“เศรษฐา” กับ “อนาถา” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

ยุค “นักโทษ” เป็นใหญ่
“ปรับครม.เพื่อไทย” จะแจก-จะริบ “อาหารเม็ด” หมาในคอกตัวไหน?
อยู่ที่ “หัวหน้าคอก”

“นายกฯ ในคอก” น่ะ โน วอเตอร์ เมดิซีน เที่ยงวาน ถูกนักโทษเรียก พร้อมรองนายกฯ ภูมิธรรม ไปพบที่ “โรงแรมโรสวูด”

มันจะมีอาไร๊ นอกจาก เคาะ “โผครม.” พรรคเพื่อไทย!
โลกรู้ ชาวบ้านรู้ หมาในคอก-นอกคอก รู้ทันหมด

ยกเว้น “กกต.” เท่านั้น ที่ไม่รู้ ……..
ว่านักโทษเทวดาพฤติกรรมชัด ทั้งทางพฤตินัยและนิตินัย ตามบทกฎหมายพรรคการเมืองขนาดไหน?

พรบ.พรรคการเมือง บัญญัติไว้ว่า….
“ห้ามพรรคการเมือยินยอมให้บุคคลที่ไม่เป็นสมาชิกพรรคเข้ามาควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ พรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรค หรือสมาชิกของพรรคไม่เป็นอิสระ ทั้งทางตรง และทางอ้อม”

ก็ “สะสมแต้ม” ทางสังคมกันไป
มากพอแลก “รถถัง” ได้ซักคันเมื่อไหร่ คงได้เห็น

อาจารย์ “ภิญโญ พงศ์เจริญ” ตรวจสถิติดาว ผมฟังที่ท่านบอก จากกันยา.๖๗ ไปถึง พฤษภา.๖๘
ไม่มี “รถถัง” (ไม่เชื่อไปถาม “บิ๊กทิน”)

แต่จะมี “สกายแลป” ลิ่วๆ จากท้องฟ้า เป็นนวัตกรรมการเมืองรูปแบบใหม่ หล่นตูมใส่กบาล เท่ากับ “กวาดบ้าน-ล้างเมือง”

“บิ๊ก คลีนนิ่ง เดย์ “อะไรๆ ทำนองนั้น!

ปี ๖๗ นี้ ใครๆ เขาดาวดี แต่ของผมมีแต่ดาวร้าย ตั้งแต่ต้นปี ยันเมษา.จากปกติ “นอนดึก-ตื่นสาย” ต้อง “นอนดึก-ตื่นเช้า” ไม่เว้นแต่ละสัปดาห์

ขยันหรือบ้างานงั้นหรือ?
เปล่าหรอก ผมน่ะ “ขี้เกียวจตัวเป็นขน-เอาเปรียบคน เอาเปรียบที่ทำงาน” เป็นสันดานอยู่แล้ว

ที่ต้องตื่น เพราะคำเดียว คือ “หมอนัด”!
“นัดตรวจ-นัดนอน” เข้าๆ-ออกๆ โรงพยาบาล ด้วยโรคโน่นนิด-นี่หน่อย มันก็ เจ็บๆ หายๆ ทำเอาถึงขั้น “เจ็บจนจน”

“กรดไหลย้อน” นี่นะ …….
“ผูกปี-ผูกชาติ” เล่นงานผมซะแทบ “ขายลูก-ขายเมีย” เป็นค่านอนโรงพยาบาล

มันเป็นหัวโจก เมื่อมันมา สารพัดโรคจะยกโขยงตามกันเป็นพรวน
ถึงบทจะหาย ก็หายง่ายๆ ซะจนหมั่นไส้มัน

กินสารพัดยาที่หมอให้ ก็ระงับเป็นพักๆ….
มีอยู่วัน “คุณเปรม” เจ้าของขมิ้นชันสกัด S-Curmin มาคุยด้วย ผมก็ปรับทุกข์ตามประสา “ยามทุกข์ ร้องหาเพื่อน-ยามสุขเพื่อนอย่ามาหากูนะ”

มาอีกวัน คุณเปรมเอาอะไรไม่รู้บรรจุในซองอลูมิเนียมฝากคนมาให้ บอกว่าเป็น “ผงใบมะกรูด”
ให้ผมเอาชงน้ำร้อน เหมือนชงชา แล้วรินเอาน้ำดื่มก่อนกินข้าว ผมลองชงกินแบบแหยงๆ คำว่า “สมุนไพร” ด้วยกลัวไตพัง อยู่ ๒-๓ วัน

ปรากฎว่า “ไอ้กรด” มันหายหัวไปเลยแฮะ
ไม่โผล่มา “ไหลย้อน” เย้ยผม ร่วม ๒ สัปดาห์แล้ว!

