คลิกฟังบทความ…?
เปลว สีเงิน
โลกนี้มันกลมจริงด้วยแหละ!
ย้อนไปตอนปลายๆ “รัฐบาลป๋าเปรม” ในการประชุมเวิลด์แบงก์ ที่กรุงวอชิงตัน
๓๐ กว่าปีมาแล้ว
ไทยล็อบบี้ ขอเป็นเจ้าภาพจัดประชุมประจำปี (Annual Meetings) ของสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ครั้งที่ ๔๖ ในปี ๒๕๓๔ ที่กรุงเทพฯ
ยังไม่ทันมีคำตอบว่าจะได้เป็นเจ้าภาพจัดหรือไม่
ปี ๒๕๓๑ ป๋าเปรมประกาศ “ผมพอแล้ว”
“พลเอกชาติชาย ชุณหะวัน” หัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งมีเสียงข้างมากจากการเลือกตั้ง จึงขึ้นเป็นนายกฯ ต่อ
ปี ๒๕๓๒ World Bank ประกาศเลือกไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ในเดือนตุลา.ปี ๓๔
แรกๆ จะใช้โรงแรม “เซ็นทรัลพลาซา” ลาดพร้าว
แต่เพื่อความลงตัว นายกฯ ชาติชายและนายประมวล สภาวสุ รมว.คลัง ขณะนั้น ตัดสินใจสร้างสถานที่ประชุมขึ้นใหม่
ก็ตรง “ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” ปัจจุบันนี่แหละ
มีเวลาเพียง ๒ ปี แต่ใช้เวลา ๑๖ เดือน ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก่อนกำหนด ประหนึ่ง “เนรมิต”
ต้องยกเครดิตให้อธิบดีกรมธนารักษ์ “นายนิพัทธ พุกกะณะสุต” อธิบดีกรมธนารักษ์ตอนนั้นด้วย ที่คุมการก่อสร้างจนได้รับคำชม
“สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” ในรัชกาลที่ ๙ พระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้พระนามเป็นชื่อของศูนย์การประชุม
เนื่องในวโรกาสที่พระองค์ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๕ รอบ ในเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๕
ประเด็นที่อยากเล่าสู่กันฟัง คือ…….
การเป็นเจ้าภาพประชุมเวิลด์แบงก์ของไทย ผ่านไป ๓๒ ปี
แล้วกงล้อประวัติศาสตร์ที่จะฉุดไทยให้ให้พุ่งกระฉูดโลกก็หมุนกลับมาอีกครั้ง
ปี ๒๕๖๖ ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ โดย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีคลัง ที่ยื่นความจำนง
Board of Governors ของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
เลือก “ประเทศไทย” เป็นเจ้าภาพจัดประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) อีกครั้ง
ในอีก ๓ ปี ข้างหน้า คือราวๆ เดือนตุลาคม ปี ๒๕๖๙!
สถานที่ประชุมลงตัวแน่นอน
คือที่ “ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” ซึ่งเพิ่งเบิกฤกษ์ด้วยงาน APEC ไปหมาดๆ
ผมก็นั่งลำดับความจำดู ครั้งแรก รัฐบาลป๋าเปรม เป็นผู้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพ
รัฐบาลพลเอกชาติชายเป็นผู้ลงมือเตรียมงานทั้งหมด
แต่คนได้ออกหน้า-ออกแสงในฐานะประเทศเจ้าภาพ คือ
รัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน ในฐานะนายกฯ และนายสุธี สิงห์เสน่ห์ ในฐานะรัฐมนตรีคลัง ของรัฐบาลต่อมา!
เพราะเดือนกุมภา.ปี ๒๕๓๔ ก่อนถึงงาน
คณะรสช.ประกอบด้วย ๔ บิ๊ก บิ๊กจ๊อด-พลเอกสุนทร คงสมพงษ์, บิ๊กสุ-พลเอกสุจินดา คราประยูร
บิ๊กเต้-พล.อ.อ.เกษตร โรจนนิล และบิ๊กตุ๋ย-พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี ทำ “รัฐประหาร” รัฐบาลพลเอกชาติชาย
นายอานันท์ ปันยารชุน ขึ้นเป็นนายกฯ ในเดือนมีนา.จึงเป็นเจ้าภาพงานการประชุมเวิลด์แบงก์ในเดือนตุลา.๓๔
ย้อนไปดูอีก ๓ ปีข้างหน้า……..
