พรรคพลังประชารัฐ นำโดย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ปราศรัยหาเสียง ช่วย นายนรพล ตันติมนตรี ผู้สมัคร ส.ส.หมายเลข 8 เขต 10 จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีการเเห่รถหาเสียงไปรอบอำเภอฮอด พร้อมทักทายประชาชน ก่อนขึ้นเวทีปราศรัย
ด้านนายชัยวุฒิ ได้กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า เห็นใจชาวบ้านสำหรับปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยยืนยันว่าสิ่งเเรกที่พรรคพลังประชารัฐจะทำทันทีที่เป็นรัฐบาล เเละพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็คือ การลดค่าครองชีพ ลดค่าไฟ ค่าเเก็ส ค่าน้ำมัน
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตั้งแต่มีการต่อสู้บนถนนราชดําเนิน บนสี่แยกราชประสงค์ ตนเคยถูกยึดทรัพย์ ถูกดําเนินคดีในฐานะเป็นท่อน้ําเลี้ยงคนเสื้อแดง เมื่อปี49 จนถึงทุกวันนี้ มีพี่น้องหลายท่านติดคุกติดตาราง หลายท่านมีคดีติดตัว หลายท่านต้องเสียลูก เสียเมีย เสียผู้นําครอบครัว
ถ้าถามว่า ตั้งแต่มีการต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นสีไหน ถามว่าคนไทยได้อะไร ตอบได้ทันทีว่ามีแต่เพิ่มความบอบช้ำ เกิดความแตกแยกความสามัคคี บ้านใดเมืองใดไม่มีความสามัคคี อย่าหวังเลยว่าประเทศชาติจะมีเกิดความมั่นคง มั่งคั่งอย่างยั่งยืน
“จึงเป็นที่มาที่พรรคพลังประชารัฐประกาศนโยบายว่า เราต้องการให้คนไทยรักกัน นั่นคือนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง เราจะเปลี่ยนเชียงใหม่ เราต้องกล้าเปลี่ยน ของเก่าเราไม่เอา ของเก่า ถอดทิ้งจากหัวใจดีกว่า การที่จะเลือกคนมาเป็นผู้แทน ถือว่าสําคัญมาก”
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่ภาคเหนือลําไย ถือว่าเป็นพืชผลทางการเกษตรของพี่น้องชาวเหนือ แต่กลับไม่มีกฎหมายคุ้มครอง อย่างเช่น พ.ร.บ. ลําไย ตอนตนเป็นรัฐมนตรี ก็พยายามผลักดัน พ. ร. บ. ลําไย มา จนตอนนี้เรามี พรบ.ลําไยคุ้มครองแล้ว โดยเมื่อปี2563 พี่น้องได้ชดเชยราคาลําไย ไร่ละสองพันบาท
ซึ่งบุคคลที่อยู่ข้างหลังในการผลักดันช่วยจนสำเร็จ ก็คือผู้ใหญ่ใจดี ท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ท่านไม่เลือกปฏิบัติ ทุกคนเท่าเทียมกัน ตั้งใจที่จะมาพัฒนาประเทศของเราอย่างแท้จริง
“พี่น้องครับ ในส่วนของบัตรประชารัฐ ถ้ามีพรรคใดพรรคหนึ่งประกาศว่า เราจะเปลี่ยนบัตรพวกนี้ไม่เอาแล้ว พี่น้องจะยอมหรือไม่ เราต้องสามัคคี เราต้องเลือกเจ้าของบัตร เจ้าของความคิด ชื่อมันบอกชัดเจนว่า บัตรประชารัฐ ดังนั้น บัตรประชารัฐที่อยู่กับคนไทย ณ เวลานี้กว่า 40 ล้านกว่าชีวิต เราจะเปลี่ยนมูลค่าในบัตรจาก 300 บาทเป็น 700 บาท
ซึ่งบัตรประชารัฐยังมีทุนอีก 30,000 บาทที่พี่น้องจะสามารถนำไปประกอบอาชีพต่อยอดได้ และยังมีประกันชีวิต ทันทีที่เราหมดลมหายใจ คนข้างหลังไม่ลําบาก สามารถไปเบิกเบี้ยประกันได้อีก 200,000 บาท นี่คือสิ่งที่เราต้ังใจทำให้ครับ สุดท้ายผมขอฝาก ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ และขอให้มั่นใจว่า เราทำจริงทำทันที มาร่วมกันก้าวข้ามความขัดแย้ง ก้าวข้ามความยากจนไปด้วยกัน”