ผักกาดหอม
ไม่พูด ไม่แสดงความเห็นเสียยังดีกว่า…
วานนี้ (๑๑ เมษายน) “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ความหวังของคนรักลุงตู่ พูดถึงร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ฟังแล้ว ถึงกับสะอึก!
“…อะไรที่ไม่ผิดกฎหมายเราก็ไม่มีปัญหา…”
“…เราเป็นพรรคร่วม และมีประเด็นที่เราเคยให้ปรับปรุง เขาก็ปรับปรุง และเมื่อปรับปรุงแล้วก็พอรับได้…”
แสดงว่า หากร่าง พ.ร.บ.กาสิโน วนกลับเข้ามาพิจารณาในสภาฯ พรรครวมไทยสร้างชาติก็จะสนับสนุน เพราะไม่ผิดกฎหมาย
ก็แหงสิครับ!
ก็รัฐบาลกำลังทำสิ่งผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมาย
ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลควรทำอะไรบ้างกับร่างกฎหมายที่ท้าทายจริยธรรมของสังคม ซึ่งคิดโดย “ทักษิณ ชินวัตร”
เอาด้วยหมดขอให้ถูกกฎหมาย โดยไม่สนใจผลกระทบที่จะเกิดกับสังคมอย่างนั้นหรือ
เท่าที่รู้การปรับปรุงร่างกฎหมายกาสิโนไม่ได้ปรับปรุงให้รัดกุมขึ้น
แต่ปรับปรุงให้แย่ลง
ยกตัวอย่าง ร่างกฎหมายที่ผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกา กำหนดผู้เข้าเล่นต้องมีเงินฝากในบัญชี ๕๐ ล้านบาท
แต่รัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เตรียมชำแหละตั้งแต่วันแรกที่ร่างกฎหมายจากกฤษฎีกาถึงมือคณะรัฐมนตรี หั่น ๕๐ ล้านบาททิ้ง เก็บค่าเข้า ๕ พันบาทก็พอแล้ว
เพราะคนไทยมีเงิน ๕๐ ล้านบาทในบัญชีประมาณ ๑ หมื่นบัญชีเท่านั้น
ในหนึ่งหมื่นจะเข้ากาสิโนกี่คน
ขืนกำหนดแบบนี้รายได้จากกาสิโนไม่เข้าเป้าแน่นอน
นั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อร่าง พ.ร.บ.กาสิโนเข้าสู่สภา
ฉะนั้นถ้าบอกว่า แก้ไขปรับปรุงแล้วพอรับได้ จึงไม่ใช่เหตุผลที่้แท้จริงของการเห็นด้วยกับ พ.ร.บ.กาสิโน
แต่มีเหตุผลอื่น!
อย่าลืมนะครับว่า รัฐบาลโดยพรรคเพื่อไทย เตรียมจะออกกฎหมายพนันออนไลน์ตามมาด้วย จะออกมารองรับกาสิโนออนไลน์หรือไม่ คนในรัฐบาลรู้ดี จึงเป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องคิดให้รอบคอบว่า พร้อมที่จะสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.กาสิโนหรือไม่
หากกฎหมายฉบับนี้ผ่านจะมีผลกระทบกับสังคมไทยอย่างไรบ้าง
จะมองแค่มิติกฎหมายอย่างเดียวมิได้
ที่สำคัญจะมองแค่ผลประโยชน์ทางการเมืองจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอย่างเดียวมิได้
ต้องคำนึงถึงหายนะที่จะเกิดขึ้นกับสังคมไทยด้วย
ลองหันไปมองรอบๆ กี่องค์กรแล้วที่ออกมาต่อต้านการเปิดกาสิโน
แต่ละองค์กรมีเหตุผลที่ไม่แตกต่างกันนัก
ไม่ใช่เรื่องผิด หรือถูกกฎหมาย
ยกตัวอย่าง ราชบัณฑิตยสภา ชี้ให้เห็นถึงการเกิดขึ้นของอาชญากรรมในลักษณะต่างๆ ปัญหาความเสื่อมทางศีลธรรมและค่านิยมของสังคมจะตามมา สังคมไทยเองก็จะเกิดความมัวหมองเสื่อมทราม ในความเป็นประเทศและเมืองแห่งพระพุทธศาสนา
มีการสร้างค่านิยมทางสังคมที่สนับสนุนให้คนส่วนหนึ่งในชาติ ต้องยังชีพหรือมีอาชีพด้วยการอาศัยการพนัน และมีบางส่วนที่ติดการพนัน
