คลิกฟังบทความ..⬇️
เปลว สีเงิน
การที่ “เด็กอายุ ๑๔” พกปืนเข้าไปในห้าง
แล้วกราดยิงจนมีคนตายและเจ็บหลายคน เมื่อวาน (๓ ตค.๖๖) ที่ย่านพารากอน นั้น
ไม่ใช่ “เด็กป่วย” ทางจิต
แต่มาถึงจุดที่เรียกว่า “สังคมป่วย” ทางจิตขั้นวิกฤติแล้ว!
“ทางจิต” ที่ว่านั้น คือ “ค่านิยม” ของคนยุคนี้
ทั้งพ่อ-แม่ ที่เป็นผู้ปกครอง,คนในครอบครัว,องค์กร, สังคมงาน,สถานศึกษา ไม่เว้นกระทั่งในวัด
“วัตถุนิยม” ครอบงำสนิท ชนิด ๙๙%
ท่าน “พุทธทาส” เตือน ได้ยินกันมาจนหูเปื่อย “ศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะพินาศ”
ฟังแล้วก็ “ยิ้มหยัน”
โลกเขาไปถึงไหนกันแล้ว ยังจะมาพูดเรื่องศีลทง-ศีลธรรมอะไรกัน เชย โบราณ เอะอะลากเข้าวัดตะพึด!
สังคมไทย จากที่เคยรู้จัก “วันพระ-วันโกน” ผู้คนจิตใจจะอ่อนโอน ต่อให้มหาโจร ก็จะไม่ปล้นในวันพระ
แต่เมื่อสิ่งที่เราเรียกว่า “ความเจริญ” จากโลกตะวันตกบ่าไหลเข้ามา สังคมบริหารและปกครองไทย ก็ไหลตาม
กระทั่งในระบบศึกษา ยังให้เลิกสอนเรื่องศีลธรรม
“วันพระ-วันโกน” หายไป
“วันเสาร์-อาทิตย์” เข้ามายึดครองสังคมประเทศไทยเต็มรูปแบบ ตั้งแต่คนในทำเนียบ ยันคนในกระต๊อบกลางทุ่งนา
คนไทย อะไรก็หยวนๆ คือเป็นคน “ยอมรับ-ปรับตัวง่าย” เพราะพื้นฐาน คนไทยอยู่กับน้ำ
เกิดกับน้ำ ตายก็ลอยกระดูกในน้ำ รูปแบบสังคม จึงเลื้อยไหลไปตามรูปทรงภาชนะคือ “ทุกค่าสังคม” ได้ง่าย
เมื่อสังคม “เสาร์-อาทิตย์” กลืนสังคม “วันพระ-วันโกน” ก็ไม่ลึกซึ้งอะไรมาก รับรู้แต่ว่าเป็นวันหยุด
ไม่ต้องไปโรงเรียน ไม่ต้องไปทำงาน ดีซะอีก จะได้เที่ยวเล่นหรือทำอะไรก็ได้ไม่ต้องตะขิด-ตะขวงใจเหมือนแต่ก่อน ที่มี “วันพระ-วันโกน” เหนี่ยว-กระตุกจิตใต้สำนึกไทย ให้ต้องยั้ง
ถึงยุค “สื่อสารครองโลก”…
นี่แหละคือความนัยของคำว่า “โลกาจะพินาศ” ตามที่ท่านพุทธทาสพร่ำเตือนละ
เพราะ “เทคโนโลยีการสื่อสาร” มันเป็นทั้งตัวสร้างและตัวทำลายโลก
เหมือนมีด จะใช้เฉือนคอตัวเอง หรือหั่นผัก-หั่นปลา ขึ้นอยู่กับสติปัญญาคนใช้
อเมริกันสร้างระบบนี้ขึ้นมา ก็เพื่อเป็นเครื่องมือไปสู่เป้าหมาย “อำนาจเดียวครองโลก”!
“ลางพินาศ” เกิดกับสังคมไทยลางๆ เมื่อ ๔๐-๕๐ ปีก่อน เมื่อระบบอินเทอร์เน็ตเริ่มเข้ามา แต่มาชัดเอามากๆ ในระยะ ๓๐ กว่าปีนี้
ร้อยละ ๗๐-๘๐% สังคมครอบครัวไทย
ใช้ “มือถือ” กับ “เงิน” เลี้ยงลูกแทนการอบรม-บ่มเพาะลูกด้วยตัวเอง เพราะไทยอยากก้าวหน้า-ทันสมัยตามอเมริกันสอน
จึงเปลี่ยนจากประเทศ “สังคมเกษตรกรรม” เป็นหลัก ไปเป็นประเทศ “สังคมอุตสาหกรรม”
คนไทยจึงทิ้งถิ่น-ทิ้งอาชีพ ทิ้งระบบครอบครัวพร้อมหน้า “พ่อ-แม่-ลูก-ปู่-ย่า-ตา-ยาย” ไปสู่อาชีพคนงานโรงงานอุตสาหกรรม
“เงินกับมือถือ” จึงเป็น “พ่อพิมพ์-แม่พิมพ์” ให้ลูกแทนการบ่มเพาะจากพ่อแม่
สิ่งแรกที่มือมือหล่อหลอมให้ลูก คือ
“ความเร็ว”
เด็กรุ่นใหม่ จะเป็นเด็กอดทน-รอคอยอะไรไม่ได้เลย
ทุกอย่างต้องเร็วหมด
อยากได้-ต้องได้ ถ้าไม่ได้ สัญชาติญานเยี่ยงสัตว์ป่าจะปรากฎทันที
คือ เอาแต่ใจ อารมณ์ร้อน เอะอะใช้ความรุนแรง ไม่มีความยั้งคิด แยกแยะ “ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี” ไม่ได้
“ฆ่า…” คือ สัญชาติญานตอบสนอง “ความเร็ว” สั่ง แทนสติและความยับยั้งชั่งใจสั่ง!
