะเห็นว่า ฝ่ายเขมรใช้วิธี “ยุทธการข่าวบิดเบือน” สร้างภาพให้ไทยเป็นผู้รังแกเขา-รุกรานเขา ส่วนเขาเป็นผู้ถูกกระทำตลอด
อย่างเมื่อวาน (๒๓ มิ.ย.) นายฮุนมาเนต ไปปราศรัยปิดการประชุมเยาวชนเขมร
ฮุนมาเนตปลุกระดมเยาวชนเขมรให้โกรธแค้นไทย โดยบอกว่า “ไทยรุกรานเขมร” และปลุกเร้าให้ต่อต้าน
เช่น….ประเทศไทยพยายามใช้การเคลื่อนไหวชาตินิยมสร้างความขัดแย้งกับกัมพูชา ใช้มาตรการทางเศรษฐกิจกดดันกัมพูชา และใช้กำลังทหารรุกรานกัมพูชา
“กัมพูชาพยายามอดทนต่อการรุกรานของไทย เพราะไม่ต้องการเห็นปัญหาเกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ”
“กัมพูชาเป็นประเทศที่อ่อนโยน แต่ต้องตอบโต้เพื่อปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของกัมพูชา
การตอบโต้ของกัมพูชาเปรียบเสมือนงู อยู่เงียบๆ แต่เมื่อถูกรบกวนก็จะกัดและฆ่าได้ในคราวเดียว
“พรมแดนกัมพูชาที่ปิดอยู่นั้นจะปิดถาวร หากต้องการเปิด ก็ต้องเปิดพร้อมกันทั้งหมด”
ก็จะเห็นว่า “เงื่อนไข้เดียว” ของเขมร ที่จะสลายทุกปัญหา-ทุกความขัดแย้งกับไทยได้ คือ ไทยต้อง “เปิดด่านถาวร”
ฝ่ายแม่ทัพภาคที่ ๒ “พล.ท.บุญสิน พาดกลาง” จับจุดได้ว่า “กล่องดวงใจเขมร” อยู่ที่การ “เปิด-ปิดด่าน” นี่เอง!
“ด่าน” คือประตูเงิน-ประตูทอง ของเขมร โดยเฉพาะของ “ตระกูลฮุน” เพราะแต่ละด่าน มีกาสิโนรองรับขาพนันจากไทย
เมื่อไทยปิด บ่อนลูกค้าหาย รายได้หด สองพ่อลูกเขมรจึงโกรธถึงขนดหางสั่น!
พอดีกับมีข่าวออกโลก เขมรเป็นแหล่งอาญากรรมข้ามชาติทางไซเบอร์ ทั้งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ค้ามนุษย์ ฟอกเงิน ยาเสพติด
สอดคล้องกับมาตรการ “ปิดด่าน-ตัดไฟ-ตัดเน็ต” เพราะสะเทือนถึงฐานธุรกิจสีเทาปีละเป็นแสนๆ ล้านของเครือข่ายตระกูลฮุนทันที รัฐบาลสองพ่อลูกเขมรจึงโกรธมาก
เรื่องอย่างนี้ รัฐบาลที่มุ่งแต่แจกเงิน, เปิดบ่อน ไม่สนหรอกเพราะตระกูลฮุนกับตระกูลชิน “คนกันเอง”
ดังนั้น เราจึงเห็นแต่แรก ที่แม่ทัพภาค ที่ ๒ เสนอมาตรการปิดด่าน กดดันให้เขมรถอยกลับไปและกลบคูเลตคืนสภาพเดิม
รัฐมนตรี กห.ไม่ยอมให้ปิด
แต่แม่ทัพสั่ง “ปิด-เปิด” เป็นเวลา เท่านั้นแหละ เขมรเหมือนถูกขยี้กล่องดวงใจที่ซ่อนไว้ตรงด่าน!