จากที่เขาเอามาให้ ตอนนี้ ต้องไปขอ ไม่มีจำหน่ายหรือมีก็ไม่แน่ใจ ต้องรอถามคุณเปรม

สรุปว่า สมุนไพรไทยนี่ ที่เขาผลิตได้มาตรฐาน มันดีจริงๆ หรือผมเป็นพวก “ลางเนื้อ-ชอบลางยา” ก็ไม่รู้นะ!?

ครับ…ก็ไม่มีอะไร มีก็ขายหมด
เพียงแต่คุยๆ ไป มีอะไรแวบขึ้นมา ผมก็นำมาคุยไปเรื่อยเท่านั้น

คุยเรื่อง “เงินแจก ๕ แสนล้าน” หน่อยเป็นไร ขนาด “ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ” ทำหนังสือ “แสดงความกังวล” ไปถึงรัฐบาลแล้ว
แต่ “กูไม่สนซะอย่าง” ใครจะทำไม?

ก็ไม่มีใครทำอะไรรัฐบาล “คิดใหญ่-ทำเป็น” ได้หรอก ผมเพียงจะบอกว่า เงิน ๕ แสนล้าน นั้น

ตอนนี้ “เศรษฐา-เพื่อไทย” โยนเหยื่อที่ยากขย้ำไปให้ ๒ หน่วยงาน “รับหน้าเสื่อ” แทนแล้ว คือที่
-คณะกรรมการกฤษฎีกา
-บอร์ดธนาคาร ธกส.

ประเด็นจิ๊กเอาเงินเหลือค้างงบ ปี ๖๗ ส่วนหนึ่ง จากงบปี ๖๘ ที่เป็น”งบขาดดุล”เอาตัวเลข “กู้ไปแจก” ไปซุกเพิ่มในวงเงินที่รัฐบาลต้องกู้มาอีกส่วน

และที่อ้าง “เงินยืม” ไม่ใช่ “เงินกู้” จาก ธกส.อีก ๑.๗๒ แสนล้านไปสมทบให้ครบ ๕ แสนล้าน เพื่อแปลงเป็นโทเคนลมๆแล้งๆ แจกอีกส่วน

วิธีการ ที่รัฐบาลเพื่อไทย “แฮปเงิน-สร้างหนี้” นั้น ทำได้หรือไม่ ผิดกฎหมายหรือไม่ โดยเฉพาะเงินจาก ธกส.?

“เศรษฐา” โยนขี้ให้ “คณะกรรมการกฤษฎีกา” ที่ปรึกษากฎหมายรัฐบาล ไปพิจารณา “หาทางออก” แทนรัฐบาลแล้ว

อีกคณะ ที่ต้อง “กินฟักต้ม” แทนเศรษฐา คือ “บอร์ด ธกส.”
เห็นว่าวันนี้ หรือสัปดาห์หน้านี่แหละ “บอร์ด ธกส.” ที่รมช.จุลพันธ์ เป็นประธาน จะถกกัน ว่า

ธกส.จะเอาเงิน ๑.๗๒ แสนล้าน “ทดรองจ่าย” ไปก่อน ทำได้ตามมาตรา ๒๘ พรบ.การเงินการคลัง ตามพรบ.ธกส. มาตรา ๙(๓) และตามกฎกระทรวง โดยไม่ผิดวัตถุประสงค์ของธกส.หรือไม่?

สรุป…..
ถ้าแจกไม่ได้ ประชาชนคนรอแจก จะมาโทษ “เศรษฐา-เพื่อไทย” ไม่ไม่ได้เชียวนะ

เพราะ “เศรษฐา-เพื่อไทย” น่ะพร้อม “กู้มาแจก” ให้ชาวบ้านจ่ายหนี้ “๕ แสนล้าน” ทั้งดอก-ทั้งต้น แทนเพื่อไทยอยู่แล้ว
“ได้-ไม่ได้” ก็อยู่ที่ “กฤษฎีกา” กับ “บอร์ดธกส.” นั่นแหละ
ว่าเขาจะ “ให้เงิน-ให้แจก” หรือเปล่า?

