12 ตุลาคม 2567 ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ย่านซอยศาลเจ้าโรงเกือก ชุมชนตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ เพื่อดูระดับน้ำเจ้าพระยาที่บริเวณริมน้ำ หน้าศาลเจ้าโรงเกือก ซึ่งสูงกว่าระดับถนนเกือบ 2 เมตร และประสบปัญหาน้ำท่วมทุกปี
โดย ดร.เอ้ ระบุว่า ในสภาพปกติระดับน้ำเจ้าพระยาก็สูงกว่าถนนอยู่แล้ว ยิ่งเจอน้ำเหนือ น้ำทะเลหนุนและฝนตกซ้ำ น้ำก็จะท่วมกทม. ซึ่งการป้องกันด้วยการทำเขื่อนกั้นหรือใช้กระสอบทรายกั้น เป็นการป้องกันระยะสั้นเท่านั้น
แต่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง คือต้องวางแผน “ระยะกลาง” ด้วยการทำแก้มลิงใต้ดิน ไว้ในจุดเสี่ยงสำคัญ เพื่อกักเก็บน้ำในช่วงน้ำสูง ส่วน“ระยะยาว” ต้องไปแก้ที่ต้นตอคือ ปากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ควรมีระบบเปิด-ปิดน้ำ เหมือนในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศอิตาลี ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเขาใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 20 ปีในการก่อสร้างซึ่งหากไม่เริ่มวันนี้ อีก 20 ปึ กทม.จมน้ำแน่นอน
ทั้งนี้ดร.เอ้ กล่าวเสริมว่า ในฐานะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ได้นำเสนอเรื่องนี้ผ่านทางหัวหน้าพรรค ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอยากฝากเรื่องนี้ไปยังท่านผู้ว่ากทม. อีกด้วย
ด้านผู้ดูแลศาลเจ้าโรงเกือก ให้ข้อมูลว่า การแก้ปัญหาระยะสั้นก็ทำได้ระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่พบ คือแม้บางครั้งน้ำไม่ได้ทะลักเข้าท่วมแต่อาคารบางส่วนก็ทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่อง หากศาลเจ้าหรืออาคารโดยรอบ เกิดถล่มมาจริง ก็ไม่รู้จะไปเรียกร้อง หรือตามหาความรับผิดชอบจากใคร
จากนั้น ดร.เอ้ พร้อมนายธนิตพล ไชยนันทน์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ดร.เจนจิรา รัตนเพียร (โฆษกพรรค) และทีมประชาธิปัตย์ รวมถึงคณะวิศวกรผู้เชี่ยวชาญและคณะสื่อมวลชน ไปเยี่ยมชมโครงการก่อสร้างอาคารโรงเจวัดมังกรกมลาวาส 3 ชั้น ซึ่งเป็นโครงการแก้มลิงใต้ดินแห่งแรกของ กทม. ที่วัดมังกรกมลาวาส เยาวราช เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
โดยมีการก่อสร้างอาคารโรงเจอยู่ด้านบน และมีชั้นใต้ดิน 3 ชั้น เป็นที่จอดรถ 2 ชั้น ส่วนชั้นล่างสุด เป็นห้องเก็บกักน้ำ ลึกลงไปถึง 16 เมตร สามารถจุน้ำได้มากกว่า 10,000 ลูกบาศก์เมตร เมื่อฝนตกหนัก น้ำจากพื้นที่เยาวราชจะระบายไปลงแม่น้ำเจ้าพระยาที่ท่าน้ำราชวงศ์ไม่ทัน ทำให้น้ำท่วมทุกปี โครงการนี้จะช่วยเก็บกักน้ำฝนที่ระบายไม่ทันไว้ก่อน เพื่อไม่ให้น้ำท่วมพื้นที่เยาวราช โดยน้ำจะไหลลงมาเก็บที่ห้องชั้นล่างสุดก่อน และหากเก็บไม่หมด ก็จะท่วมขึ้นไปที่ชั้นบนตามลำดับ
ซึ่งโครงการที่เก็บน้ำใต้ดินในลักษณะนี้ในเมืองใหญ่ๆ เช่น สิงคโปร์ โตเกียว มีการทำมานานแล้ว เนื่องจากเมืองใหญ่ทำให้พื้นที่กักเก็บน้ำตามธรรมชาติลดน้อยลง ต้องใช้การกักเก็บน้ำใต้อาคารขนาดใหญ่แทน อยากให้ถือเป็นตัวอย่างของโครงการที่นำไปสู่การแก้ไข จะผลักดันของรัฐบาลต่อไปด้วย
