กห. “นั่งได้” แต่ “อย่าซน” #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

“ภูมิธรรม” แปลว่า “น้ำผึ้ง” หรือเปล่าก็ไม่รู้นะ?
รู้แต่ว่า…..
“หยดเดียว” ในความเป็น “ภูมิธรรม” เรียกแมลงหวี่-แมลงวันมารุมตอมกันหึ่ง!

ตอมในประเด็น “อดีตที่กินใจ” กันมาตลอด โดยเฉพาะกับ “อดีตนายทหาร”

ว่าจะให้ “คนเดือนตุลา.” ที่เข้าป่าจับปืนร่วม “ขบวนการคอมมิวนิสต์” สู้รบกับทหาร มานั่งเป็น “รัฐมนตรีกลาโหม” คุมกองทัพในวันนี้ได้อย่างไร?

บ้างก็ยกประเด็น ภูมิธรรมเป็นคนขบวนการเสื้อแดงที่ “เผาบ้าน-เผาเมือง” เมื่อปี ๕๓ ครั้งนั้น มีชายชุดดำฆ่า “พลเอกร่มเกล้า”

ฟังดูเป็น “ข้อครหาฉกรรจ์” เอาการ แต่รัฐมนตรีภูมิธรรมก็ตอบถึง “ข้อรังเกียจ” เหล่านั้นไว้น่าสนใจ ว่า

“ผมเคยเข้าไปอยู่ในป่าช่วงเหตุการณ์ที่เกิดความรุนเเรงในสังคม เป็นการหนีภัยความรุนแรง และไม่ใช่มีผมเพียงคนเดียว มีนักศึกษาเกือบทุกสถาบัน

ขณะที่ผู้นำเหล่าทัพในตอนนั้น มีความคิดเห็นว่า วิธีเหล่านี้ มันไม่ได้แก้ปัญหา น่าจะเปิดหนทางให้ทุกคนกลับมา
เชื่อว่าเราทุกคนมีใจที่บริสุทธิ์ ทุกคนจึงกลับมา และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมก็ไม่เกี่ยวข้องในเรื่องอะไรเลย”

“พิสูจน์ตัวเองมาตลอด ๕๐ ปี สิ่งที่ผมทำอยู่วันนี้ เอาเรื่องของประเทศประชาชนเป็นที่ตั้ง

ผมเชื่อว่าไม่เคยมีลักษณะไปขัดแย้งกับใครและเชื่อในเจตนารมย์ของทุกฝ่าย โดยเฉพาะกองทัพ

เชื่อว่า หากเราปรารถนาดีต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น ที่เป็นผลประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน เราไม่มีอะไรที่ขัดแย้งกัน

ถ้าผมอยู่กระทรวงกลาโหม เราจะทำกองทัพให้เป็นกองทัพที่อยู่กับพี่น้องประชาชนได้

ช่วยเหลือประชาชนในยามทุกข์ยาก ผมขอให้รอดูก่อนว่าเป็นอย่างไร เชื่อว่าความเป็นผม สามารถพูดคุยกับทหารทุกเหล่าทัพ”

กองทัพเขาอยู่กับประชาชนมาตลอดอยู่แล้ว ข้อสำคัญ คุณภูมิธรรมอย่าไปทำให้เป็น “กองทัพประชาชน” ก็พอ

กรณีนี้ ไม่มีใครผิดหรอก คนระแวงก็มีสิทธิ์ รัฐมนตรีภูมิธรรม ก็มีสิทธิ์ชี้แจง

แต่การจะให้คนเข้าใจหรือไม่นั้น ไม่ได้อยู่ที่คำชี้แจง
หากแต่อยู่ที่ท่านรัฐมนตรีภูมิธรรม จะพิสูจน์ “ความจริงตามชี้แจง” ให้ประจักษ์จากการกระทำ เมื่อเข้าไปนั่งกลาโหม

อย่างน้อย “ในขั้นแรก” จะได้เคลียร์ข้อสงสัยจากสังคมว่า

ถ้าไม่มี “เบื้องหน้า-เบื้องหลัง”
ทำไมไม่ให้ “นายสุทิน คลังแสง” ที่ทำงานเข้าขา-เข้าตากองทัพและประประชาชนดีที่สุดเป็นรัฐมนตรีกลาโหมต่อ?

