ผักกาดหอม
คนละหมัดจากมวยคนละรุ่น…
แต่น้ำหนักหมัดพอฟัดพอเหวี่ยง
เรื่องที่ “ทักษิณ ชินวัตร” จะยึดเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่พูดลอยๆ แต่พูดแล้วหวังผล
เพราะเรื่องแบบนี้ และการพูดทำนองนี้ จะพูดลอยๆ มิได้
แล้ว “ทักษิณ” คิดอะไรอยู่?
อาจวางแผนเก้าชั้นเพื่อยืดอายุรัฐบาล รักษาคะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยก็ได้
หรืออาจเป็นเพราะหนูติดจั่นเลยพูดแบบไม่คิดก็เป็นไปได้
แต่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด รอยร้าวในรัฐบาลที่ปริมาแล้วพักใหญ่ วันนี้แผลฉีกกว้างกว่าเดิม
การอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ วาระแรก ที่เพิ่งจบไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นอีกครั้งที่ไม่มีใครสนใจเนื้อหาของงบประมาณ เพราะปัญหารอยร้าวในรัฐบาลแย่งซีน
“ไชยชนก ชิดชอบ” สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ชื่อนี้คงจำกันได้ ลูกชายเนวิน ชิดชอบ ทิ้งบอมบ์รอบสอง
ดุเดือดราวกับเป็น สส.พรรคฝ่ายค้าน
“…หลังจากที่ผมอภิปรายรอบที่แล้ว ท่านอนุทิน สละเวลาคุยกับผมด้วยความรักและเมตตา ด้วยใจที่เปิดกว้างและฟังข้อมูลที่ผมพูด
วันนั้นไม่เข้าใจสิ่งที่นักการเมืองเจนวายนำเสนอทั้งหมด แต่เล็งเห็นความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นรวมถึงผลกระทบที่ตกไปยังประชาชนไทยถ้วนหน้า…”
“…ผมฝากกำลังใจไปยังท่านนายกฯ ในฐานะนักการเมืองเจนวายว่า ด้วยความเห็นใจ เพราะผมเป็นคนที่ทั้งสังคม สส. ครอบครัวเข้าใจผิดหลายรอบ ผมเห็นใจที่วันนี้ สังคมหลายส่วนผูกการอยู่ในตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบสูงสุดในประเทศของนายกฯ และครอบครัว ไปกับภัยพิบัติ
เหรียญมีสองด้านเสมอ และท่านเลือกทางเดินเองเสมอ สิ่งที่ผมเห็นไม่ใช่หายนะ แต่คือโชคชะตา
เมื่อช่วงเกิดสึนามิ สมัยรัฐบาลท่านทักษิณ ได้ตระหนักถึงงบส่วนกลางที่ต้องมากขึ้น ทำให้ภายใต้การบริหารประเทศของท่านยิ่งลักษณ์ มีงบกลางมาก เยียวยาช่วยเหลือประชาชนจากภัยน้ำท่วม
และได้บทเรียน ว่าการไม่ใช้ก่อน แต่ใช้หลัง ประชาชนจะสูญเสีย สถานการณ์ที่เห็นคือ ประวัติศาสตร์ที่ถูกเขียนเป็นวีรสตรีไทย อยู่ที่ว่าจะเลือกทางไหน
ไม่ว่าเลือกทางไหน ผมและ สส.ภูมิใจไทย และท่านอนุทินพูดด้วยความภาคภูมิใจ เราทำทุกสิ่งทุกอย่างภายใต้อำนาจหน้าที่รับผิดชอบ เพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไทยและทำต่อไป คำถามเดียวที่จะฝากไปคือ พวกเราทำแล้ว พวกท่านทำแล้วหรือยัง…”
ชนวนเหตุคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากคำพูดของ “ทักษิณ” ที่มีก่อนหน้า ๑ วัน
“…วันนี้มันไม่ค่อยถึง เพราะว่ากระทรวงมหาดไทย ยังไม่ค่อยทำเต็มที่ เวลามันเหลือ ๒ ปีแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่มหาดไทยต้องทำงานให้เต็มที่…”
“…ถ้าอยากทำงานให้ได้ผล พรรคเพื่อไทยต้องตัดสินใจเพื่อให้นโยบายถึงประชาชนจริงๆ ก็ต้องให้กระทรวงมหาดไทย อยู่ในความดูแลของพรรคเพื่อไทย นี่คือหลักการ…”
แลกคนละหมัด!
การประกาศคัดค้านกาสิโนกลางสภาของ “ไชยชนก ชิดชอบ” ก่อนหน้านี้ ถูกมองว่าผิดคิวหรือเปล่า เพราะแกนนำพรรคภูมิใจไทยคนอื่นๆ โดยเฉพาะ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ไม่ติดใจ โดยอ้างว่ามีการแก้ไขร่างกฎหมายกาสิโนแล้ว
มาครั้งนี้เป็นการนั่งยัน นอนยันว่า ถล่มตามคิว!
