ผู้นำแท้-ผู้นำเทียม – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

อารมณ์ค้างกันเป็นแถว

โดยเฉพาะ “ปิยบุตร แสงกนกกุล”

เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ครับว่าทำไมหน้าตาเอ็มโอยูของ ๘ พรรคการเมือง ว่าที่รัฐบาลถัดไป ถึงได้ออกมาในลักษณะไม่เป็นคุณกับพรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้ามากนัก

จะเรียกว่าทรยศอุดมการณ์ของพวกสายแข็งในพรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้าก็ว่าได้

ก็อย่างที่รู้กันครับ แนวคิด แก้ไข และบางครั้งก็ ยกเลิก ม.๑๑๒ นี้ พรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้า ประกาศมานาน

และลงมือทำไปแล้วในสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ผ่านมา

มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเข้าสภาไปแล้ว แต่ถูกเบรก

เพราะส่อขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา ๖ ที่บัญญัติข้อความสำคัญคือ “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้”

ข้อความสำคัญนี้ไปปรากฏอยู่ในเอ็มโอยู นำมาซึ่งความไม่พอใจอย่างแรงของ “ปิยบุตร”

ทำไมถึงไม่พอใจได้ขนาดนั้น?

ขนาดที่ว่าด่า ๘ พรรคที่เขียนเอ็มโอยูลงไปแบบนี้ คือ การแสดงออกแบบ “กินปูนร้อนท้อง” หรือ “วัวสันหลังหวะ” เสียมากกว่า

ก็แสดงว่า เป้าหมายของ “ปิยบุตร” มีเพดานสูงกว่า “พิธา”

“…ผมได้อ่าน MOU การร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกลแล้ว ผมไม่เห็นด้วยในสองประเด็น ซึ่งแตกต่างไปจากเนื้อหาที่ปรากฏในร่าง MOU สุดท้ายที่หลุดออกมาทางสื่อ

การเพิ่มข้อความที่ว่า ‘ต้องไม่กระทบกับรูปแบบของรัฐและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการดำรงอยู่ในสถานะอันเป็นที่สักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์’

เหตุผล

ข้อความเหล่านี้ปรากฏอยู่ในรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ อยู่แล้วว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และรูปแบบของรัฐได้

การบัญญัติข้อความนี้ซ้ำลงไป ไม่ส่งผลใดๆ ในทางกฎหมายและในทางการเมือง เพราะอย่างไรเสีย รัฐบาลใดที่มาจากการเลือกตั้ง ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐและระบอบการปกครองได้อยู่แล้ว พวกที่ทำแบบนี้ได้ คือ พวกก่อการรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญเท่านั้น

ตรงกันข้าม การเขียนลงไปแบบนี้ คือ การแสดงออกแบบ ‘กินปูนร้อนท้อง’ หรือ ‘วัวสันหลังหวะ’ เสียมากกว่า

นอกจากนั้น การเพิ่มถ้อยคำที่ว่า ‘สถานะอันเป็นที่สักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ขององค์พระมหากษัตริย์’ ก็อาจเป็น ‘บ่วงรัดคอ’ ที่ทำให้พรรคก้าวไกลต้องประสบปัญหาในการเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรได้ในอนาคต…

…ประเด็นที่สอง

การตัดเรื่องการผลักดันให้มีการนิรโทษกรรมคดีเกี่ยวกับการแสดงออกทางการเมือง ผ่านกลไกรัฐสภา ออกไป

เหตุผล

พรรคก้าวไกลมีพันธกิจสำคัญที่รับมาจากความคาดหวังของประชาชน เยาวชน จำนวนมาก ในการยุติปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่พัวพันกันมาตั้งแต่รัฐประหารปี ๔๙ ผ่านเหตุการณ์ปี ๕๓ ผ่านรัฐประหาร ๕๗ และการชุมนุมของ ‘ราษฎร’ ในปี ๖๓-๖๕

การจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้สำเร็จ ต้องใช้กลไกการนิรโทษกรรม ให้กับบุคคลที่ถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับการแสดงออกทางการเมืองเสียก่อน…”

น่าผิดหวังเป็นอย่างมากครับ ทั้งที่จริงก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจาก “ปิยบุตร” อยู่แล้ว

พันธกิจของพรรคก้าวไกล โดยคำพูดของ “ปิยบุตร” ไม่เอ่ยถึง กลุ่มพันธมิตรฯ กลุ่มคนเสื้อเหลือง เสื้อหลากสี กปปส. แม้แต่นิดเดียว ราวกับว่าคนกลุ่มนี้ไม่ใช่คนไทย ไม่มีตัวตน

แล้วพรรคก้าวไกลจะเป็นรัฐบาลของประชาชนทุกคนได้อย่างไร

มันก็ไม่ต่างจากวาทะของ “ทักษิณ” จังหวัดไหนเลือกไทยรักไทยต้องดูแลจังหวัดนั้นก่อน

แต่ “ทักษิณ” ยังเปิดช่อง จังหวัดที่ไม่เลือกไทยรักไทย จะดูแลในภายหลัง แต่ของ “ปิยบุตร” กลุ่มพันธมิตรฯ กลุ่มคนเสื้อเหลือง เสื้อหลากสี กปปส. หายไปจากประเทศไทย

แนวคิดอุดมการณ์ทางการเมืองของ “ปิยบุตร” จึงดูน่ากลัว

ในขณะที่ “พิธา” ดิ้นรน เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นรัฐบาล

การลดเพดานที่เคยเรียกร้องลง ไม่ได้ส่งผลดีต่อ พวกฮาร์ดคอร์ในพรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า แต่เป็นผลดีกับประเทศโดยรวม

ไม่เฉพาะขั้วการเมืองตรงข้ามกับ “ปิยบุตร” เท่านั้นที่เห็นเช่นนี้

อีก ๗ พรรคการเมือง ก็เห็นต่างกับ “ปิยบุตร”

ไม่เฉพาะประเด็น ม.๑๑๒ ที่ต้องลดเพดานลง

หลังจากนี้เป็นต้นไป “พิธา” จะต้องลดเพดานไปอีกหลายเรื่อง

สาเหตุหรือครับ?