ต้องเปลี่ยนเป็นคุณภูมิธรรมที่ทุกคนรู็ดีว่า “ภูมิธรรมคือร่างทรงทักษิณ” เข้ามาคุมกลาโหมแทน เพื่ออะไร?

สำหรับผม เข้าใจอดีตคุณภูมิธรรม ก็ทุกคนแหละ แรกๆ จะอยู่กับอุดมการณ์กรอกหู จากเพื่อน ผู้ใหญ่-ครูอาจารย์ ที่ใช้นักศึกษาเป็นเครื่องมือ

เมื่อเข้าพวก-เข้าหมู่ มันคึก เอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่ อารมณ์เหนือเหตุผล เกรี้ยวกราด-รุนแรง-ต่อต้าน เป็นสัญลักษณ์นักต่อสู้ โหย…มันเท่

สาวๆ พวกหนุ่มๆ ก็กรี๊ด พวกหน่มๆ สาวๆ ก็กรี๊ด!
ก็เพริด-เตลิดไป พอพ้นพวกหมู่ ต้องอยู่กับ “ชีวิตจริง-โลกเป็นจริง” ลำพังตัวเอง

ชีวิตจริงนั้น จะสอนให้รู้ ให้เข้าใจ โลกและสังคมที่เป็นจริง

พูดง่ายๆ คนเราเมื่อโตขึ้น ผ่านโลก-ผ่านชีวิตมากขึ้น ต้องรับผิดชอบด้วยตัวเองมากขึ้น

คนที่รู้จักใช้สติทบทวน “สิ่งผิด-สิ่งถูก” ในอดีต แปลงมันเป็น “ประสบการณ์” ในเส้นทางชีวิตใหม่ปัจจุบัน
คนเช่นนี้แหละ เรียกว่า “บัณฑิต” แท้จริง!

ผมจึง “ไม่ตั้งแง่” เรื่องอดีตกับใคร จะมองการกระทำในปัจจุบันของเขาเป็นหลัก

เคยได้ยินคำว่า “ต้นคด-ปลายตรง” และ “ต้นตรง-ปลายคด” กันบ้างแล้วใช้มั้ย?

คือสมัยพุทธกาล “องคุลีมาล” ได้รับการล้างสมองผิดๆ จากอาจารย์จัญไร ว่าฆ่าคนตัดนิ้วให้ได้ครบ ๑,๐๐๐ นิ้ว
นั่นคือการได้ “บูชาคุณอาจารย์”!?

ก็ไล่ฆ่าเป็นการใหญ่ ขณะไล่ฆ่า “พระพุทธองค์” เสด็จมาขวางไว้ องคุลีมาล หันมาไล่ฆ่าพระพุทธองค์แทน

พระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จไปเรื่อยๆ แต่องคุลีมาลวิ่งไล่กวด วิ่งไล่เท่าไหร่ๆ ก็ไม่ทันซักที วิ่งจนหมดแรง หอบแฮ่กๆ ก็ตะโกนขึ้นว่า

“หยุดก่อน สมณะ หยุดก่อน”

พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า “เราหยุดแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด”

“ก็สมณะยังเดินอยู่นี่นา ไม่เห็นหยุดเลย” องคุลีมาลท้วง

พระศาสดาเจ้า ตรัสว่า….
“คำว่าหยุดของเรา หมายถึงหยุดฆ่าสัตว์แล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด”

องคุลีมาลได้สติ ทิ้งดาบ ทรุดกายก้มลงกราบ และขอบวชเป็น “พระองคุลีมาล” บวชแล้วบำเพ็ญสมณธรรม บรรลุเป็นพระอรหันต์
ได้รับยกย่องเป็นพระเถระประเภท “ต้นคด-ปลายตรง”

หมายถึง ตอนต้นชีวิตผิดพลาด ต่อมากลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี

ประเภท “ต้นตรง-ปลายคด” ก็อย่าง “พระเทวทัต”!
เกิดในตระกูลชาติเชื้อเนื้อกษัตริย์ ต่อมาขอบวช และพระพุทธองค์ก็ทรงบวชให้

แรกๆ ก็เคร่ง เป็นพระปฏิบัติดี-ปฎิบัติชอบ ภายหลังด้วยลาภสักการะที่หลั่งไหล ก็เกิดความโลภ ถึงขั้นอยากเป็นพระพุทธเจ้าซะเอง

