ผักกาดหอม
ก้าวไกล ถลำลึก ก้าวพลาด ไปเรื่อยๆ
การเมืองเป็นศิลปะ ถึงเวลารุกต้องรุกให้ขาด ยามถอยก็ต้องถอยให้ปลอดภัย จะวิ่งตรงเด่ ชนทุกอย่างที่ขวางหน้าไม่ได้
ไม่เจ็บก็ตาย
การเจรจาต่อรองที่ไร้ศิลปะ ใช้ความก้าวร้าวอยู่เหนือเหตุผล จะทำให้พรรคก้าวไกลไม่ได้อะไรเลย ถึงเวลานั้นคงจะโทษใครไม่ได้
มันก็ถูกนะ นักการเมืองรุ่นใหม่ ต้องเล่นการเมืองแบบใหม่ๆ
แต่การเมืองทุกยุคสมัย ไม่สามารถสลัดคำว่า “ผลประโยชน์” ได้พ้น
การเมืองประเทศเจริญแล้ว อย่างอเมริกา ยุโรป ก็หนีคำว่า ผลประโยชน์ ไม่พ้นเช่นกัน
เมื่อ พรรคก้าวไกล ไม่นำประเด็นการแก้ ม.๑๑๒ มาเป็นเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาล ก็เอาใจช่วย ตั้งรัฐบาลให้ได้
เพียงแต่คนในพรรคก้าวไกลอ่อนพรรษาการเมืองเกินไป แต่กลับเล่นใหญ่
มวลชนสีส้มไม่ต้องพูดถึง ดุเดือดเลือดพล่าน!
ท้าตีท้าต่อยตลอด
ระวังไว้ครับ สุดท้าย “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” จะเป็นได้แค่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
ไม่ใช่วาสนายังไม่ถึง
กึ๋นการเมืองไม่ถึง!
เพื่อไทย เขาต้องยึดตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ได้ครับ เพราะเขามีแผนสอง
ผิดกับก้าวไกล มีแผนเดียว และแบไต๋ หมดแล้ว
วันโหวต เก้าอี้ประธานสภาผู้แทนฯ หาก ก้าวไกล กับ เพื่อไทย ไม่มีใครถอยให้ใคร ต่างคนต่างส่งคนของตัวเองแข่ง
“พิธา” จบเห่ครับ
ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ เข้าใจได้ง่ายมาก
ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ไปโหวตให้คนของเพื่อไทย ก็คว้าพุงปลาไปกินแล้ว
มันส่งผลถึงการตั้งรัฐบาลด้วย
วิเคราะห์แบบหยาบๆ เมื่อก้าวไกล ไม่ถอย เพื่อไทย สู้กลับ ผลประโยชน์ไม่ลงตัวตั้งแต่ยกแรก โอกาสตั้งรัฐบาลด้วยกันเป็นศูนย์
ก็อยากเตือนว่าที่รัฐบาลพ่อส้ม เพราะรักหรอก ถึงต้องบอกว่า ตามเกมเพื่อไทยให้ทัน
แต่ตามทันก็ใช่ว่าจะพลิกเกมได้ง่ายๆ
“ศิริกัญญา ตันสกุล” ว่าที่ขุนคลังมือหนึ่ง ให้เหตุผลว่าทำไมก้าวไกลต้องได้เก้าอี้ประธานสภาฯ ไว้ในครอบครอง
“…พรรคยืนยันว่าจำเป็นที่จะต้องมีตำแหน่งประธานรัฐสภาไว้กับพรรคก้าวไกล นอกเหนือจากที่เราจะต้องใช้อำนาจฝ่ายบริหารแล้ว เรามีอีก ๓ วาระที่จะจำเป็นต้องใช้ตำแหน่งที่เป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันกฎหมายทั้ง ๔๕ ฉบับของพรรค เพื่อทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงเอาไว้ รวมถึงกฎหมายของพรรคการเมืองอื่น หรือกฎหมายที่เสนอโดยประชาชนก็จะสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมา ๔ ปี น่าจะเห็นแล้วว่าตำแหน่งของประธานสภาฯ มีความสำคัญมากแค่ไหน ในการอำนวยความสะดวกและขัดขวางการออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ของประชาชน…”