เพราะ “เกมในมือถือ” สอนให้เขาเป็นอย่างนั้น
ส่วนทัศนคติ ความนึกคิด ที่เรียก “ค่านิยม” คนรุ่นใหม่ จะซึมซับเรื่องราวจากเฟซ จากทวิตเตอร์ จากติ๊กตอก จากสังคมเพื่อนรสนิยมเดียวกัน
และจากครูบาอาจารย์ตามสถาบันศึกษาที่ถูกจักรวรรดินิยมตะวันตกขุนเลี้ยงให้ทำงานต่างมือตีน
โดยเฉพาะ จากโปรแกรมที่มีคนจงใจสร้างขึ้นเพื่อ “ปลูกฝัง-ล้างสมอง” คนสังคมรุ่นใหม่ให้เป็นไปในแนวนั้น
ตามเป้าหมาย New World Order “ครอบครองสื่อ=ครอบครองโลก”!
เหตุที่พารากอนเมื่อวาน มันก็แนวทางเดิมของขบวนการใช้เด็กเป็นเหยื่อ เปลี่ยนตรงรูปแบบเท่านั้น
คือจากรุนแรงสังคมหมู่ตามถนน รุนแรงด้วยถ้อยคำตามโซเชียลมีเดีย ไปเป็นรุนแรงด้วยการใช้ปืนไล่ยิงในห้าง
แบบนี้ มันมาจากไหน?
มันก็มาจากตัวอย่างในสหรัฐฯ ในยุโรป ที่ไล่ยิงตามห้าง ตามโรงเรียน เป็นข่าวสารเผยแพร่จนเป็น “ค่านิยม” ของคนรุ่นใหม่ทุกวันนี้ นั่นแหละ
สังคมไทยทุกวันนี้ พูดกันตรงๆ
แทบไม่เหลืออะไรที่เป็น “ของไทย” เราเองเลย
ไม่ต้องพูดถึงระบบการศึกษา
เพราะแม้กระทั่งระบบบริหารและปกครองประเทศ ถามว่า “ประชาธิปไตย” ที่เป็นระบบ-ระบอบปกครองประเทศตั้งแต่ ปี ๒๔๗๕ ถึงทุกวันนี้
มันก็ลอกตะวันตกมาใช้ทั้งดุ้นใช่มั้ย?
เห็นรัฐบาลเศรษฐาใน “ทักษิณาปถัมภ์” เหี้ยนกระหือรือจะตั้งสสร.เขียนรัฐธรรมนูญใหม่
เขียนได้…….
แต่ถามว่า แก่นแท้ของเจตนาในการเขียนใหม่ อยู่ตรงไหน-เพื่ออะไร?
ก็เพื่อไปใช้ล้างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน จากที่นักการเมืองโกงยาก เข้าไปแทะงบประมาณยาก ต้องคดี-ต้องโทษแล้วหลุดพ้นคดีได้ยาก
ให้ทุกอย่างมันง่ายเพื่อการโกง
และเปิดช่อง “แก้กฎหมายลูก” เพื่อล้างโทษ-ปลดคดี จากเงื่อนไขกฎหมายปัจจุบันล็อกไว้ ให้หลุดไปเป็นอิสระเท่านั้น
แน่จริง ประกาศสิ….
ประเทศไทยจะมีประชาธิปไตยเป็นของตัวเอง โดยรัฐธรรมนูญใหม่ จะสะท้อนและสนองตอบวิถีชีวิตและสังคมไทย ๑๐๐%
ไม่อิง ไม่ลอก ไม่เลียนแบบ ประชาธิปไตยของใครในโลก
รัฐธรรมนูญที่จะร่างใหม่……
จะเป็นรัฐธรรมนูญที่ “ตัดรองเท้าเข้ากับตีนคนไทย”
เศรษฐาประกาศแบบนี้ แทนขุดกรุโจรมาตั้งให้เป็นคณะกรรมการสรรหาโน่นนี่ ยังจะเข้าท่ากว่า
แต่ที่ตั้งกันขึ้นมา ไม่เห็นประโยชน์อะไร นอกจากขนพวกที่เคยเป็นมือ-เป็นตีนป่วนเมืองมากินเบี้ยเลี้ยงประชุม
เอาเงินหลวงไปสมนาคุณ…..