แล้วใคร คือ นายกฯ และรัฐมนตรีคลัง ในปี ๒๕๖๙
ที่จะยืนจับมือนักการเงิน-การธนาคารระดับโลกที่จะมาประชุมกันที่กรุงเทพฯ ในอีก ๓ ปีข้างหน้า ในฐานะเจ้าภาพ?
น่าลุ้นนะ!
เลือกตั้ง ๑๔ พฤษภา.เสร็จ ก็พอจะรู้เงาๆ ว่าใครคือคนนั้นและต้องเป็นผู้เตรียมงานในฐานะเจ้าภาพ
เพราะเวลา ๒ ปี กับการเตรียมงานระดับโลก สำหรับคนระดับโลกกว่าหมื่นคนจะมารวมกันที่เมืองไทย
พลาด “เซนต์เดียว” ก็ผิดมหันต์!
การประชุม Annual Meetings นี้ เป็นการประชุมครั้งสำคัญของธนาคารโลก และ IMF
เขาจะจัดขึ้น ๒ ปี ต่อเนื่องกัน ที่สำนักงานใหญ่เวิลด์แบงก์และ IMF ที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐฯ
จากนั้น ก็จะหมุนเวียนให้ประเทศสมาชิกเป็นเจ้าภาพในทุกปีที่ ๓ และปี ๒๕๖๖ นี้ จะจัดขึ้นที่เมืองมาราเกซ โมร็อกโก
แต่ละครั้ง จะมีผู้เข้าร่วมทั่วโลกมากกว่า ๑๔,๐๐๐ คน
ประกอบด้วย ผู้แทนระดับรัฐมนตรี ผู้ว่าธนาคารกลาง ผู้นำภาคเอกชน สื่อมวลชน และนักวิชาการ
นี่ ตอนนี้ พอข่าวว่าไทยได้เป็นเจ้าภาพ ผมว่า แต่ละนายแบงก์ แต่ละสถาบันการเงิน
เตรียมแย่งตัว-แย่งเชิญคนสำคัญๆ ที่จะมา ไปเป็นแขกรับเลี้ยงในนามแต่ละองค์กรตัวเองกันจ้าละหวั่นแล้วมั้ง?
รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ โดยนายอาคม รัฐมนตรีคลัง ในนามประเทศไทย ที่เสนอตัวแข่งเป็นเจ้าภาพ
แล้วพลเอกประยุทธ์ จะได้เป็นรัฐบาลเตรียมงานที่จะมีขึ้นในอีก ๒ ปีกว่าข้างหน้าหรือไม่?
อืมมมม…เป็นอีกเดิมพันที่ต้องลุ้น!
แต่ที่ไม่ต้องลุ้น สำหรับพลเอกประยุทธ์ คือ ถึงท่านจะได้กลับไปเป็นนายกฯ หลังเลือกตั้งหลัง ๑๔ พฤษภา.
ก็จะได้แค่ “ผู้ตรียมงาน” จัดประชุมเท่านั้น
ไม่มีโอกาสได้แต่งตัว ผัดหน้า-ทาแป้ง ไปยืนรับแขก ในฐานะเจ้าภาพงาน ในเดือนตุลา.ของปี ๒๕๖๙ แน่
เพราะ ๘ ปี ของการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของท่าน “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีคำวินิจฉัย ให้นับจากวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๐ ก็จะครบกำหนด ในวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๘!
ฉะนั้น ต้องลุ้นกันละว่า………
พ้นจากพลเอกประยุทธ์แล้ว ใคร..ที่จะได้รับเกียรตินั้น?
-นายอนุทิน ชาญวีรกูล
-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
-นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
-นางสาวแพทองธาร ชินวัตร
หรือจะเป็น “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”?
เพราะตามลอจิก……..
