ประเทศไทย มี “วิกฤติเศรษฐกิจ” ตามที่รัฐบาลพูดจริงหรือ ?

21 พฤศจิกายน 2566 นายเกียรติ สิทธีอมร คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ และอดีต สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยระบุว่า
ปกติแล้วจะถือว่าประเทศใดประเทศหนึ่งมีปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ จะต้องมีเหตุการณ์ดังต่อไปนี้

1) อัตราแลกเปลี่ยนหรือค่าเงินเปลี่ยนแปลงผันผวนอย่างรุนแรง
2) เศรษฐกิจถดถอยจนติดลบอย่างรวดเร็วไม่คาดคิด
3) เงินเฟ้อพุ่ง ข้าวของแพงจนควาบคุมไม่ได้
4) บริษัทและผู้ประกอบการจำนวนมาก ต่างปลดคนงาน พร้อมๆกัน ทำให้คนตกงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
5) ประชาชนแห่กันไปถอนเงินจากธนาคาร

ถ้าเป็นเช่นนั้น ถือได้ว่าประเทศมีวิกฤติเศรษฐกิจแน่นอน แต่เมื่อนายกบอกคนในประเทศว่าเรามีวิกฤติจนต้องกู้เงินถึงกว่า 500,000 ล้านบาท มาแจก ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ในขณะที่ไปเชิญชวนนักลงทุนต่างประเทศให้มาลงทุนในประเทศไทย โดยส่งสัญญาณว่า เราพร้อม การลงทุนเราเติบโตสูงกว่าร้อยละ 30 แน่นอนที่สุดคนฟัง ทั้งนักธุรกิจและประชาชนทั่วไป ทั้งในและต่างประเทศ ต้องรู้สึกสับสนเพราะสิ่งที่พูดในนามรัฐบาลมันย้อนแย้งกันอย่างมาก

การประกาศว่าเราจำเป็นออก พ.ร.บ.เงินกู้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่งบประมาณประจำปีปกติ ทั้งที่อยู่ในวิสัยที่ทำได้ ก็ต้องยอมรับว่าผิดปกติอย่างมาก..

คนไม่น้อยต่างสงสัยและสรุปกันเอาเองว่า ที่นายกพูดว่าเรามีวิกฤต ก็เพราะ พรบ วินัยการเงินการคลัง ได้กำหนดไว้ชัดเจนว่า จะออก พรบ งบประมาณ เป็นกรณีพิเศษได้ ต้องเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อแก้วิกฤต ไม่สามารถทําเป็นงบประมาณปกติได้ ด้วยเหตุนี้เองประเทศไทยจึงกลายเป็นประเทศที่มีวิกฤตเศรษฐกิจโดยปริยาย

สุดท้ายนี้ นายเกียรติ กล่าวต่ออีกว่า แต่ต้องไม่ลืมนะว่า ในกรณีเช่นนี้ รัฐบาลต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า งบประมาณที่จะเอาไปใช้ มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ หรือสังคม ตามมาตรา 57 พรบ. วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 หากทำไม่ดี ไม่ถูกต้องตามกฏหมาย ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยได้นะ

ทำกันอย่างนี้ กระทบความน่าเชื่อถือของประเทศได้

Written By
More from pp
สถาบันโรคทรวงอก แนะนำโรคหัวใจกำเริบเฉียบพลันควรมาพบแพทย์ทันที
กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคทรวงอก แนะนำผู้ป่วยหัวใจกำเริบเฉียบพลัน (Heart attack) หากได้รับการรักษาล่าช้า อาจทำให้เสียชีวิตได้
Read More
0 replies on “ประเทศไทย มี “วิกฤติเศรษฐกิจ” ตามที่รัฐบาลพูดจริงหรือ ?”