ตอนเป็นฝ่ายค้านพูดได้หมด

จะให้หมาออกลูกเป็นควายก็ย่อมได้

แต่การเป็นรัฐบาล ไม่ว่าพูดหรือทำ มันอยู่ที่ข้อมูลและเงื่อนไขที่ต่างออกไป

ก็ดูตอนหาเสียงสิครับ “พิธา” ถึงกับติดสติกเกอร์ให้ยกเลิก ม.๑๑๒

ในสถานการณ์คั่วเก้าอี้นายกฯ ไปทำแบบนั้นไม่ได้

นี่ก็รอดูอยู่ “พิธา” ได้เป็นนายกฯ เมื่อไหร่ จะมีมวลชนสีส้ม สามนิ้ว ทะลุนรก ชุมนุมที่ดินแดง ราชดำเนิน เผา ขว้างระเบิดทุกวัน เรียกร้องให้รัฐบาลพิธายกเลิก ม.๑๑๒ เหมือนที่ทำกับ รัฐบาลลุุงตู่ หรือเปล่า

เพราะสถานการณ์การแก้ไข หรือยกเลิก ม.๑๑๒ ช่วงนี้กับช่วงรัฐบาลลุงตู่ ไม่ได้ต่างกันมากนัก

๗ พรรคห้ามใส่ในเอ็มโอยู มีก้าวไกลพรรคเดียวที่ประกาศเดินหน้าต่อเพื่อเอาใจมวลชน มันก็เหมือนเดิม เหมือนตอนที่ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน

ฉะนั้นหากมวลชนสีส้มตระกูลทะลุทั้งหลายไม่เคลื่อนไหว ไม่ออกมาแว้น ไม่ชุมนุม ก็เท่ากับไม่มีอุดมการณ์ เป็นเพียงม็อบตามสั่งเท่านั้น

อีกเรื่องที่ “พิธา” ลดเพดานแล้วคือ ค่าแรงขั้นต่ำ

ตอนหาเสียงบอกว่าถ้าได้เป็นรัฐบาลขึ้นทันทีวันละ ๔๕๐ บาท วานนี้ (๒๓ พฤษภาคม) ไปคุยกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เจอข้อมูลทะลักกลับตัวแทบไม่ทัน ไม่ขึ้นแบบกระชากแล้ว เพราะเป็นรัฐบาลผสม

ข้ออ้างรัฐบาลผสม ก็คงเป็นเหตุผลในเรื่องที่ “พิธา” จะทำไม่สำเร็จหลังจากนี้ อาทิ ปฏิรูปกองทัพ ปราบคอร์รัปชัน ฯลฯ

“พิธา” อยู่ระหว่างเรียนรู้ครับว่า การเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล กับการเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ความรับผิดชอบมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ที่เคยด่า ๘ ปี “ลุงตู่” พาประเทศวิบัติ วันนี้ “พิธา” น่าจะเริ่มรับรู้แล้วว่ามันไม่ใช่

มีข่าวดี ๒-๓ วันก่อน “ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองประธานอาวุโส กลุ่มบริษัทไทยซัมมิท พี่สาวธนาธร แถลงข่าวว่า ไทยซัมมิทมีแผนการลงทุนในปีนี้ไว้อย่างน้อย ๕ พันล้านบาท หลังจากมีรถ EV เข้ามาบุกตลาดในไทยอย่างต่อเนื่อง

“…กลุ่มบริษัทไทยซัมมิท คาดการณ์ถึงอนาคตอันใกล้ว่า ผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ต่างๆ โดยเฉพาะแบรนด์จีนที่รัฐบาลไปชักชวนมาลงทุนในประเทศไทยน่าจะเริ่มเดินเครื่องได้ จะทำให้เกิดการแย่งแรงงานกันจนเกิดปัญหาบุคลากรขาดแคลน เนื่องจากจะมีโรงงานเกิดใหม่อีกอย่างน้อย ๕ โรง ประเมินคร่าวๆ ๑ โรงงานใช้พนักงาน ๑ พัน คน….”

น่ายินดีครับ ถึง “ชนาพรรณ” ไม่เอ่ยชื่อรัฐบาล แต่ก็เป็นที่รับรู้โดยทั่วกันว่า รัฐบาลลุงตู่ ปูทางไว้ให้ เอกชนอย่างไทยซัมมิทจึงได้ประโยชน์ไปเต็มๆ

“พิธา” ดูไว้ของจริงไม่ต้องสร้างภาพ

วันหนึ่งต้องมีคนเอาไปพูดว่าได้ทำอะไรไว้ให้กับประเทศบ้าง

ดูกรณี “ลุงตู่” เป็นตัวอย่าง พี่สาวธนาธร ยังต้องซูฮก

Written By
More from pp
รมว.แรงงาน “พิพัฒน์” ปาฐกถา เร่งอัพสกิลแรงงาน เสริมซอฟต์เพาเวอร์ บูสต์ท่องเที่ยว
28 กันยายน 2566 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน  เป็นประธานกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง นโยบายการยกระดับแรงงานภาคท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในงานประชุมสมาชิกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA)
Read More
0 replies on “ผู้นำแท้-ผู้นำเทียม – ผักกาดหอม”