ก็ก่อ “สังฆเภท” คือยุแยงหมู่สงฆ์ให้แตกแยก ถึงขั้นวางแผน “ปลงพระชนม์” พระพุทธเจ้า แต่ไม่สำเร็จ ถูกแผ่นดินสูบจมหายในที่สุด

นี่คือประเภท “ต้นตรง-ปลายคด”

พวกที่ยุยงปลุกปั่น “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน” หวังแยกแผ่นดิน นี่ก็เข้าข่ายสังฆเภทเหมือนกัน
เป็นกรรมหนัก ในบั้นปลาย ต้องได้รับผลกรรมเอน็จอนาถชนิดไม่มีทางเลี่ยง!

แล้วท่าน “รัฐมนตรีภูมิธรรม” เป็นประเภทไหนล่ะ? ประเภท “ต้นคด-ปลายตรง” หรือประเภท “ต้นตรง-ปลายคด” หรือประเภท “ต้นคด-ปลายคด” หรือ “ต้นตรง-ปลายตรง”?

การกระทำในตำหน่งรองนายกฯ, ในตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม และในตำแหน่ง “ร่างทรงทักษิณในรัฐบาล”
จะเป็นเครื่อง “ชี้ขาด”!

ฉะนั้น ตอนนี้ อย่าเอาอดีตมาตั้งแง่กับคุณภูมิธรรมบนตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมในปัจจุบันเลย

การเอาอดีตมาตัดสินใครในปัจจุบันทันที-ทันใด ไม่น่าถูกต้อง ควรใช้อดีตเป็นฐาน แล้วดูปัจจุบันว่าเขาเป็นอย่างไร ค่อยตัดสินใจ

ว่าคนนี้ เป็นคน “ต้นคด-ปลายตรง” หรือ “ต้นตรง-ปลายคด”

อย่างทักษิณนี่ชัด “ต้นคด-กลางคด-ปลายคด”

อย่าง “คุณภูมิธรรม” ยังไม่ชัด ควรให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเองจากการทำหน้าที่ “รัฐมนตรีกลาโหม!

คุมทั้งความมั่นคง คุมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในเมื่อภูมิธรรมคือร่างทรงทักษิณ

ภูมิธรรมคุมกลาโหม คุมสตช.เท่ากับทักษิณคุมหรือไม่…เดี๋ยวก็รู้!

โผแต่งตั้ง ๕ เสือทบ.โผแต่งตั้งแม่ทัพเรือ แม่ทัพอากาศ ก็ดี โผแต่งตั้ง ผบ.ตร.ก็ดี
จะเป็นทั้งตัวพิสูจน์ และทั้งตัวสร้าง “มุมหักเห” ทางการเมือง

โดยเฉพาะ “โผกองทัพ” ถ้าภูมิธรรมรุกข้ามเส้นแบ่ง “เขตแดนอำนาจ” ของกองทัพ เข้าไปล้วงลูก-เปลี่ยนโผ จากที่เขาจัดวางไว้ลงตัวแล้ว
เท่ากับทำ “น้ำผึ้งหก” คุณภูมิธรรมจะเจอสภาพ “สว่างมา-มืดไป” แน่!

แต่ผมเชื่อว่า “ไม่…” คือภูมิธรรมหรือทักษิณนั่นแหละ ไม่กล้าแตะโผทหารที่เหล่าทัพเขาจัดสรรไว้ลงตัวแล้วแน่ๆ

ส่วนที่ตำรวจ “ไม่แน่” เพราะวัฒนธรรมองค์กรตำรวจไม่เหมือนวัฒนธรรมทหาร ที่เขาเคารพ “ระเบียบ-วินัย” เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา

ต่างกับตำรวจ ใครใหญ่-ใครมีอำนาจ จะวิ่งไปประจบสอพลอ ไม่มีพวก ไม่มีพี่ ไม่มีน้อง เพื่อความเป็นใหญ่ “ข้ามได้-ข้ามเลย, ฆ่าได้-ฆ่าเลย”

ทักษิณถึงบอก ตั้งแต่เป็นนายกฯ ปี ๔๔ แล้ว “ตำรวจของข้า ใครอย่าแตะ” ถึงวันนี้ ก็เป็นอย่างที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์แฉวันก่อน ว่า

ท่านอ้วนบอก “งานตำรวจ นายทักษิณ จะดูแลเอง”!