อีกทั้งเป็นแหล่งดึงดูดให้มีกลุ่มที่แฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวมาเล่นพนัน นำเงินที่ผิดกฎหมายมาฟอก แปลงเป็นเงินที่ออกมาจากกาสิโนอย่างถูกกฎหมาย
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ฯ รุ่น ๒๒ ชี้ให้รัฐบาลเห็นว่า เป็นการออกกฎหมายส่งเสริมอบายมุข ละเมิดจริยธรรม ผิดศีลธรรมในการส่งเสริมการพนัน และขัดต่อความรู้สึกของประชาชน
ไม่มีใครพูดว่า ถ้ากาสิโนถูกกฎหมาย ก็พร้อมสนับสนุน
แต่ชี้ให้เห็นหายนะของสังคมไทยที่จะตามมาหากมีกาสิโนถูกกฎหมาย
ในแง่ความชัดเจน “ไชยชนก ชิดชอบ” ลูกชาย “เนวิน ชิดชอบ” ยังชัดเจนกว่า “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” มากครับ
ขณะที่รัฐบาลโดยนายกฯ แพทองโพย ยอมเลื่อนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กาสิโนออกไปก่อน โดยอ้างเรื่องแผ่นดินไหว เรื่องสงครามภาษี
แต่ลูกชายเนวิน ประกาศชัด ไม่เอากาสิโน
ไม่ว่าจะเป็นร่างกฎหมายของรัฐบาล หรือร่างกฎหมายของพรรคภูมิใจไทย ไม่เอาทั้งนั้น
เป็นการตอกหน้า นายกฯ แพทองโพย จนหน้าหงาย
เลื่อนไม่เอา
ต้องถอนเท่านั้น
นี่คือสัญญาณที่ชัดที่สุดจากพรรคร่วมรัฐบาล แม้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” จะแก้ตัวให้ว่าเป็นความเห็นส่วนตัว แต่การเมืองสองหน้า มันเกิดขึ้นตลอดเวลาในรัฐบาลนี้
ดู “ภูมิธรรม เวชยชัย” เป็นตัวอย่าง
นายกฯ แพทองโพยบอกว่าเคลียร์กันจบแล้ว แต่ “ภูมิธรรม” ตั้งคำถามไปยังพรรคภูมิใจไทยว่า
“…ตกลงคุณอนุทิน หรือคุณไชยชนก ใครเป็นหัวหน้าพรรค?…”
นี่คือรอยร้าวในรัฐบาล
แต่… “ภูมิธรรม” ไม่น่าพูด เพราะมันย้อนเข้าตัว
เพราะสังคมไทยตั้งคำถามมาหลายเดือนแล้ว ตกลงระหว่าง “แพทองธาร” กับ “ทักษิณ” ใครเป็นนายกฯ กันแน่
มันยิ่งกว่าใครเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
ครับ…ในภาพรวมดูเหมือนกรณีร่าง พ.ร.บ.กาสิโน จะสงบลง แต่ก็ทิ้งร่องรอยการกระทบกระทั่งกันของพรรคร่วมรัฐบาล
มีรอยปริให้เห็น!
ที่บอกว่าม็อบต้านกาสิโนจุดไม่ติด ตอนนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เป็นการย้อนรอยการต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์
รัฐบาลพยายามตัดตอนม็อบด้วยการถอยชั่วคราว แต่ช้าไปเสียแล้ว
ในภาวะรัฐบาลไร้ความน่าเชื่อถือเช่นนี้ ร่าง พ.ร.บ.กาสิโน จะไม่ใช่เงื่อนไขเดียวที่ประชาชนออกมาขับไล่อีกต่อไป แต่ยังมีเงื่อนไขอื่นๆ ที่รอบ่มเพาะสถานการณ์
โดยเฉพาะสภาวะเศรษฐกิจ ที่มีสงครามภาษีเป็นตัวเร่ง
เห็นภาพนายกฯ แพทองโพย ให้รองนายกฯ และรัฐมนตรี ข้าราชการ เข้าแถวรดน้ำตามประเพณีสงกรานต์แล้วอดคิดไม่ได้
ประเพณีสงกรานต์ไทยคือการรดน้ำขอพรผู้ใหญ่
ปีนี้จะแปลกๆ หน่อยเพราะนายกฯ อายุน้อยว่ารองนายกฯ รัฐมนตรี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่รดน้ำขอพรเด็ก
โบราณว่าไหว้เด็กอายุสั้น
ไม่ต้องเชื่อตามโบราณว่าก็ได้ครับ เพราะอายุที่ว่าอาจมิได้หมายถึงอายุคน
แต่เป็นอายุรัฐบาล
กาสิโนยังไม่เปิดเลย แต่เริ่มเห็นหายนะแล้ว
