1 ตุลาคม 2567 นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พร้อมด้วย นายภัครธรณ์ เทียนไชย และนางสาวกาญจนา จังหวะ รองเลขาธิการพรรค แถลงข่าวถึงกรณี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ มีความประสงค์ ขอไม่รับเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67 ไปจนถึงวันสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)
นอกจากนี้ยังส่งได้ส่งหนังสือแจ้งความประสงค์ ขอคืนเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของ สส.ทั้งหมดที่ได้รับ ตั้งแต่เป็นสมาชิกภาพจนถึงวันที่ 30 ก.ย.67 โดยให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งจำนวนเงินทั้งหมดให้ทราบโดยเร็วเพื่อนำส่งคืนให้ครบถ้วน
นายไพบูลย์ กล่าวว่า พลเอกประวิตรให้เหตุผลว่า การทำเช่นนี้เพื่อเป็นตัวอย่างให้ สส.ที่มีภารกิจมาก และอาจต้องลากิจกับสภาฯ บ่อย จึงอาจใช้วิธีเช่นเดียวกันนี้เพื่อประหยัดงบประมาณแผ่นดินก็จะเป็นการดี นอกจากนี้พลเอกประวิตร ยังระบุว่าภูมิใจมากในฐานะที่ได้ดำรงตำแหน่ง สส.และได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง จำนวน 537,625 เสียง และยืนยันว่าจะเดินทางไปสภาฯ ให้มากขึ้น และขอแจ้งให้ทราบว่าในวันที่ 3 ต.ค.นี้ พลเอกประวิตรได้ยื่นหนังสือลาล่วงหน้าไว้แล้ว เนื่องจากติดภารกิจสำคัญมาก
ส่วนกรณีที่ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีต สส.เพื่อไทย ยื่นร้องจริยธรรมนั้น นายไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วนตัวตนสงสัยว่า นายพร้อมพงศ์ จบการศึกษาจากไหน มีความรู้เรื่องกฎหมายอ่อนมาก นายพร้อมพงศ์ ควรจะตระหนักว่าไม่รู้กฎหมาย อย่าไปชวนคนอื่นทำผิดกฎหมายด้วย ตนให้ทนายไปแจ้งความและได้ดำเนินคดีแล้วว่าอาจจะกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย นี่คือกรรมที่หนึ่ง และยังเหลืออีกสองกรรม “นายพร้อมพงศ์ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองถึงปี 69 ระวังดีๆ ด้วยความเป็นห่วงทางกฎหมายอาจจะถูกตัดสิทธิ์ต่อก็ได้”
“กระบวนการตรวจสอบ พล.อ.ประวิตร ท่านไม่มีปัญหาอะไร สบายใจอยู่แล้ว ฝ่ายตรวจสอบก็ตรวจสอบไป พรรคได้ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีการฝ่าฝืนกฎหมาย ข้อบังคับ หรือจริยธรรม เราไม่กลัวการตรวจสอบ แต่ถ้าเป็นเพียงแค่ผู้ร้องให้ตรวจสอบก็ขอให้ใช้ความระมัดระวัง”นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ ยังเปิดเผยถึงการดำเนินคดี นายดนัย เอกมหาสวัสดิ์ รักษาการผู้อำนวยการบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ในคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยเมื่อวานนี้ (30 ก.ย.) ทนายความได้ส่งคำฟ้องที่ศาลอาญาแล้ว เป็นคดีดำอ.2871/2567 และศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน เวลา 9.00 น. ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกฟ้องคดีทั้งสามคน ตนได้ดำเนินการฟ้องที่ศาลแพ่ง ข้อหาความผิดละเมิดให้เสียหายต่อชื่อเสียงจำนวน 50 ล้านบาท ยื่นฟ้องไปที่ศาลแพ่ง ย้ำ ตนเป็นคนที่พูดอะไรต้องทำตามนั้น ทุกๆคำพูดของตน
นายไพบูลย์ ยังกล่าวถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับพรรคการเมืองที่นายพร้อมพงศ์เป็นสมาชิกอยู่ ว่า ไม่รู้ได้รับคำสั่งจากแกนนำพรรค ให้มาร้องเรียนหรือไม่
“อย่าหยุด ทำอะไรก็ทำ เพราะแหล่งข่าวบอกว่าให้จับตาดูวันที่ 10 ตุลาคม จะเกิดจุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่ พรรคที่นายพร้อมพงศ์ สังกัดอยู่ อาจจะต้องกระทบรุนแรง แหล่งข่าวที่บอกมาน่าเชื่อถือ น่าจะเกิดขึ้นจริงได้ อยากให้แกนนำพรรค เตรียมรับแรงกระแทก รับมือไม่ดีอาจถึงขั้นล่มสลาย ส่วนปัญหารุนแรงคือไร ตนไม่ทราบ เขาบอกเพียงเท่านั้น ยืนยัน ไม่ใช่คำร้องเดิมๆ ขอให้ติดตามว่าจะเกิดอะไรขึ้น”