เปลว สีเงิน
และแล้ว “เมืองไทย” เรา….
ก็ “หนีไม่พ้น” อาถรรพณ์เดือนตุลา.ไปจนได้!
ก็อย่างที่ทราบ
เมื่อวาน “๑ ตุลา. ๖๗” รถบัส “นักเรียน-ครู” จากอุทัยธานีไปทัศนศึกษาที่ “อยุธยา-นนทบุรี” เกิดอุบัติเหตุ ยางแตก และไฟไหม้ท่วมรถทั้งคัน
แถวๆ อนุสรณ์สถาน ถนนวิภาวดีรังสิต ตรงหน้าห้างเซียร์ รังสิต
พอไฟไหม้รถ แทนที่คนขับจะช่วยเหลือ กลับทิ้งรถเผ่นหนี ปล่อยให้เด็กอนุบาลและระดับมัธยม-ครู ประมาณ ๔๔ คน เผชิญชะตากรรมอยู่ในรถบัสที่ไฟลุกโหม
มีผู้ช่วยให้รอดออกมาได้ส่วนหนึ่ง
ครูและนักเรียนอีกส่วนหนึ่ง ไม่ทันได้ช่วยออกมา ถูกไฟครอกเสียชีวิตคารถ ขั้นต้นพบ ๒๕ ร่าง
เหตุครั้งนี้ ไม่เพียงพ่อแม่-ญาติมิตรของเด็กและคุณครูเท่านั้น ที่สูญเสีย
แต่นับเป็นวิบัติกรรมซ้ำกระแทกจิตใจคนทั้งประเทศให้แหลกลาญร่วมกันไปด้วยอีกครั้ง!
หลังจากที่พวกเราคนไทย จิตใจยังไม่ทันหายบอบช้ำดี จากเหตุ อดีตตำรวจ “ติดยา-เครียด”
คลั่ง…บุกเข้าไปใน “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก” ที่นากลาง หนองบัวลำภู เมื่อ ๒ ปีที่แล้ว
ทั้งกราดยิง ทั้งใช้มีดไล่ฟัน มีผู้เสียชีวิตไป ๓๘ คน และในจำนวนนั้น เป็นเด็กถึง ๒๔ คน
ไม่จบแค่นั้น
ฆาตกร “ติดยา-เครียดคลั่ง” ยังไปฆ่าภรรยาและลูก แล้วยิงตัวเองตายส่งท้ายอีก ๓ ศพ!
เหตุการณ์ “ฆ่าหมู่เด็ก” ที่หนองบัวลำภู ๖ ตุลา.๖๕ ครั้งนั้น เป็นข่าวสะเทือนโลก
และนี่…ห่างมาแค่ ๒ ปี
“๑ ตุลา.๖๗” เหตุประหนึ่งนำสู่ “มหาวิปโยค” ก็เกิดขึ้นอีก
“ไฟครอกหมู่” ทั้ง “นักเรียน-ครู” คารถบัสทัศนศึกษา ๒๕ ศพ ที่ชานเมืองกรุงเทพฯ!
โอ….
ช่าง “ทุกข์ซ้ำ-กรรมซัด-วิบัติเป็น” กระไรเช่นนี้หนอ กับพี่น้องไทย อันเป็นที่รักของเรา!?
ยิ่งเกิดกับเด็กเล็ก ถึง “ไม่ใช่ลูก-ไม่ใช่หลาน” ก็เหมือนลูก-เหมือนหลาน “ทางจิตวิญญาน” ร่วมสายเลือดแผ่นดินไทย
แค่คิดใจก็หายวูบแล้ว
ก็ไม่อยากโทษใคร…….
เพราะใจมันช้ำพอๆ กันทุกคน ได้รัฐบาลใหม่ นึกว่าจะเป็นโชค-เป็นชัย
แต่กลับเป็นว่า นับแต่นาทีแรก จนถึงวันนี้ มีแต่เหตุวิบัติ เริ่มแต่ Rain Bomb ระเบิดฝน ถล่มเป็นหย่อมๆ อันไม่เคยปรากฎมาก่อน
จาก “เรนบอมบ์” ก็ตามด้วยน้ำป่าทะลักทะลายถล่มแม่สาย-เชียงราย ด้วย “ขี้เลน บอมบ์”
เหตุจากมนุษย์ “หักล้างถางป่า” ที่คลุมภูเขา รากยึดดินและช่วยอุ้มชะลอน้ำไว้ให้
เมื่อตกอยู่ในสภาพ “ภูเขาหัวโล้น”
โล้น โดยมีไร่ข้าวโพดบ้าง รีสอร์ตบ้าง โรงแรมบ้าง ที่ดินผู้ทรงอิทธิพลยึดครองบ้าง เป็นกระหย่อม ตำตา “ระบบรัฐ”
แต่ไม่เคยมี “ใคร-ยุคไหน” อนาทร
เมื่อมนุษย์ไม่อนาทรกัน ฝนมา เป็น “เรนบอมบ์” เจาะจงพื้นที่ เพื่อถล่มใส่….