“กลมกลิ้ง” เป็นลิงเล่นไข่ ไปเรื่อยๆ ถ้าจะให้ผมฟันธง ก็ฟันจนกะรุ่ง-กะริ่งไปหลายธงแล้ว
ฟันอีกทีก็ได้ว่า เงินแจก ๕ แสนล้าน “เจ๊ง” ไม่ได้แจกหรอก!

ถ้ามีแจก ก็ต้องแจกตามที่ “นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เสนอแนะรัฐบาล ว่า

“รัฐบาลควรทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ในขอบเขตที่ครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น (targeted)
เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ อย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า

และใช้งบประมาณลดลง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่รายได้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ๑๕ล้านคน

ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ ล้านบาท

เนื่องจากคนกลุ่มรายได้น้อยมีสัดส่วนการใช้จ่ายเพื่อบริโภคสูงกว่ากลุ่มรายได้อื่น
และมักซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศมากกว่าสินค้านำเข้า นอกจากนี้ ควรพิจารณาดำเนินโครงการแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลังด้วย

ทั้งนี้ ความจำเป็นที่จะกระตุ้นการบริโภคในวงกว้างมีไม่มาก โดยในปี ๒๕๖๖ การบริโภคภาคเอกชนของไทยขยายตัวได้ที่ ๗.๑ %
เทียบกับค่าเฉลี่ยช่วงปี ๒๕๕๓ – ๒๕๖๕ ที่ขยายตัวเฉลี่ยที่ ๓% ต่อปี…..ฯลฯ…”

เนี่ย….โครงการแจก ๕ แสนล้าน เป็นเรื่องของรัฐบาล ไม่มีบอกว่าทำไม่ได้
เพียงเขาบอก “วิธีการที่ทำ” นั่นตะหาก มันเสี่ยงผิดกฎหมาย

“เป็นโครงการที่มีรายละเอียดการดำเนินการซับซ้อน ใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อภาระการคลังของประเทศในระยะยาว

และมีความเสี่ยงต่อการรั่วไหลหรือทุจริตในขั้นตอนต่าง ๆ ควรดำเนินการด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง (Due Care) และมีกระบวนการที่ถูกต้องรัดกุม (Due Process) อย่างเต็มที่”

ก็แค่นี้ รัฐบาลจะฟังหรือไม่ฟัง เป็นเรื่องของรัฐบาล
“คุก-ไม่คุก” ก็เรื่องของรัฐบาล

และเชื่อหัวไอ้เปลวคนนี้เถอะ เมื่อส่งเรื่องถึงกฤษฎีกา
พิจารณาแล้ว ก็จะบอกว่า โครงการนั้นทำได้ แต่ถ้าทำตามวิธีที่รัฐบาลจะทำ “ขังเดี่ยว” หรือ “ขังรวม” เลือกเอาเองตามชอบ!

คณะกรรมการกฤษฎีกา ที่จะพิจารณาวินิจฉัยเรื่องนี้ คือ คณะที่ ๑๒ “ท่านอาจารย์ พนัส สิมะเสถียร” เป็นประธาน

เห็นชื่อท่าน “พนัส” ผู้ซึ่งประหนึ่ง “เปาบุ้นจิ้น” กลับชาติมาเกิด ถ้าผมเป็นเศรษฐา ทรุดสลบซบคาตีนหัวหน้าคอก
แล้วคราง…

“นรกส่งเรามาแฮป ใยฟ้าต้องส่งอาจารย์พนัสลงมาด้วย”!?!?

ส่วนเงิน ธกส.นั้น ถ้าจะผ่านบอร์ด ก็คงมี “รมช.จุลพันธ์” คนเดียวละมั้ง?

สรุปแล้ว…….
๕ แสนล้าน “แห้วครับ…นาย”!

เปลว สีเงิน
๒๖ เมษายน ๒๕๖๗

Written By
More from plew
“จะรบ” ช่างเขา-ของเรา “จะร่วม”
เอาเข้าแล้วมั้ยล่ะ! “ฤกษ์ย่ำรุ่ง” อิหร่านถล่ม “ฐานทัพสหรัฐฯ” ๒ แห่งในอิรัก ด้วยขีปนาวุธข้ามประเทศ เช้ามืดวาน (๘ มค.๖๓) ผลเป็นไงน่ะรึ? ต้องให้ไอ้บอล...
Read More
0 replies on ““เศรษฐา” กับ “อนาถา” – เปลว สีเงิน”