รัฐบาลแพทองธาร-หลานฮุนเซน จะเอาแม่ทัพบุญสินตาย มีข่าวแพร่สะพัด ถึงขั้นจะย้ายแม่ทัพ ถึงขนาดนั้น
เห็นมั้ย ยุทธศาสตร์การศึกของเขมร เขาสร้างข่าวผลักไทยเป็นผู้ร้าย เป็นผู้รุกราน ทั้งที่เขมรนั่นแหละรุกรานเข้ามา หน้าด้านทึกทักเอา ๓ ปราสาทที่สุรินทร์
ก็จะเห็นว่า เขมรนั้น ประชาชนไม่มีอยู่ในสมการประเทศ
รัฐบาล, กองทัพ, ประเทศ เป็นของฮุนเซน เพื่อฮุนเซน โดยฮุนเซน
เพราะอย่างนั้น ฮุนเซนถึงได้แดกอุ๊งอิ๊งว่า “เป็นรัฐบาลแต่คุมกองทัพไม่ได้เหมือนเขา”!
จากคลิปนายกฯ ไทย “ขายกองทัพ” ให้เขมร ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศและนักวิเคราะห์ข่าวทั่วโลก ลงความเห็นว่า “นายกฯต้องลาออก”
แต่แพทองธาร-หลานฮุนเซน ไม่ยอมออก!
เมื่อไม่ออก ใครล่ะจะทำให้ออกได้ แล้วทุกคนก็เบนสายตาไปที่ทหาร พูดง่ายๆ อยากให้ทหารทำรัฐประหาร ก่อนที่นายกฯ ไทย-ใจเขมร จะทำให้ประเทศตกต่ำไปมากกว่านี้
ทหาร “ไม่ทำ” รัฐประหาร ให้เกิดปัญหาซ้อนเข้ามาในปัญหา
แต่ทหารทำ “รัฐาภิบาล”
ไม่ยึดอำนาจรัฐบาล แต่ทำหน้าที่ควบคุมทิศทางข้อพิพาทชายแดนระหว่างไทย-เขมร เสนอแนะแนวทางปฎิบัติต่อรัฐบาล
ฉะนั้น ถ้าสังเกต แต่ก่อนๆ อุ๊งอิ๊งแถลงข่าว จะมีรัฐมนตรีเป็นวอลเปเปอร์ นับแต่มีกรณี “คลิปลับฮุนเซน” ก็จะเห็นว่า
ด้านหลังวอลเปเปอร์ จะเรียงแถวด้วย ผบ.ทบ. ผบ.ทอ. ผบ.ทร. ผบ.สส. ผบ.ตร.
ไม่ได้มาทำหน้าที่วอลเปเปอร์ แต่มายืมปากคนในตำแหน่งนายกฯ ให้พูดตามข้อเสนอแนะของผบ.เหล่าทัพ และยืนกำกับกันผิดพลาด
ธีมของเขมร เขาวางตำแหน่งไทยเป็นผู้รุกราน ฟ้องโลก
ธีมของไทย ยุคทหาร “รัฐาภิบาล” วางตำแหน่งเขมรเป็นประเทศ “ศูนย์กลางอาชญากรรมทางไซเบอร์” ที่ต้องปราบปราม!
เมื่อวาน (๒๓ มิ.ย.๖๘) เราจึงเห็นข่าวนี้
ผมขี้เกียจเขียนเอง อาศัยที่คุณ “Wassana Nanuam” โพสต์ไว้มาให้อ่านทั้งดุ้นเลยดีกว่า
…………………………………………….
- Wassana Nanuam
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
“นายกฯ อิ๊งค์” ดาบ2 !!