ไม่มีผิดคิวซ้ำสองครับ
โดยเฉพาะการผิดคิวที่สร้างแรงกระเพื่อมให้แก่รัฐบาล
เพราะ “ทักษิณ” มีจุดอ่อน ทำให้การเคลื่อนไหวของลูกชายเนวินแต่ละครั้ง ดูไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
ครั้งนี้ก็เช่นกัน ชน “ทักษิณ” เต็มๆ
ทำนองกูไม่กลัวมึง
“ทักษิณ” วันนี้เหมือนชายแก่ขี้โรค แต่พยายามฝืนสังขาร ลุกขึ้นมาเขียนเสือให้วัวกลัว
สภาพของ “ทักษิณ” คือ ผู้ป่วยวิกฤตห่างหมอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียวของแท้
สารพัดโรคครับ
โรคชั้น ๑๔
โรค ๑๑๒
เป็นตายเท่ากันทั้งนั้น
ทันทีที่รัฐบาลแพทองธารพัง “ทักษิณ” ความดันตก ติดเชื้อในกระแสเลือด สุดท้ายหาชีพจรไม่เจอ แต่ทำไมถึงยังหาญกล้า ถีบส่งพรรคภูมิใจไทย เพื่อพังรัฐบาลในเร็ววัน
ใช่ครับมันดูย้อนแย้งกันอย่างสิ้นเชิง
“ทักษิณ” กำลังคิดอะไรอยู่
ครับ…มองตามหน้าเสื่อ “ทักษิณ” อาจเกิดอุปาทานหลอนตัวเอง ยังคิดว่ามีอำนาจอยู่ในมือจนล้น สามารถชี้เป็นชี้ตายใครก็ได้
อันตรายครับ!
มันเหมือนรัฐบาลถูกครอบงำโดยชายวิกลจริต ชี้แต่เรื่องผิดๆ ให้รัฐบาลเดินตาม ซึ่งมีเค้าครับ
เพราะเมื่อมองจากนโยบายรัฐบาลเพื่อไทยตั้งแต่ ยุคเศรษฐา ถึงยุคแพทองธาร ล้วนเกิดหายนะเพราะการชี้นำโดย “ทักษิณ” ทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่ต้องกู้กันมโหฬารจนสร้างภาระทางงบประมาณ สุดท้ายดิจิทัลวอลเล็ต ไม่มีจริง
ไม่มีพายุหมุน
มีแค่การแจกเงินตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
รัฐบาลรู้ตัวอีกทีเศรษฐกิจโลกก็ถาโถมเข้าใส่ ทำอย่างอื่นไม่ได้นอกจากกู้เพิ่ม
นโยบายกาสิโน นี่ก็ความคิด “ทักษิณ” ต้องการฟอกเงินสกปรกให้เป็นเงินสะอาด
“ทักษิณ” ชี้ทิศทางให้รัฐบาลผิดมาตั้งแต่แรก ฉะนั้นเป็นการยากครับ ที่รัฐบาลแพทองธารจะกลับเข้ารูปเข้ารอย ตราบที่ “ทักษิณ” ยังสามารถครอบงำได้อยู่
หากสมการการเมืองวันนี้ไม่มี “ทักษิณ” ไม่แน่ว่า ความขัดแย้งที่ต่อเนื่องยาวนานอาจจบลงแบบดื้อๆ ก็ได้
เดิมทีการเมืองสีส้มดูจะร้อนแรง
จนหวั่นเกรงกันว่าประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม
นานวันเข้า มิได้เป็นเช่นนั้น เพราะสังคมเริ่มรู้เท่าทัน
บวกกับการเมืองสีส้ม เริ่มปรับตัวไปในทิศทางที่สร้างความกระอักกระอ่วนให้บรรดาส้มฮาร์ดคอร์ที่หนีคดีไปต่างประเทศ
แต่กลายเป็นว่า ความขัดแย้งรอบใหม่ที่เริ่มก่อตัวอยู่นี้ กลับมีต้นตอมาจาก “ทักษิณ” อีกครั้งหนึ่ง เหมือนแผ่นเสียงตกร่อง
ครับ…เป็นอีกครั้งที่สามารถสรุปได้ว่าปัญหาของประเทศไทยคือ “ทักษิณ”
แต่ปัญหาคือคราวนี้ “ทักษิณ” เหมือนผู้ป่วยวิกฤต เสียจริต คิดว่าตัวเองมีอำนาจล้นฟ้า
นี่คือคนที่กำลังครอบงำรัฐบาล
พรรคภูมิใจไทยก็น่าจะมองออก