เขาหัวโล้น ทั้งฝั่งพม่าและฝั่งไทย เมื่อไม่มีป่าชะลอน้ำ น้ำก็ทะลัก กระแทกดินภูเขาให้ทะลาย
ไหลเป็น “ขี้เลนบอมบ์” ลงมากับน้ำเข้าถล่ม “แม่สาย-เชียงราย” ถึงวันนี้ แม่สายก็ยังต้องสะอื้นซ้ำ
น้ำไป…แต่ดินเลนไม่ไป
ฝังบ้านเรือนคนแม่สายและอุดตันทุกท่อระบาย ซึ่งยังไม่รู้จะแก้ปัญหานี้กันอย่างไร?
ยิ่งนาน ดินเลนยิ่งแปรสภาพ “แข็งเป็นดินดาน”
ขี้เลน บอบม์ “ฝังบ้าน-ฝังเมือง” เป็นปัญหาใหม่ สำหรับผม จนปัญญาคิด ตอนนี้ ได้เพียงรอดูว่า
รัฐบาลที่ประชาชนคัดสรรว่าปัญญาเลิศล้ำ-สมองใสกิ๊งและเลือกให้เข้ามาบริหารประเทศ
จะใช้วิธีไหนเอาชนะ “ขี้เลนบอมบ์” ฉุดมือชาวบ้านที่จมเลนให้ลุกยืน เพื่อหยัดอยู่สู้กับชะตาโลกใบนี้ที่มนุษย์กระทำย่ำยีกันต่อไป
โลกกำลังจ้องดูในเชิงศึกษาเป็น “ภูมิปัญญาต้นแบบ”
“รัฐบาลเพื่อไทย” ต้องทำได้แน่ ผมให้กำลังใจ
และภาวนาให้ นายกฯ แพทองธาร แปลงภูมิปัญญาเป็นรังสี สยบ “อาถรรพณ์เดือนตุลา” นี้ ให้สิ้นฤทธิ์ ไปจากประเทศไทยซะที!
โลกใบนี้ ประกอบด้วย “โลกธาตุ ทั้ง ๔”
-น้ำท่วม ก็ท่วมแล้ว
-ดินถล่ม ก็ถล่มแล้ว
-ไฟเผา ก็เผาแล้ว
ยังเหลือแต่ “ลม” เท่านั้น ที่ยังไม่มา!?
๒๐ ปีที่แล้ว คือเมื่อ ๒๖ ธันวา.๔๗ ยุครัฐบาลทักษิณ เกิดเหตุการณ์ โลกธาตุทั้ง ๔ “ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ” มาประชุมกัน
“สึนามิ” ถล่ม ๖ จังหวัดภาคใต้ของไทย
ภูเก็ต,พังงา,ระนอง,กระบี่,ตรัง และสตูล วินาศสันตะโร โดยเฉพาะที่ภูเก็ต พังงา
ทั้งคนไทยและคนเทศ เสียชีวิตร่วม ๖ พันคน เจ็บร่วมหมื่น สูญหายอีกไม่รู้จำนวน!
ฉะนั้น ขอพวกเราทั้งหลาย …..
จงน้อมนำปัจฉิมโอวาท คือคำสั่งเสียครั้งสุดท้ายของ “พระพุทธองค์” ก่อนที่จะ “ดับขันธ์ปรินิพพาน” เถิดว่า
“อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถะ”
แปลว่า “พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด”
รัฐบาล “แพทองธาร” ด้วย จงเตือนคณะรัฐบาลท่าน ว่าจงอย่าประมาทและเตรียมพร้อมรับมือ ก่อน “อุบัติภัย” ใดๆ จะเกิดต่อจากนี้เถอะ
สมัยคุณพ่อทักษิณ ปี ๔๗ ภัยจาก “ลม” ก็หอบ “ทั้งน้้ำ-ทั้งฝน” ถล่มในรูป “สึนามิ”
สมัยอาปูเป็นนายกฯ ปี ๕๔ ภัยจากน้ำ ก็ก่อเกิด “มวลน้ำก้อนใหญ่” เข้าถล่มกรุงเทพฯ
ไขปัญหาที่เป็น” ปัญหาโลกแตก” มานานช้าให้กระจ่าง ที่ว่า
“เหล็กบินได้ในอากาศ” ทำไมคนไทยจึงเรียก “เรือบิน”?
เมื่ออาปู “เอาไม่อยู่” มวลน้ำก้อนใหญ่ เข้ายึด “สนามบินดอนเมือง” เบ็ดเสร็จ
คนไทยทั้งประเทศ จึงร้อง…อ๋อ “อย่างนี้นี่เอง ที่เรียก…เรือบิน”!
