ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
ตื่นกันทั้งโลกแบบนี้..ไม่ปกติแน่
ใช่..ผมหมายถึง “ไวรัสมรณะ” ที่กำลังทำให้จีนวิกฤติถึงกับปิดประเทศ-ปิดเมืองอยู่ในขณะนี้ เพราะลองรัฐบาลสหรัฐสั่งอพยพพลเมืองตลอดจนเจ้าหน้าที่การทูตออกจากเมืองอูฮั่นอย่างเร่งด่วน
พร้อมกับประโยคสำทับจากปากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง.. “สถานการณ์การแพร่ระบาดจะเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่”..
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
นั่น..แสดงว่าไอ้เจ้าไวรัส “โคโรน่าสายพันธุ์ใหม่” ตัวนี้ อันตราย-น่ากลัวกว่าเจ้าอีโบล่า หรือ โรคซาร์สในอดีตอย่างไม่ต้องสงสัย!
แต่ที่ให้สงสัยก็คือ..ไอ้โคโรน่า มันเป็น “ไวรัส” ที่เกิดจากสัตว์ หรือจากสมองของมนุษย์กันแน่?
เออ..และนี่ให้สงสัยเหมือนกัน ก็ที่นายปิยบุตรสุดหล่อพูดเมื่อวันก่อนว่า.. “ในวันนี้ประเทศไทยเป็นสังคมอำนาจนิยม แต่อำนาจนิยมจะหมดไปได้ต้องเริ่มจากการไม่เชื่อฟังอำนาจ
เราลองเริ่มต้นทดลองไม่เชื่อฟัง และท้าทายอำนาจ ออกแบบความคิดที่สร้างสรรค์กว่าที่เป็นอยู่ โดยเริ่มทดลองและตั้งคำถาม ก็จะเป็นเสรีภาพที่ไม่เชื่อฟังอำนาจ ถือเป็นเสรีภาพที่สมบูรณ์ที่สุด
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
แม้ว่าอาจจะเดือดร้อน แต่การไม่เชื่อฟังเช่นนี้ จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง แม้เสี่ยงตาย แต่จะนำไปสู่การปลดปล่อย และเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
ขอให้ไปทดลองและทดสอบดู โดยเฉพาะการตั้งคำถามเกี่ยวกับการใช้อำนาจ และคิดท้าทาย หาทางออกร่วมกัน เพื่อให้ประเทศไปสู่สังคมที่ดีกว่า”
คือ..สงสัย ทุกวันนี้เราอยู่ภายใต้อำนาจนิยมในความหมาย.. “เป็นระบอบการเมืองที่มีฐานอยู่บนอุดมการณ์ทางการเมืองแบบเผด็จการชนิดที่ผู้ปกครองสามารถใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหนือรัฐ หรือกลุ่มคนใดๆ
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
ในการดำรงไว้ซึ่งเป้าหมายสูงสุด คือ การรักษาอำนาจของตน โดยมักจะไม่คำนึงถึงสิทธิ เสรีภาพของประชาชน ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นที่เป็นปฏิปักษ์กับผู้นำ ควบคุมสื่อมวลชน ผูกขาดการใช้อำนาจและจำกัดการตรวจสอบ” จริงๆ หรือ?
ซึ่งหากผู้ปกครอง หรือพูดให้ชัด รัฐบาลชุดนี้ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จจริง นายปิยบุตรจะสามารถเดินสาย “ปลุกระดม” ให้ประชาชนไม่เชื่อฟังและท้าทายอำนาจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอย่างนี้หรือ?
การไม่เชื่อฟัง (อำนาจ) นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรเหรอบุตร? และตั้งแต่บุตรได้เป็นส.ส.เข้าไปนั่งในสภา ถามคำ-ตอบตรง..
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
บุตรได้ทำงานเพื่อประโยชน์-ปากท้องประชาชนบ้างสักอย่างรึยัง..หือ?
บุตรลั่นวาจา.. “อยู่ในสังคมแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว”..แล้วบุตรไม่สำเหนียกไม่รู้ตัวบ้างรึว่าเวลานี้สังคมก็เอือมระอา และรำคาญเหลือจะรับบุตรเช่นกัน
แต่เพราะ “อำนาจนิยม” ไม่มีอยู่จริง จึงต้องอดกลั้น อดทน..
ให้บุตรร่วมสังคม ปลุกระดมอยู่อย่างเสรีไง?
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});