“เศรษฐา” แถลงน้อมรับคำวินิจฉัยศาล รธน. เสียใจถูกชี้ว่าเป็นนายกฯ ไม่มีจริยธรรม ยืนยันว่า “ผมไม่ใช่บุคคลอย่างนั้น”

14 สิงหาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 เปิดใจภายหลังรับทราบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยกล่าวว่า เคารพในคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ และขอขอบคุณตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทุกท่าน ที่ให้ทุกฝ่ายได้มีโอกาสชี้แจงประเด็นทั้งหลายอย่างครบถ้วน ในฐานะนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปี ที่ดำรงตำแหน่งมา มีความตั้งใจจริงในการทำงาน ยึดมั่นในอุดมการณ์การทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย และไม่ได้ทำตัวเป็นคู่ขัดแย้งกับใคร
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเป็นธรรมดาที่ต้องรู้สึกเสียใจที่ถูกบอกว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่มีจริยธรรม ซึ่งตัวตนของตัวเองไม่ได้เป็นแบบนั้น นอกจากนี้ ก็เสียดายเนื่องจากยังมีภารกิจอีกมากที่ต้องทำ มีปัญหาของพี่น้องประชาชนอีกมากที่ต้องแก้ไข แต่เชื่อว่าบ้านเมืองยังมีคนเก่งอีกมากมายที่สามารถเข้ามายืนในจุดนี้และทำงานต่อไปได้
ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ในช่วงที่รอคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญนั้น เป็นการทำหน้าที่ตามปกติ ไม่ใช่การก้าวล่วงหรือคาดเดาล่วงหน้าว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
สำหรับการฝากงานให้นายกรัฐมนตรีคนต่อไปมองว่ายังไม่จำเป็น เนื่องจากมีทีมที่ทำงานอยู่แล้ว รวมถึงรัฐมนตรีก็ยังเป็นรัฐมนตรีรักษาการอยู่ ทั้งนายภูมิธรรม เวชยชัย หรือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่อยู่มาหลายรัฐบาลและมีประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดินอยู่แล้ว จึงมั่นใจในทีมงาน รวมถึงกระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีคนต่อไปก็จะต้องผ่านสภา ซึ่งเป็นไปตามกฏหมาย
“วันนี้ไม่อยากพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ส่วนตัวได้แถลงชี้แจงไปเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว อีกทั้งตุลาการทุกท่านมีข้อมูลพร้อมอยู่แล้วและตัดสินบนข้อมูลที่มี ไม่เคยคิดว่าเป็นเรื่องของการวางยา ไม่ใช่ว่าผลออกมาแล้วไม่เป็นไปตามที่คาดหวังแล้วจะไปกล่าวโทษคนอื่นว่าเป็นการวางยา หรือเป็นบทเรียนราคาแพงอะไร เราน้อมรับคำตัดสินและเดินไปข้างหน้าดีกว่า ให้กระบวนการด้านนิติบัญญัติและสภาดำเนินการสรรหานายกรัฐมนตรีคนต่อไป และเชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ในรายชื่อการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีความพร้อมทุกคน” นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐากล่าวว่า แม้วันนี้ไม่ได้อยู่ในบทบาทนายกรัฐมนตรี ก็ยังสามารถช่วยเหลือบ้านเมืองได้ในอีกหลายหน้าที่ ยังคงเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยส่วนตัวยังอยากช่วยเหลือบ้านเมืองอยู่ต่อไป แต่ในบทบาทอื่น ไม่จำเป็นต้องเป็น สส. รัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี
ส่วนภารกิจหลังจากที่ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐากล่าวว่า ยังไม่แน่ใจ แต่อาจเป็นการเดินทางไปลอยอังคารของมารดาที่เร็วขึ้น จากเดิมที่จะไปวันที่ 24 สิงหาคม 2567 ก็อาจจะเป็นสัปดาห์นี้แทน
“ผมขอส่งความปรารถนาดีให้กับนายกรัฐมนตรีคนต่อไป นำพาประเทศไปสู่ความก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ส่วนตัวผมไม่ได้คิดว่าถึงจุดสูงสุดไหม แต่คิดว่าเป็นเกียรติที่ได้ผลักดันชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้น แต่ในการเดินต่อไป ในอายุ 62 ก็เชื่อว่ายังทำอะไรได้อีกมาก” นายเศรษฐากล่าว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า จุดสูงสุดของท่านนายกรัฐมนตรีคืออะไร นายเศรษฐาตอบว่า “เป็นลูกที่ดีครับ”

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
รมต.อนุชา เร่งติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ.ชัยนาท หลังได้รับรายงานคันกั้นน้ำพัง เบื้องต้นซ่อมแซมแล้วเสร็จ คาดหากไม่มีปริมาณน้ำเพิ่ม จะกลับสู่สภาวะปกติเร็วๆ นี้
10 ตุลาคม2565 เวลา 11.00 น. นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายนที มนตริวัต รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท...
Read More
0 replies on ““เศรษฐา” แถลงน้อมรับคำวินิจฉัยศาล รธน. เสียใจถูกชี้ว่าเป็นนายกฯ ไม่มีจริยธรรม ยืนยันว่า “ผมไม่ใช่บุคคลอย่างนั้น””