เล็ง ล้าง อาชญากรรมข้ามชาติ ในกัมพูชา
ยกข้อมูล UNDC ชี้ เป็น Scamtopia
เตรียม ห้ามนักท่องเที่ยวไปเล่นพนัน
คุมเส้นทางบิน ตัดเน็ตใต้น้ำ-คว่ำบาตรฟอกเงิน-ไม่ส่งออกน้ำมันและไฟฟ้า 3 เดือนเห็นผล
สั่ง ตัดอินเทอร์เน็ต ที่ส่งให้หน่วยงานมั่นคง กัมพูชาทั้งหมด
เข้ม การเข้า-ออก จำกัดเวลาเปิดด่านชายแดนกัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด
สกัดบินเล่นพนัน เสียมราฐ
จ่อระงับส่งออกน้ำมัน ด้าน ทหาร ตำรวจ จับมือ ปปง.คว่ำบาตรขบวนการฟอกเงินข้ามประเทศ
”ผบ.ทหารสูงสุด-ผอ.ศอ.ปชด.” จับมือ ตำรวจ รับลูก ปราบ สแกมเมอร์, คอลเซ็นเตอร์, ค้ามนุษย์, ฟอกเงิน, ยาเสพติด
ตามนโยบาย Seal-Stop-Safe เฟสแรก ใน 3 เดือน
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล
นายภูมิธรรมเวชยชัย รองนายกฯ และ รมว. กลาโหม พลเอกณัฐพล นาคพานิชย์ รมช. กลาโหม
โดยมีฝ่ายความมั่นคง นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด / ผอ.ศอ.ปชด.พลเอกธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก ร่วมประชุม
พร้อมด้วย รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รมว.การต่างประเทศ รมช.มหาดไทย ปลัดกระทรวงมหาดไทยและ จเรตำรวจแห่งชาติ
พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด/ผอ.ศอปชด. กล่าวว่า
“ตามมาตรการ Seal Stop Safe ต้องลาดตระเวนตามจุดช่องทางธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีปัญหาชายแดนซึ่ง ปัญหาที่ใหญ่ การจัดการในการป้องกันประเทศจะต้องมีกำลังที่สอดคล้องกับปัญหาที่เพิ่มมากขึ้น”
นอกจากนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขอให้บูรณาการการทำงานตามแนวชายแดน
ซึ่งทุกวันนี้ กองกำลังป้องกันประเทศมีการบูรณาการในหน่วยความมั่นคง ทั้งทหารและตำรวจตามแนวชายแดน
ส่วนที่เป็นของข้าราชการพลเรือน จะมีศูนย์สำคัญจังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ปฏิบัติราชการ
เพราะฉะนั้น 2 เรื่องนี้จะต้องส่งผ่านข้อมูลกันทุกวันในการแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดน
นอกจากนี้. ยังมีการสนับสนุนแนวของ คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) และคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) เพื่อช่วยกันในการปราบปรามอาชญากรรมที่เป็นปัญหาของโลก
ส่วนจะต้องมีการปรับอะไรเป็นกรณีพิเศษหรือไม่ พล.อ.ทรงวิทย์ กล่าวว่า
“ต้องหาว่าช่องทางธรรมชาติมีจุดใดบ้าง หากดูจากข่าว 2-3 วันที่ผ่านมา มีการจับกุมผู้ที่ข้ามทางช่องทางธรรมชาติได้มากขึ้น และมีการวางสิ่งกีดขวางมากยิ่งขึ้น
ซึ่งต้องสนับสนุนซึ่งกันและกันระหว่างเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและเจ้าหน้าที่ทหารตามแนวชายแดน”
#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
……………………………………………
นี่คือคำตอบ “กองทัพพิทักษ์ชาติ” หรือพิทักษ์ “รัฐบาลตระกูลชิน”!
มันเป็นรูปแบบและวิธีการหนึ่งที่กองทัพ “ควบคุมแนวทาง” แทนการ “ควบคุมอำนาจ” รัฐบาล ในด้านความมั่นคงเฉพาะกิจ
ไม่ก้าวก่ายเข้าไปควบคุมด้านอื่นๆ ให้เกิดเป็นเงื่อนไขทางการเมืองประชาธิปไตยว่า “กองทัพทำรัฐประหารรัฐบาลเลือกตั้ง”!
จากเป็นฝ่ายตั้งรับเขมรด้านการข่าว กลับมาเป็นฝ่ายรุกด้วยเรื่อง “อาชญากรรมทางไซเบอร์” นี้
ฝีมือและมันสมองกองทัพ….
ลำพัง “รัฐบาลไทย-ใจเขมร” คิดไปไม่ถึงหรอก!
คำถามที่ตามมาจากนี้ แล้วกองทัพมีความเห็นอย่างไรต่อพฤติกรรมนายกฯ ตามที่ฮุนเซนแฉจนฉาวโลก?
กองทัพเขาไม่ตอบหรอก กองโจรอย่างผมตอบแทนเองละกัน
เรื่องประเทศชาติ เป็นหน้าที่กองทัพ
เรื่อง “นายกฯไทย-ใจเขมร” เป็นหน้าที่ประชาชนรักชาติ
๒๘ มิถุนา.ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ให้มันอาย แล้วลาออก!
เปลว สีเงิน
๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๘