เพราะเหล็กบินมันจอดอยู่ในน้ำ “เหมือนเรือ” นั่นเอง!
ส่วน “ไฟ” นั้น นับครั้งแทบไม่ถ้วน
ที่เข้าทำเนียบ “สถิติโลก” ก็ตอนปี ๒๕๕๒ สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์
“๑ มกราคม ๒๕๕๒”
“ซานติก้าผับ” ย่านทองหล่อ นักเที่ยวนับพัน “เคาต์ดาวน์” ฉลองวันปีใหม่
ไฟพรึบ คลอกตายคาผับ ๕๔ ศพ!
๕ สิงหา.๖๕ ยุครัฐบาลพลเอกประยุทธ์
ผับ Mountain B ที่พลูตาหลวง สัตหีบ ชลบุรี ไฟพรึบ “คลอกนักเที่ยวไปอีก ๑๓ ศพ”
แล้วนี่…เมื่อวาน ๑ ตุลา.๖๗ ยุครัฐบาลแพทองธาร ไฟคลอกเด็กนักเรียนและคุณครูคารถบัสทัศนศึกษา ๒๕ ชีวิต!
“ย้อนคิด-ถวิลนึก” แล้ว ก็อดห่วงเรื่อง “ลม” ไม่ได้
ในสหรัฐฯ สดๆ ร้อนๆ
“ลม-เฮอริเคน” ถล่มทางใต้ของสหรัฐฯ ทั้งพังพินาศและทั้งล้มตาย
ย้อนดูบ้านเรา ยิ่งเกิด “อุกาฟ้าเหลือง” ที่ภูเก็ต ๓-๔ วันมานี้ ก็ไม่อยากให้ประมาทเรื่องภัยจากลม
ลมที่จะปั่นน้ำเป็นโลมายักษ์ในรูป “สึนามิ” ให้ขึ้นมาขย้ำซ้ำรอยเมื่อ ๒๐ ปีแล้วนั่นแหละ!
ยิ่งพรุ่งนี้ “๓ ตุลา” ขึ้น ๑ ค่ำ……
เป็นวัน “อมาวสีจันทร์ดับ” เกิดเป็นสุริยคราส ที่ราศีกันย์
ตามปฎิทินโหรอาจารย์ “เทพย์ สาริกบุตร” ที่ “คุณสุชาดี มณีวงศ์” แห่ง “กระจกหกด้าน” ทางโทรทัศน์ช่อง ๗ สี ส่งมาให้ผมทุกปี บอกว่า
ให้ระวัง ก่อนหน้าและหลัง ๗ วัน จะเกิดอุบัติเหตุใหญ่ ภัยพิบัติ และมักมีเหตุลอบทำร้าย-ลอบฆาตกรรม!
โหราศาสตร์ เป็นเรื่องสถิติ ไม่ต้องเชื่อก็ได้
แต่เรามีหูไว้ฟัง
ไม่ใช่มีเอาไว้ให้พวก “การเมืองลวงโลก” ปั่นเป็นจิ้งหรีด ฉะนั้น ฟังแบบ “โยนิโสมะนะสิการ” ถึงไม่ได้ปัญญา แต่ก็ยังพอได้สติ ซึ่งแค่นั้น ก็เหลือแหล่แล้ว
ยิ่งตอนนี้ ราหูจิกลูกตาจ้องที่ราศีกันย์อยู่ด้วย
จะทำ-จะพูดอะไร นับ ๑-๑๐ ก่อนพูด-ก่อนทำ ตามสิทธิการิยะท่านว่า “กินกะได..ทากะได” ไม่เจ็บ-ไม่ไข้ ไม่มีใครมาตีกบาล สบายแฮ!
จงอยู่แบบ “ให้กำลังใจ” ซึ่งกันและกันนะครับ
ผมบอกไว้หลายเดือนแล้ว ว่าบ้านเมืองตอนนี้ อยู่ในช่วง “ยัง กัมมัง กะริสสันติ” คือ ช่วง “ชำระบิลกรรม”
ใครกินอะไรไว้ ใครก็จ่ายตามหน้าบิลไปก็แล้วกัน
ใครรวย ใครได้ดีมีสุข เราก็ดีใจ-ให้พรเขาไป
ใครจน ใครต้องหม่นเศร้า-เคล้าทุกข์คลุกโศก เราก็ต้องให้กำลังใจเขา กอบเกื้อ-เอื้อสุข ให้กันไป
เพื่อเราทั้งหลาย จะได้อยู่ “ดูโลกอันโศภิน” ใบนี้
ด้วยใจยินดีกับสิ่งที่ “เราทำ” ซึ่งเราก็ “ต้องรับ” นั่นแล!