โรคมะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในหญิงไทย โดยในปี 2567 พบผู้หญิงไทยป่วยมะเร็งเต้านม คิดเป็น 34.2% ของมะเร็งทั้งหมดในเพศหญิงและมีอัตราการเสียชีวิตสูง ซึ่งมะเร็งเต้านมในระยะแรกอาจไม่มีอาการเจ็บปวด ดังนั้นการเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเป็นประจำจึงเป็นสิ่งสำคัญ
แพทย์หญิงวีรวรรณ ฉัตรตรัสตรัย – รังสีวินิจฉัย/ภาพรังสีวินิจฉัยชั้นสูงและรังสีร่วมรักษาของเต้านม โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า ผู้หญิงทุกคนควรให้ความสำคัญและใส่ใจในเรื่องของเต้านมด้วยการเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม เพราะการตรวจพบมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มแรก สามารถเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้สูงขึ้น
และการเข้ารับคำปรึกษาจากทีมแพทย์ชำนาญการพร้อมเครื่องมือการตรวจคัดกรองที่ทันสมัยจะช่วยเพิ่มความแม่นยำของผลตรวจได้มากขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไปและคนที่มีประวัติอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น มีประวัติทางพันธุกรรมในครอบครัว หรือมีญาติสายตรงเป็นมะเร็งเต้านม ควรเข้ารับการตรวจมะเร็งเต้านม โดยมีช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตรวจ คือ 7-10 วันหลังหมดประจำเดือน
อาการที่พบได้ของมะเร็งเต้านม มีหลากหลายรูปแบบ ในระยะแรกอาจไม่มีอาการชัดเจน การสังเกตความผิดปกติของร่างกายจึงสำคัญมาก
- พบก้อนเนื้อแข็ง ขอบไม่เรียบ และเคลื่อนไหวไม่ได้บริเวณนมหรือใต้รักแร้
- เต้านมหรือหัวนมมีการเปลี่ยนแปลงขนาดหรือรูปร่าง
- เต้านมหรือหัวนมมีรอยบุ๋มหรือแตก
- เต้านมแดง บวมเป็นแผล/ผื่น มีลักษณะคล้ายเปลือกส้ม
- หัวนมหดตัวหรือหลุบเข้าไป มีน้ำเหลือง เลือด หรือของเหลวผิดปกติไหลออกจากหัวนม
เจ็บหรือปวดระคายเคืองบริเวณเต้านม
หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อรับการตรวจเต้านมอย่างละเอียดด้วยเครื่องแมมโมแกรม (Mammogram) ร่วมกับอัลตราซาวดน์เต้านมด้วยเครื่องที่มีความคมชัดสูง ทำให้พบเจอโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก และมีโอกาสรักษาหายขาด
สำหรับในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม ด้วยการตรวจแบบดิจิทัลแมมโมแกรม 3 มิติ (Digital Breast Tomosynthesis – DBT) ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นโครงสร้างของเนื้อเยื่อเต้านมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น สามารถแยกก้อนเนื้อออกมาจากการทับซ้อนกันของเนื้อเต้านมได้ โดยเฉพาะในคนไข้ที่มีเนื้อเต้านมที่แน่น (dense breast) ส่งผลให้เห็นก้อนเนื้อหรือหินปูนที่ผิดปกติและได้ภาพที่ละเอียดมากกว่าเดิม ใช้เวลาถ่ายภาพเอกซเรย์เพียง 3.7 วินาทีต่อท่า
นอกจากนี้ยังสามารถพบมะเร็งเต้านมได้ดีกว่าเครื่องแมมโมแกรม 2 มิติ ซึ่งการตรวจด้วยดิจิทัลแมมโมแกรม 3 มิติเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันและตรวจหามะเร็งเต้านมในระยะแรก ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้ประสบความสำเร็จและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคในระยะยาว
ส่วนการทำอัลตราซาวนด์ จะทำให้เห็นก้อนเนื้อหรือถุงน้ำในเต้านมได้ หากพบว่ามีก้อนเนื้อจะสามารถบอกขนาดและขอบเขตของก้อนเนื้อได้ว่าเรียบร้อยดี หรือค่อนไปทางมะเร็ง ซึ่งจะช่วยให้วินิจฉัยได้ละเอียดและแม่นยำยิ่งขึ้น
การรักษาโรคทางเต้านม โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน ดังนั้นการเข้ารับการรักษากับทีมแพทย์ที่มีชำนาญการทางด้านเต้านมและมะเร็งเต้านม จะส่งผลต่อการวางแผนการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
ซึ่งโรคมะเร็งเต้านมถือเป็นภัยเงียบใกล้ตัว การเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยแมมโมแกรม 3 มิติและอัลตราซาวนด์จึงมีความสำคัญและจำเป็นสำหรับผู้หญิงทุกคน เพราะมะเร็งเต้านม รู้เร็ว รักษาหายขาดได้