ไม่ใช่หรอกครับ
ไม่ว่าประธานสภาฯ เป็นของพรรคไหน ก้าวไกลก็สามารถยื่นร่างกฎหมายเข้าสภาได้ครบทั้ง ๔๕ ฉบับแน่นอน หากสภามีอายุยืนยาวพอ
แต่ก้าวไกลต้องการหลักประกันว่า ประธานสภาฯ จะอำนวยความสะดวกอย่างสูงสุดให้ “พิธา” ได้เป็นนายกฯ
สถานการณ์ของก้าวไกลตอนนี้ยากลำบากครับ
เพราะก้าวไกลพลิกสูตรไม่ได้ แต่เพื่อไทยทำได้
แม้ก้าวไกลจะยอมเพื่อไทย ยกเก้าอี้ประธานสภาฯ ให้ แต่ “พิธา” ก็ยังไม่ปลอดภัยครับ
ในวันที่ก้าวไกลโหวตเสียงให้คนของเพื่อไทยเป็นประธานสภาฯ การตั้งรัฐบาลของเพื่อไทยสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
แต่ก้าวไกลเสียโอกาสในการตั้งรัฐบาลไปแล้วครึ่งหนึ่งเช่นกัน
ในวันโหวตนายกฯ เพื่อไทยทำตามสัญญาทุกอย่าง ส.ส.ทุกคนยกมือโหวตให้ “พิธา” อย่างพร้อมเพรียง
แต่…เสียงก็ยังไม่ถึงครึ่ง เพราะ ส.ว.ไม่เทคะแนนให้
ถือว่าโอกาสของ “พิธา” หมดไปแล้ว ต้องรอเลือกตั้งครั้งถัดไป
ส่วนเพื่อไทยพลิกกลับมาอีกหน้าได้ “ด้อมส้ม” จะด่าก็ลำบาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะเพื่อไทยไม่ได้ทำผิดสัญญาแต่อย่างใด
ทำไม เพื่อไทย กับ ก้าวไกล อยู่คอกเดียวกันไม่ได้
มันมีหลายสาเหตุครับ
อย่างแรกเลย ฐานคะแนนเสียงแทบจะเป็นกลุ่มเดียวกัน และผลเลือกตั้ง ส้มกินแดงไปเยอะ มันเหมือนเอาตีนเหยียบหน้า
เพื่อไทยกระอักเลือด เพราะผลเลือกตั้งถือว่าระบอบทักษิณพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ กลายเป็นพรรคลำดับ ๒ ในรอบกว่า ๒๐ ปี
ส่งผลถึงไทม์ไลน์กลับมาเลี้ยงหลานของ “ทักษิณ ชินวัตร” อย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้จะไม่มีใครเชื่อว่า “ทักษิณ” จะกลับมาก็ตาม
ฉะนั้นธงของ “ทักษิณ” คือ เพื่อไทยต้องเป็นรัฐบาลเท่านั้น
และต้องมีสถานะ แกนนำรัฐบาล ไม่ใช่พรรคร่วม
สถานการณ์แบบนี้ “ทักษิณ” เองก็เก็บอาการไม่อยู่ครับ
วานนี้ (๒๕ พฤษภาคม) “ดวงฤทธิ์ บุนนาค” สถาปนิกและแกนนำกลุ่มแคร์ คิด เคลื่อน ไทย สาวกแถวหนึ่งของโทนี่ วู้ดซัม โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ Duangrit Bunnag
“ต้องทนให้คนที่เรียกตัวเองว่าเพื่อน เอาตีนถีบหน้าอยู่ทุกวันจริงหรือครับ เพื่อนที่โกหก คอยแทงข้างหลังตลอด แต่ต้องช่วยมัน เพราะลำพังตัวเองมันไปเองก็ไม่รอด ไม่ช่วยมันกูก็ผิด ช่วยมันกูก็เจ็บ
#ความอดทนบางทีแม่งก็มีขีดจำกัด”
“ทักษิณ” รีทวีตข้อความนี้ พร้อมกับโพสต์ข้อความสั้นๆ ว่า “Sound Familiar krub” (คุ้นๆ นะครับ)
ไม่ต้องไปตีความครับ พูดถึงก้าวไกลตรงๆ
มาแนวเดียวกับ “อดิศร เพียงเกษ” ที่ลากไส้ก้าวไกล “สู้ไป โกหกไป”
แค่ไหว้ครู ยังไล่งับกันเลือดซิบๆ แบบนี้
แล้วจะร่วมรัฐบาลกันได้หรือครับ