ฉะนั้น แต่งตั้ง-โยกย้ายตำรวจนี่แหละ คือบท ซ.ต.พ.ว่าภูมิธรรมคือร่างทรงทักษิณใช่หรือไม่?!

ย้อนมาดูทางกลาโหม
การที่ “นายสุทิน คลังแสง” เป็นรัฐมนตรีกลาโหม นับเป็นโอกาสของกองทัพ

เพราะก่อนนายสุทินมาเป็น ก็มีทัศนคติปฎิปักษ์กับกองทัพเช่นเดียวกับพวกแดง-พวกส้ม

ทหารมีไว้ทำไม, เรียนรด.ไปทำไม, เกณฑ์ทหารทำไม, ซื้ออาวุธมาทำไม, มีนายพลมากไป กองทัพใหญ่ไป ต้องลดงบ-ตัดงบ

เมื่อนายสุทินเข้าไป ก็เป็นโอกาสที่เหล่าทัพทำให้นายสุทินเข้าใจในภารกิจหน้าที่ รวมถึงความจำเป็นต้องมีอย่างนั้น
เป็นการลบอคติด้วยภาพเป็นจริง

ตอบคำถามวาทกรรมที่พวกแดง-พวกส้มชอบตะโกนให้คนเกลียดทหาร เกลียดกองทัพเป็นประจำให่ได้เข้าใจ

ซึ่งก็ได้ผล ช่องว่างระหว่างการเมืองกับการทหารที่ “ถ่างกว้าง” มานาน “แคบลง” ในทันที่ นายสุทินเข้าไปเป็นรัฐมนตรีกลาโหม

แต่ตอนนี้ การที่นายภูมิธรรมเข้าไปนั่งกลาโหมแทนนายสุทิน เป็น โอกาสของทักษิณ ผ่านทางนายภูมิธรรม

คือจะได้เคลียร์ตัวเองว่า มีทัศนคติอย่างไรต่อกองทัพ
ต้องการอะไรกับกองทัพ

มี ฮิดเดน อาเจนดา ในการส่งนายภูมิธรรมเข้ามาหรือไม่ อย่างไร?

นี่เป็น “บทพิสูจน์” ตอนสุทินเข้าไปเป็น นายสุทินระแวงเหล่าทัพ แต่ตอนนี้ นายภูมิธรรมเข้าไป นายภูมิธรรมเป็นที่ระแวงของเหล่าทัพ!

ทหาร เขามีเส้นแบ่ง “เขตแดนอำนาจ” ชัดเจน ถ้าไม่รุกล้ำเข้าไปในเขตแบ่งของเขา ก็ไม่มีปัญหา

๑๗ ปี ที่เป็นสัมภเวสี ทักษิณฯ เชื่อมต่อกับตำรวจตลอด แต่กับทหาร “ไม่มีรุ่น” ที่จะเชื่อมต่อเหลืออยู่แล้ว

ยุคนี้ เป็นยุค “คอแดง-คอเขียว”

ถ้ารักจะอยู่ยาว อย่ายื่นมือเข้าไปยุ่มย่าม “รื้อโผ” ยัดคนนั้น-คนนี้เข้าไปและจุ้นจ้านด้านซื้อ “อาวุธยุทโธปกรณ์” เชียว

นั่นจะทำให้ “แพทองธาร” ต้องไปท่องลำธารแทนนั่งทำเนียบ ลำบากเปล่าๆ

นี่ผมไม่ได้ขู่ เป็นแค่ “ลางสังหรณ์” น่ะ!

เปลว สีเงิน
๖ กันยายน ๒๕๖๗

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ

 

Written By
More from plew
ทั้ง “พระคุณ-พระเดช” มาคู่
น่าเสียดาย………. บ่ายวาน (๒๕ มีค.๖๓) พระสงฆ์เจริญพระปริตร ขจัดปัดเป่าภัยพิบัติ ว่าด้วยโรคระบาด “โควิด-๑๙” ให้บ้านเมือง
Read More
0 replies on “กห. “นั่งได้” แต่ “อย่าซน” #เปลวสีเงิน”