ถ้าพาพ่อกลับบ้านได้ พลเอกประยุทธ์ ก็พ่อเหมือนกัน ย่อมกลับมาได้เช่นกัน จริงมะ?
พูดถึงเรื่องนายกฯ ผมอ่านที่แม่หมอ “ฟองสนาน” นำมาโพสต์ในไลน์ อ่านแล้วขำดี จะลอกมาให้อ่าน
เป็นเรื่องของ ๓ ตู่
ตู่แรก-วรวรรณ ผู้โพสต์, ตู่ที่สอง-ประยุทธ์ ผู้ถูกนินทา และ ตู่ที่สาม-จตุพร ผู้ถูกอ้างอิง
…………………………
วรวรรณ ธาราภูมิ
เวลามีคนดังคนไหนพูดภาษาอังกฤษได้ คนไทยมักจะกรี๊ดกร๊าด ชื่นชมที่สุด จริงไหมล่า
ทั้งๆ ที่บางคนเนื้อหาที่พูดไม่ได้สะท้อนอะไรที่น่าชื่นชม บางคนกลวง บางคนแน่นปึ้ก
ที่ขำๆ ก็คือ Spotlight ทุกดวงพุ่งไปที่คุณท็อป ศิลปอาชา ทันที เมื่อคลิปที่คุณท็อปพูดภาษาอังกฤษแบบแน่นเปรี๊ยะ เผยแพร่ออกมา
อันนี้ ต้องบอกว่า เธอได้ ทั้งภาษาที่ดีมาก
และเนื้อหาที่แสดงภูมิรู้จริงๆ ทำให้กลายเป็นดาวฤกษ์ที่ส่งแสงได้ด้วยตนเอง
หลังจากนั้น นักการเมืองก็ออกมาใช้ภาษาอังกฤษในการให้สัมภาษณ์กันตามมา
เท่าที่เคยเห็นก็คือ คุณอุ๊งอิ๊ง ให้สัมภาษณ์แบบภาษาลูกผสมซึ่งมักใช้ในกลุ่มเพื่อนฝูงด้วยกัน
แล้วก็มีคุณพิธา …
ซึ่งเนื้อหาก็สะท้อนบุคลิก ความคิดอ่าน ความเชื่อ คุณค่า และวิสัยทัศน์ของแต่ละท่านได้
ล่าสุด มีนักการเมืองรายหนึ่ง ออกมาเยาะเย้ยนายกฯ ประยุทธ์ ประมาณว่า
ไปไหนก็น่าขายหน้า เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ต้องใช้ล่าม
มีคนออกมาบอกว่า แปลกตรงไหน เพราะขนาด สี จิ้นผิง ยิ่งใหญ่ปานนั้น ก็ยังใช้ภาษาจีนเลย
สำหรับข้าพเจ้านั้น จะพูดเป็นภาษาไทย อังกฤษ หรือภาษาอะไรก็ได้ ขอให้เป็นภาษาคน ที่คนฟังแล้วเข้าใจว่าพูดอะไรก็พอ
แต่ที่เด็ดสุด ก็คือ คุณจตุพร พรหมพันธุ์ ที่บอกว่า ….
“ถ้าต้องการให้นายกคนใหม่พูดภาษาอังกฤษเก่ง ก็ไปเอามัคคุเทศก์มาเป็นนายกซะเลยสิ”
ดอกนี้ของคุณจตุพร ทำข้าพเจ้าขำแทบตกเก้าอี้ แต่ก็จริงของเธอละนะ
วันนี้มาเพื่อขำๆ เท่านั้นแหละ
วรวรรณ ธาราภูมิ
19 เมษายน 2566
…………………………………..
“คุณท็อป ศิลปอาชา” อ่านปลื้มตายเลย
เพราะในโคลนตม นั้น
“เจ๊ตู่-วรวรรณ” ตาแหลมคม มองเห็นคุณท็อป “วราวุธ ศิลปอาชา” คือดาวฤกษ์ “ดวงเดียว” ที่พราวพราย
ก็ใช่เลย!
เปลว สีเงิน
๒๑ เมษายน ๒๕๖๖