เหมือนยุคยิ่งลักษณ์ที่เอาเงินหลวงไปแจกพวกเสื้อแดง แล้วบอกเป็นค่าเยียวยาบาดเจ็บล้มตายในม็อบเผาบ้าน-เผาเมือง!
เห็นทะยอยเข้ามากินตำแหน่งข้าราชการการเมืองตามกระทรวงกันเป็นพรวน รัฐบาลเศรษฐา อีกไม่ช้า ก็คงเข้ารูป-เข้ารอย “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” จนได้
สังคมประเทศ “ป่วยศีลธรรม” ขั้นวิกฤติแล้ว รัฐบาลควรตระหนักและหยิบเรื่องนี้ไปพูดจา ฟื้นฟู แก้ไข ในทั้ง ๓ ระยะเป็นเรื่องเร่งด่วน
ไม่ใช่ “ประชานิยม” แจกเงินดิจิทัล ๕๖๐,๐๐๐ ล้านบาทเป็นเรื่องเร่งด่วน
เพราะแจกนี่แหละ เป็นส่วนหนึ่งสร้างหายนะสังคมป่วย
เศรษฐาลืมตาดูซี……
เป็นรัฐบาลมากี่วัน ยังไม่ถึงเดือน ต่างชาติขนเงินออกจากตลาดทุนไปเป็นแสนๆ ล้าน
ตลาดหุ้นไทย ตั้งแต่เศรษฐาเข้ามา หัวทิ่ม-หัวตำ จากดัชนี ๑,๕๐๐-๑,๖๐๐
เมื่อวาน วันเดียว ไหลทะรูดลงกว่า ๒๕ จุด ตอนนี้เหลือ ๑,๔๐๐ กว่าๆ เท่านั้น
เงินบาทเทียบดอลลาร์ จาก ๓๒-๓๓ ตอนต้นปี ตอนนี้ อ่อนค่ายวบ เฉียด ๓๘ บาทต่อ ๑ ดอลลาร์แล้ว!
มันสะท้อนอะไร?
สะท้อน “ความไม่เชื่อมั่น” ในน้ำยารัฐบาลเศรษฐาและตัวนายกฯ เศรษฐาโดยตรง
โดยเฉพาะ นโยบายดันทุรัง แจกเงินดิจิทัลคนละ ๑ หมื่น รวมแล้ว ๕๖๐,๐๐๐ ล้านบาทนั่นแหละ
ใครได้ยิน ก็พูดกัน ๒ อย่าง ไม่บ้า ก็เจตนาไม่ซื่อ!
สหรัฐฯ ตอนนี้ ดอกเบี้ยพันธบัตรสูงกว่า ๕% ดูดเงินทั้งโลกกลับ ทำดอลลาร์แข็งโป๊ก
ที่สำคัญ เงิน ๕๖๐,๐๐๐ ล้าน ในภาวะนี้ ไปกู้มาแจก เงินต้น ๕.๖ แสนล้าน เฉพาะดอกเบี้ยปาเข้าไปเท่าไหร่ละนั่น?
ที่โม้ ๕.๖ แสนล้าน จะหมุน ๕-๖ รอบ ดัน GDP โต ๕% นั้น หัวนั่นแหละจะหมุน
และที่โต ไม่ใช่ GDP ไข่หนือไม่ก็ต่อมลูกหมากแม้วนั่นแหละที่โต!
หมุนได้๑ รอบ ก็ให้มันได้เถอะ เศรษฐกิจตอนนี้ ไม่มีใครเขาผลิตเพิ่มหรอก เอาสินค้าในสต๊อกส่งออกให้ได้หมดก่อน ก็บุญแล้ว
เลิกดันทุรังเพื่อ “พังประเทศ” เถอะ
ถ้าบริสุทธิ์ใจในการแจก ถามคำเดียว ทำไมต้องเป็น “เหรียญดิจิทัล”?
โปรแกรม ฮาร์ดแวร์ ที่ต้องตอบสนองฉับไวคน ๕๐ กว่าล้าน ภายในนาที/ชั่วโมง เอาเงินที่ไหนมาทำ ใครทำ มีหรือยัง?
เพราะกว่าจะสร้างระบบได้ ต้องใช้เงินก้อนโตและทีมงานจำนวนมาก แถมต้องใช้เวลาเป็นปีๆ
หรือมี “เงินเหรียญดิจิทัล” ของบริษัทเอกชนไว้รอท่าแล้ว?
เพราะถ้า “ตรงไป-ตรงมา”
เอาเงินสดยัดใส่ “แอปเป๋าตัง” ถึงตัวชาวบ้านโดยตรง มันก็จบแล้ว…จริงมั้ย?
เปลว สีเงิน
๔ ตุลาคม ๒๕๖๖