กรมการปกครองยุคใหม่ สนองนโยบาย “อนุทิน” จัดระเบียบสังคม นำกำลัง “พนักงานฝ่ายปกครอง” ขอหมายศาลเข้าตรวจสอบอินฟลูเอนเซอร์คนดังลักลอบแนะนำและขายอุปกรณ์ตกแต่งอาวุธปืนโจ่งแจ้งในโลกออนไลน์ถึง 3 แห่ง ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ และเมืองมหาชัย
29 พฤษภาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย มอบหมายให้ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง สั่งการให้นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง พร้อมด้วย นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ และนายอิสรา เจริญชาศรี ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน นำกำลังพนักงานฝ่ายปกครองและสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน และกองการสื่อการ กรมการปกครอง เข้าตรวจสอบสถานที่ที่มีพฤติการณ์เปิดเป็นร้านจำหน่ายชิ้นส่วนอาวุธปืน และซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดสมุทรสาคร
ตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้มอบนโยบายในการจัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้มีอิทธิพล เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 68 ที่ผ่านมา ได้กำชับให้กรมการปกครอง มุ่งมั่นปราบปรามผู้ลักลอบกระทำความผิดกฎหมายโดยไม่มีละเว้น พร้อมเน้นย้ำให้ทำหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ เพื่อสร้างความผาสุกในสังคม สร้างความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชน เพื่อบังเกิดความร่วมมือในการทำให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งความปลอดภัย และนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กำชับในเรื่องการให้ความสำคัญกับเรื่องการข่าว โต๊ะข่าว และการสืบสวนจากการจับกุมผู้กระทำความผิดเพื่อขยายผลเอาผิดกับขบวนการหรือผู้เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 68 ที่ผ่านมา กรมการปกครองได้เข้าจับกุม “โจ๋หัวใสรับออเดอร์ปืนเถื่อนมาขายผ่านสื่อออนไลน์” ที่ฮิตกันในหมู่เด็กช่าง สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนไปแล้วครั้งหนึ่ง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง จึงได้มอบหมายให้พนักงานฝ่ายปกครองทำการขยายผลสอดส่องเฝ้าสังเกตพฤติการณ์การใช้อาวุธปืนในกลุ่มผู้ที่สนใจอยู่อย่างต่อเนื่อง จนพบว่า มีอินฟลูเอนเซอร์ จำนวน 3 ราย ซึ่งมีผู้ติดตามมากถึงหลายแสนคน ได้มีการเปิดให้บริการตกแต่งซ่อมแซมอาวุธปืน โดยไม่มีใบอนุญาตจากนายทะเบียน และมักมีการลงคลิปเกี่ยวกับการแนะนำอาวุธปืนและการเปลี่ยนลักษณะอาวุธปืนหลายชนิด เปิดให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ และยังมีหน้าร้านค้าที่จำหน่ายชิ้นส่วน สินค้าของอาวุธปืนที่นำไปประกอบเป็นอาวุธปืนได้
ทีมสืบสวนฯ จึงได้ทำการติดต่อไปยัง อินฟลูเอ็นเซอร์ 3 รายดังกล่าว โดยทำทีว่าจะเข้าไปซื้อชิ้นส่วนอาวุธปืนและเปลี่ยนลักษณะอาวุธปืน โดยใช้แอปพลิเคชัน LINE ติดต่อพูดคุยตรวจสอบ จนเป็นที่แน่ชัดว่า เป็นร้านไม่มีใบอนุญาตให้ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน (ใบ ป.5) จึงนำมาสู่การขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญา และศาลจังหวัดสมุทรสาคร โดยมีพื้นที่เป้าหมายอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร 2 แห่ง และ จังหวัดสมุทรสาคร 1 แห่ง ได้แก่
1. ร้านปืนชื่อดังย่านหัวหมาก อยู่ในโครงการ Kurve7 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม.
2. ร้านปืนในละแวกชุมชนคนขายปืน ซอยสามยอด แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กทม.
3. ร้านปืนเจ้าใหญ่ในพื้นที่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
ซึ่งจากการเข้าทำการตรวจสอบทั้ง 3 แห่ง ในครั้งนี้ พบชุดลั่นไก เข็มแทงชนวน อะไหล่อาวุธปืน และอุปกรณ์ตกแต่งปืนจำนวนมาก เจ้าของร้านไม่สามารถแสดงใบอนุญาตให้ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ปืน (ใบ ป.5) ได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา
1) “จำหน่ายอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 – 20 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000 – 40,000 บาท
2) “ทำ ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ มีหรือจำหน่ายอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 – 20 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000 – 40,000 บาท
3) “มีส่วนหนึ่งส่วนใดของอาวุธปืนตามที่กำหนดในกฎกระทรวงไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท
นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า ชิ้นส่วนอาวุธปืน แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เมื่อนำไปประกอบกันก็สามารถเป็นปืนที่ใช้งานได้ ซึ่งเมื่อปืนหนึ่งกระบอกอาจตกไปอยู่ในมือของคนผิด นั่นหมายถึงชีวิตของคนบริสุทธิ์อีกจำนวนมากอยู่ในความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กและเยาวชน ที่หากเห็นตัวอย่างที่ไม่ดี ก็จะทำให้เกิดพฤติกรรมลอกเลียนแบบ
และในปัจจุบัน ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสาร อินฟลูเอ็นเซอร์ จึงถือเป็นผู้ที่มีบทบาทในการชักจูงให้เด็กและเยาวชนให้ความสนใจ เชื่อถือและปฏิบัติตาม ดังนั้น กรมการปกครองจะไม่ปล่อยให้มีอินฟลูเอ็นเซอร์ที่ทำให้สังคมเกิดความไม่สงบสุข ทำให้บ้านเมืองไม่ปลอดภัย เพราะการที่มีร้านค้าเหล่านี้ ที่มีการทำให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งผ่านโลกออนไลน์โดยไม่มีการควบคุมตามกฎหมาย เท่ากับเปิดช่องให้ความรุนแรงเกิดขึ้นในสังคมได้ทุกเมื่อ
จึงขอเตือนไปยังผู้ที่กระทำการในลักษณะนี้ ให้หยุดการกระทำนั้นเสีย แต่หากยังทำผิดต่อไป “กรมการปกครอง” จะเร่งติดตามและจับกุม เพื่อให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งความปลอดภัย โดยพี่น้องประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสเว็บไซต์หรืออินฟลูเอ็นเซอร์ที่มีลักษณะดังกล่าวได้ทางสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 หรือที่สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง วังไชยา หรือที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง